ยอดหญิงลิขิตสวรรค์ - ตอนที่ 1984 ความลับในประตูแดนสวรรค์
ตอนที่ 1984 ความลับในประตูแดนสวรรค์
………………..
เยี่ยนชิงกำลังครุ่นคิดอันใดบางอย่างอยู่
“ได้ยินว่าแต่ก่อนคุณชายสี่แห่งตระกูลหลินเป็นที่ชื่นชอบของสตรีมากมายที่ผาแดนสวรรค์ แต่ด้วยสุขภาพที่อ่อนแอ เรื่องแต่งงานจึงล่าช้าออกไปโดยไม่มีกำหนดที่แน่นนอน…”
แม้ว่าเรื่องเหล่านี้จะเป็นเรื่องเล็กน้อย แต่เรื่องราวที่เยี่ยนชิงควบคุมอยู่ในมือนั้นเกินกว่าที่คาดคิดของคนทั่วไปอย่างมาก
ไม่เช่นนั้นเขาคงไม่สามารถอยู่กับหรงซิ่วได้นานถึงเพียงนี้ และจัดการทุกเรื่องได้อย่างเรียบร้อยเป็นอย่างดี
อวี๋มั่วมีสีหน้าซีดเซียว เขาพยายามคายใบชาในปากออกมาอย่างยากลำบาก
“เจ้า เจ้าหมายถึงหลินจือเฟยหรือ”
คุณชายสี่ตระกูลหลินแห่งผาแดนสวรรค์ ผู้นั้นคงไม่ใช่หลินจือเฟยหรอกหรือ!
แต่ประเด็นสำคัญ…เหตุใดจู่ๆ เยี่ยนชิงจึงพูดถึงเขาในเวลาเช่นนี้และยังถามว่าเขาหน้าตาดีหรือไม่!
อวี๋มั่วจ้องมองเขาราวกลับเห็นอันใดบางอย่างและเอ่ยขึ้นว่า
“เขาหน้าตาดีหรือก็ไม่เกี่ยวอันใดกับเจ้า ไม่นะ…เหยี่ยนชิง เจ้าไม่ได้เป็นอันใดใช่หรือไม่!”
นี่ไม่ใช่เหยี่ยนชิงที่เขารู้จักคนนั้นเลย!
ในวันปกติของเจ้านี่ล้วนไม่สนใจว่าสตรีจะหน้าตาดีหรือไม่ นึกไม่ถึงว่าจะเป็นคำถามของบุรุษในเวลาเช่นนี้…
แววตาของอวี๋มั่วจากความประหลาดใจและสับสน ค่อยๆ เปลี่ยนเป็นความตื่นตระหนกตกใจแทน
“เดี๋ยว ช้าก่อน! เจ้า เจ้าคงไม่ได้…”
ทันใดนั้นเขาก็คิดอันใดบางอย่างขึ้นมาจึงโยนถ้วยชาในมือออกไป มือทั้งสองป้องไว้ที่อกด้วยความประหม่าจนจะระเบิดออกมา
“เจ้าไปเลย!”
เจ้าเด็กหนุ่มเหยี่ยนชิงคนนี้คงไม่ได้ชอบผู้ชายมาโดยตลอดหรอกนะ!
เมื่อก่อนพวกเขากินและพักอาศัยอยู่ด้วยกันมาหลายปี!
เมื่อคิดถึงเรื่องนี้อวี๋มั่วรู้สึกแทบจะเสียสติ
เยี่ยนชิงขมวดคิ้วขึ้น สีหน้าที่เต็มไปด้วยความรังเกียจที่ปะทะเข้าหน้าอย่างจัง
“หากข้าชอบผู้ชายจริงๆ เจ้าก็คู่ควรอย่างนั้นหรือ”
อวี๋มั่วตอบกลับ
“….???”
พูดเช่นนี้เป็นเขาที่เข้าใจผิดอย่างนั้นหรือ
แต่เหตุใดคำพูดนี้ เมื่อได้ยิน กลับรู้สึกไม่ค่อยรื่นหูนัก!
เมื่อเห็นแววตาของเยี่ยนชิง อวี๋มั่วจึงรับรู้ได้ว่าตนเองในเวลานี้มีท่าทางอย่างใด จึงรู้สึกเขินอายขึ้นมาในทันที
“สมควร! เข้าใจผิด เข้าใจผิด”
เขาคลายมือที่ป้องเอาไว้ออกและลูบจมูกไปมาอย่างอึดอัดใจ
“นี่ข้า…นี่ข้าเป็นห่วงพี่น้องไม่ใช่หรอกหรือ!”
เยี่ยนชิงขมวดคิ้วแน่นขึ้น ความโมโหที่เห็นได้ยากปรากฏในแววตาของเขา
เป็นเพราะเขาเลอะเลือนจึงถามคำถามเช่นนี้กับอวี๋มั่ว
ไม่รู้ว่าในหัวของเขาคิดเรื่องไม่ดีไปไกลถึงเพียงใด
เมื่อคิดถึงสิ่งนี้ เขารู้สึกหงุดหงิดเล็กน้อยอย่างอธิบายไม่ได้ จึงลุกขึ้นและเดินจากไป
“อ้าว? เจ้าจะไปไหน ยังพูดไม่จบเลยนะ!”
เมื่อเห็นเยี่ยนชิงกำลังเดินไป เขาจึงตามไปแต่ไม่กล้าเข้าไปใกล้มากนัก
“ถือว่าข้าขอโทษได้หรือไม่ เจ้าบอกข้ามาก่อน…”
ปัง!
เยี่ยนชิงเดินเข้าไปในห้องและปิดประตู เพื่อแยกตัวออกจากเสียงโวยวายน่ารำคาญนั่น
“ซู่…”
อวี๋มั่วสูดลมหายใจเข้าลึกๆ เขาปิดจมูกและหายใจเข้า
เจ็บมาก!
เด็กหนุ่มคนนี้เก็บเอาไว้ไม่ได้แล้วจริงๆ
อีกทั้งเหตุใดวันนี้ถึงได้อารมณ์ร้อนเป็นพิเศษ
ใครยั่วโมโหเขา
อวี๋มั่วรู้สึกไม่เป็นปกติอย่างมาก แต่ไม่ได้โกรธอันใด
เยี่ยนชิงเป็นแบบนี้ดูแล้วมีบางอย่างผิดปกติจริงๆ
บางที…
เขาควรเริ่มตรวจสอบจากด้านอื่นๆ แทนอย่างนั้นหรือ
…
ฉู่หลิวเยว่และผู้ติดตามของนางมาด้วยความรวดเร็วหลังจากประมาณครึ่งชั่วยามก็มาถึงประตูแดนสวรรค์ของท่าเรือดอกท้อ
เมื่อมองจากระยะไกล ม่านแสงขนาดใหญ่ตกลงมาจากฟ้า
แรงกดดันอันกว้างใหญ่และทรงพลังค่อยๆ แผ่กระจากลงมาจากด้านบน
นี่คือประตูแดนสวรรค์ที่เชื่อมโยงการดำรงอยู่ของอาณาจักรเสิ่นซวี่ทั้งภายในและภายนอก
องค์รักษ์จวนเยว่ที่รับผิดชอบเฝ้าที่นี้อยู่ตลอด เมื่อเห็นฉู่หลิวเยว่และคนอื่นๆ มาถึงจึงเข้ามาทำความเคารพโดยพร้อมเพียง
“ขอคารวะนายท่านเยว่!”
ฉู่หลิวเยว่พยักหน้ารับและส่งสัญญาณให้พวกเขาไม่ต้องมากพิธี
คนพวกนี้ซานซานคัดเลือกมาด้วยตนเองล้วนเป็นคนที่ไว้ใจได้ทั้งสิ้น
นางมองดูที่ประตูแดนสวรรค์ครู่หนึ่งแต่ไม่พบความผิดปกติอันใด
“เฉินอี ก่อนหน้าเจ้าพูดว่าสถานการณ์ที่นี่ผิดปกติ…จริงๆ แล้วเกิดอันใดขึ้นกันแน่”
เฉินอีเดินออกมาห่างระยะหนึ่งกับประตูแดนสวรรค์เพียงไม่กี่ก้าว
และใกล้เพียงปลายนิ้วสัมผัส
“นายท่าน ท่านมาดูตรงนี้”
ฉู่หลิวเยว่รู้สึกสงสัยจึงเดินเข้าไป
จนกระทั่งนางมายืนในตำแหน่งนี้ ถึงเห็นความผิดปกติของประตูแดนสวรรค์ที่ปรากฏออกมานั่น
ความผันผวนของพลังบนประตูแดนสวรรค์นี้…ดูไม่ปกติเอาเสียเลย
ฉู่หลิเยว่ยื่นมือออกไป
นิ้วมือเรียวบางกำลังสัมผัสม่านแสงที่เปล่งประกายจางๆ มีระลอกคลื่นเล็กๆ สั่นไหวออกมา
ลมปราณรุนแรงจู่ๆ ก็พวยพุ่งออกมาจากม่านแสงนั่นอย่างรวดเร็ว!
ฉู่หลิวเยว่ตกตะลึงและเปลวไฟสีทองหลั่งไหลออกมาอย่างรวดเร็ว!
ชั่วครู่ต่อมาเปลวไฟนั่นเหมือนถูกมือที่มองไม่เห็นดึงเข้าไปในม่านแสงนั่นอย่างรวดเร็ว!
ตู้ม!
แสงจากเปลวไฟแตกกระจายอย่างรุนแรง!
“นายท่านระวัง!”
ดูเหมือนเฉินอีจะคาดเดาสถานการณ์เอาไว้ล่วงหน้าแล้ว เขาจึงลงมือวางค่ายกลสีเขียวไว้ที่ด้านหน้าของฉู่หลิวเยว่
เปลวไฟที่แตกละเอียดร่วงตกลงมาบนค่ายกลนั่น จนเกิดเป็นเสียง “ฟู่ๆ” ดังเข้ามาในหูอย่างรุนแรงและสลายไปอย่างรวดเร็ว
และในเวลานี้เปลวไฟกลุ่มนั้นได้มลายหายไปจนสิ้น!
บนม่านพลังยังคงเหลือระลอกคลื่นเล็กๆ ที่สั่นไหวอยู่
ฉู่หลิวเยว่กลั้นลมหายใจ
ขณะนั้นยางพบว่าระลอกเคลื่อนเหล่านั้นมารวมตัวกันจนกลายเป็นกระแสน้ำวน!
กระแสน้ำตื้นๆ เมื่อมองด้านหน้าแทบแยกไม่ได้
ถ้าไม่ใช่เพราะเปลวไฟกลุ่มนั้นที่ถูกกลืนกินเข้าไปพอดี คงยากที่ฉู่หลิวเยว่จะค้นพบจุดนี้ได้
ไม่นานกระแสน้ำวนนั่นค่อยๆ สงบลงและฟื้นคืนสภาพที่สงบและไร้คลื่นกลับมาดังเดิม
ดูเหมือนว่าทั้งหมดเมื่อครู่นี้เป็นเพียงภาพลวงตา
ฉู่หลิวเยว่เลิกคิ้วขึ้น
ประตูแดนสวรรค์นี้ช่างแตกต่างจากประตูแดนสวรรค์ทั่วไปจริงๆ
ด้านในนี้…รวบรวมพลังที่เป็นอันตรายเอาไว้อย่างมาก!
ฉู่หลิวเยว่ไม่นึกสงสัยเลย หากมีคนเดินผ่านตรงนี้ในเวลาเช่นนี้ ผลสุดท้ายก็จะถูกกลืนกินเหมือนกับเปลวไฟกลุ่มนั้น!
เมื่อถึงเวลาเกรงว่าคงยากที่จะอธิบายได้!
ประตูแดนสวรรค์เช่นนี้ช่างอันตรายยิ่งนัก จึงไม่มีทางทำงานได้อย่างปกติ!
ไม่แปลกใจเลยที่เฉินอียืนกรานต้องเชิญนางมาดูด้วยตนเองให้ได้
“ประตูแดนสวรรค์นี้…เริ่มกลายเป็นเช่นนี้ตั้งแต่เมื่อใด”
ฉู่หลิวเยว่หันกลับไปมองหลายคนที่รับผิดชอบเฝ้ายาม
คนที่อยู่ด้านหน้าเอ่ยขึ้นอย่างรีบร้อน
“รายงานนายท่านเยว่ สถานการณ์นี้ไม่ได้เกิดขึ้นในทันที ตั้งแต่คนในสำนักกระบี่ทมิฬถูกสังหารจนหมด พวกเขาก็มาที่แห่งนี้เพื่อแทนที่พวกเขาในวันแรก ประตูแดนสวรรค์นี้ยังดีๆ อยู่เลย แต่เมื่อเวลาผ่านไปมันก็ค่อยๆ เกิดการเปลี่ยนแปลงขึ้น จนกระทั่งเมื่อวานที่ไม่สามารถเข้าออกได้จริงๆ”
“เดิมที่ข้าน้อยรอรายงานเรื่องนี้ในวันนี้ แต่ใต้เท้าเฉินอีมาพอดี พวกข้าก็…”
อันที่จริงก็มิอาจโทษพวกเขาได้ที่พบเรื่องนี้ช้าเกินไป
ในช่วงเวลานี้สถานการณ์ท่าเรือดอกท้อในทุกพื้นที่อยู่ภายใต้กฎอัยการศึก ดังนั้น
ประตูแดนสวรรค์แห่งนี้ถูกผนึกไว้อย่างสมบูรณ์
พวกเขาเพียงแค่รับผิดชอบเฝ้ายาม อีกทั้งการเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นอย่างไร้เสียงเช่นนี้ ทำให้ด้านนอกแทบมองไม่ออกถึงความผิดปกติใดๆ หากพวกเขาจะเพิ่งรู้ในตอนนี้ ถือได้ว่าเป็นเรื่องปกติยิ่งนัก
ฉู่หลิวเยว่มองไปทางเฉินอี
“เจ้ามองเช่นนี้?”
เฉินอีนิ่งไปชั่วครู่
“ข้าน้อยคาดเดาว่า บางที…สิ่งนี้เกิดจากพลังด้านนอก”
เพียงคำพูดสั้นๆ ไม่กี่คำปริมาณข้อมูลที่ประกอบกันกลับมีมากขึ้น
เพราะว่าที่นี่ไม่ใช่ค่ายกลธรรมดาทั่วไป แต่เป็นประตูแดนสวรรค์!
แสงสว่างนี้เกิดขึ้นตามธรรมชาติและอยู่มาเมื่อหมื่นปีก่อน!
ผู้ใดกันที่มีพลังแข็งแกร่งขนาดนี้ถึงสามารถส่งผลกระทบต่อสถานการณ์เช่นนี้ได้!
ทันใดนั้น มีเสียงหนึ่งดังขึ้นมา
“ภายในประตูแดนสวรรค์นี้ มีค่ายกลซ่อนอยู่”
ฉู่หลิวเยว่เงยหน้าขึ้นและพบว่าหลินจือเฟยเดินเข้ามาโดยที่นางไม่รู้ตัว เขายืนอยู่หน้าประตูแดนสวรรค์ ดวงตาทั้งคู่จ้องเขม็ง
หัวใจของนางสั่นไหว
“เหตุใดถึงพูดเช่นนั้น”