ยอดหญิงลิขิตสวรรค์ - ตอนที่ 1989 เจ้าไปไหนแล้ว
ตอนที่ 1989 เจ้าไปไหนแล้ว
………………..
รอยยิ้มบนใบหน้าของซานซานเบ่งบานขึ้นอีกครั้งในทันที
“แฮ่ๆ นายท่านช่างหลักแหลมจริงๆ ท่านเดาได้ถูกต้อง นับจากที่ข้าปล่อยข่าวออกไปเมื่อสามวันก่อน โดยวางแผนจะขายสมุนไพรกับยาอายุวัฒนะที่ท่าเรือดอกท้อ หลายวันมานี้ได้รับข่าวจากหลายตระกูลอย่างต่อเนื่อง นี่คือรายชื่อทีข้าได้รวบรวมเอาไว้แล้ว ท่านดูสิ!”
ขณะที่พูดเขายื่นกระดาษแผ่นหนึ่งด้วยมือทั้งสองข้าง
ฉู่หลิวเยว่รับกระดาษแผ่นนั้นมา
มีรายชื่อเขียนอยู่บนกระดาษชุดหนึ่ง
ส่วนใหญ่เป็นตระกูลขุนนางชั้นสูงที่มีชื่อเสียงในอาณาจักรเสิ่นซวี่
ในบรรดาคนเหล่านี้ฉู่หลิวเยว่ค่อนข้างคุ้นเคยอยู่บ้าง
ซานซานถูมือไปมาจนยากที่จะซ่อนความตื่นเต้นและความร้อนรนเอาไว้ได้
“นายท่าน ตั้งแต่ที่ท่านชนะอี้เหวินเทา ชื่อเสียงของจวนเยว่ในท่าเรือดอกท้อของพวกเรานั้นนับว่าคลี่คลายได้สำเร็จแล้ว! ตอนนี้ผู้คนไม่น้อยจากอาณาจักรเสิ่นซวี่ล้วนต้องการสร้างสัมพันธ์อันดีกับพวกเรา!”
หากจะพูดว่า ‘เอาใจ’ ก็คงไม่เกินไป
ทุกคนในอาณาจักรเสิ่นซวี่ต่างรู้ดีว่าท่าเรือดอกท้อเป็นดินแดนล้ำค่าเช่นใด
บัดนี้สถานที่แห่งนี้เป็นของฉู่หลิวเยว่แล้ว พวกเขาทำได้เพียงยอมรับความด้อยกว่านี้แทน
แม้จะไม่ได้ครอบครองท่าเรือดอกท้อ แต่หากได้ทรัพยากรของท่าเรือดอกท้อ เช่นนั้นก็เหมือนกันนะสิ!
ที่แห่งนี้มีพลังแห่งสวรรค์และโลก และยังเป็นดินแดนพิเศษที่ทำการเพาะปลูกให้เติบโตได้ทุกประเภท
จำนวนไม่น้อยล้วนพบหาได้ยากในทั้งอาณาจักรเสิ่นซวี่
แม้ว่าก่อนหน้านี้ซานซานจะเปิดร้านเพียงไม่กี่แห่งในท่าเรือดอกท้อ แต่ในความเป็นจริงกลับมีชื่อเสียงอย่างมาก
บางครั้งก็มีบุคคลมีชื่อเสียงเข้ามา เพื่อต้องการซื้อสมุนไพรกับยาอายุวัฒนะต่างๆ อันล้ำค่าจากที่แห่งนี้
นับตั้งแต่ซานซานปล่อยข่าวออกไป หลังจากนั้นก็มีตระกูลขุนนางมาแสดงน้ำใจจำนวนมากทีเดียว
ยิงปืนนัดเดียวได้นกสองตัว เหตุใดจะไม่ให้ความร่วมมือเล่า
ซานซานเกือบจะจินตนาการรอถึงฉากนั้นไม่ไหว
อย่างใดก็ตามท่าเรือดอกท้อท่าแห่งนี้แค่พื้นที่เล็กๆ ของเขาเพียงอย่างเดียวก็แทบจะมีดินแดนอันล้ำค่าอย่างไม่มีวันหมด ดังนั้นหากนำออกมาอย่างพอดี คงไม่เกิดผลกระทบอันใด
แม้คนอื่นจะไม่รู้ แต่นายท่านกับเขากลับรู้เรื่องนี้ดีที่สุด
เป็นเพราะเมื่อก่อนถูกคนของสำนักกระบี่ทมิฬบีบบังคับ เขาจึงพยายามปกปิดและระมัดระวังมาโดยตลอด แต่ตอนนี้เขาปล่อยวางมันลงได้แล้ว!
“นายท่าน ท่านดูรายชื่อนี้มีอันใดต้องแก้ไขอีกหรือไม่”
ฉู่หลิวเยว่อ่านดูอีกครั้ง
“เฟยซิงเหมิน และตระกูลนี้…”
นางพูดพลางชี้ไปบนกระดาษนั่น
ซานซานโน้มตัวไปดูและจดบันทึกเอาไว้อย่างรวดเร็ว
“นอกจากสี่ตระกูลนี้ ตระกูลที่เหลือปฏิเสธทั้งหมด”
ฉู่หลิวเยว่พูดเสียงเบา
ซานซานที่กำลังรอคอยด้วยความตื่นเต้นดีใจ แต่เมื่อได้ยินคำพูดนี้เข้าก็ประหลาดใจขึ้นในทันที
“ท่านก็ จะเลือกสี่ตระกูลอย่างนั้นหรือ!”
และปฏิเสธตระกูลที่เหลือทั้งหมดอย่างนั้นหรือ
แต่ด้านบนยังมีอีกสิบกว่าตระกูล!
นายท่าน นี่ยังไม่ถึงหนึ่งในสามเลย!
ฉู่หลิวเยว่พยักหน้าและส่งกระดาษแผ่นนั้นกลับไป
ซานซานไม่เข้าใจอย่างมากและจ้องมองรายชื่อบนกระดาษชุดนั้นอยู่ครู่หนึ่ง
“นายท่าน นี่ท่าน…เลือกน้อยเกินไปหรือไม่ บางตระกูลที่เหลือเป็นตระกูลใหญ่และทำการค้าขนาดใหญ่ ล้วนไม่ธรรมดาทั้งนั้น…”
“เจ้าควรไปถามว่า พวกเขามีเจตนาดีได้อย่างใดหลังจากที่รุกรานข้าได้ เมื่อคิดดีแล้วค่อยเขียนจดหมายกลับมา”
ในรายชื่อนี้มีจำนวนไม่น้อยที่เมื่อก่อนเคยผิดใจกับนางอยู่บ่อยครั้ง
ซานซานตะลึงไปครู่หนึ่ง ทำให้นึกถึงนายท่านของตัวเองที่เมื่อก่อนเคยอยู่อาณาจักรเสิ่นซวี่และเคยถูกโจมตีจากตระกูลชั้นสูงมาไม่น้อยจริงๆ
เขาตีเข้าที่หัวตนเองและรู้สึกเจ็บใจอย่างมาก
เหตุใดถึงลืมสิ่งนี้ไปได้!
“นายท่าน ใจเย็นก่อน ข้าแค่เพียงหลงลืมไปเท่านั้น…”
ซานซานรู้สึกอึดอัดใจอย่างมาก
ฉู่หลิวเยว่ยิ้มและมองเขาครู่หนึ่ง
“พอแล้ว ข้ารู้ว่าเจ้าไม่ได้ตั้งใจ อันที่จริงตระกูลเหล่านี้ก็ไม่ใช่ทั้งหมดที่เคยติดต่อกับข้า แต่สถานการณ์ตอนนี้เพิ่งเริ่มต้นเท่านั้น หากเลือกมามากเกินไปจะทำให้ดูดึงดูดความสนใจเป็นพิเศษก็เท่านั้น”
แม้ว่าสี่ตระกูลจะไม่น้อย แต่หากมีการควบคุมปริมาณก็น่าจะเป็นไปได้
ต้องรู้ว่าในอาณาจักรเสิ่นซวี่มีชนชั้นสูงหลายตระกูล ที่ไม่มีสมุนไพรกับยาอายุวัฒนะเพียงพอ มีหลายตระกูลที่ต้องซื้อมาจากข้างนอก
และคนที่สามารถจัดหาได้ครั้งละสี่ตระกูล กลับไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน
จึงเป็นเรื่องดีที่จะทำให้ทุกคนเกิดการคาดเดาบางอย่าง และไม่กล้าดูถูกท่าเรือดอกท้ออีกต่อไป ส่วนเรื่องที่มากกว่านี้ก็ไม่จำเป็นแล้ว
ซานซานพยักหน้าไปกระทันหันพลางเอ่ยขึ้น
“สิ่งที่ท่านพูดมา เช่นนั้นข้าจะไปตอบจดหมายถึงตระกูลเหล่านี้”
เขาค่อยๆ เช็ดเหงื่อที่หน้าผาก
นายท่านคงพิจารณาอย่างรอบคอบแล้ว
ฉู่หลิวเยว่พยักหน้า
“ไปเถอะ”
เรื่องทีซานซานรับผิดชอบ นางค่อยวางใจ
หรงซิวเข้ามากอดเอวของนางและวางคางของเขาไว้บนไหล่ของนางอย่างนุ่นนวล
ฉู่หลิวเยว่ค่อยๆ พยักหน้า
“การมีเพื่อนมากมายก็เป็นเรื่องที่ดี อันที่จริง…ก็ไม่รู้ว่าคนของถ้ำปีศาจทมิฬจะมีการเคลื่อนไหวเมื่อใด”
แท้จริงแล้งหากพูดอย่างระมัดระวังคนของถ้ำปีศาจทมิฬเคยลิ้มรสความเสียหายจากน้ำมือของนางอยู่หลายครั้ง
โดยเฉพาะกองทัพของสำนักกระบี่ทมิฬถูกทำลายทั้งหมด พวกเขาพูดได้เต็มปากว่าเป็นความสูญเสียอย่างรุนแรง
เป็นใครก็มิอาจทนได้
แต่จนถึงตอนนี้ทางถ้ำปีศาจทมิฬนั่น ก็ยังไม่มีความเคลื่อนไหวใดๆ
หรงซิวยกมุมปากขึ้นเล็กน้อย
“อย่ากังวลไปเลย มั่วสือเชียนไม่ใช่คนที่เต็มใจรับความโง่เขลาของตนหรอก”
ฉู่หลิวเยว่หันกลับมาและถามขึ้นอย่างสนใจ
“ฟังดูแล้วเหมือนเจ้าจะเข้าใจเขาเป็นอย่างดีอย่างเชียวนะ”
แม้ว่าก่อนหน้านี้ถือว่านางเคยไปมาหาสู่กับฝ่ายตรงข้ามมาก่อน เขาคนนั้นซ่อนตัวอยู่หลังหมอกควันหรือหลังกระจกมาโดยตลอด
นางไม่เคยเห็นลักษณ์ท่าทางจริงๆ ของเขาเลย
หรงซิวครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง
“ไม่ช้าก็เร็วเราจะได้รู้จักเขาแน่”
ฉู่หลิวเยว่ครุ่นคิดอย่างจริงจัง
ในเวลานั้นจู่ๆ ก็มีเสียงลมดังขึ้นกลางอากาศ
เมื่อฉู่หลิวเยว่รู้สึกตัวจึงเงยหน้าขึ้นมอง
ร่างที่แข็งแกร่งผิมขาวเหมือนหิมะพุ่งเข้ามาอย่างรวดเร็ว!
โอ้ว!
ฉู่หลิวเยว่เอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงเอ็นดู
เมื่อได้ยินเสียงของนางและเห็นใบหน้าของนาง เสวี่ยเสวี่ยที่วิ่งไปมาอยู่พักหนึ่งก็รู้สึกตื่นเต้นและอยากจะพุ่งเข้าหานางโดยตรง
สุดท้ายยังไม่ทันที่มันจะเข้ามาถึงก็มีสายตาเย็นชาจ้องมองไปที่มัน
เสวี่ยเสวี่ยตัวแข็งค้างและหยุดอย่างกระทันหัน! สุดท้ายมันค่อยๆ หยุดลงในลานบ้านพอดี
ในเวลานี้มีหิมะหนาทึบชั้นหนึ่งปกคลุมอยู่เต็มพื้น ตรงที่มันอยู่สีของหิมะเกือบจะกลืนเป็นสีเดียวกันกับตัวของมัน
มีเพียงดวงตาสีฟ้าน้ำแข็งคู่นั้นที่กระจ่างชัดขึ้น
ฉู่หลิวเยว่กวักมือเรียกมัน
“เสวี่ยเสวี่ย มานี่เร็ว!”
จะว่าไปก็ไม่ได้เห็นมันมานานแล้วจริงๆ
เมื่อได้ยินคำนั้น เสวี่ยเสวี่ยจึงกระโดดขึ้นไปหาฉู่หลิวเยว่กับหรงซิวที่ด้านหน้าพวกเขา
ในตอนแรกมันสะบัดหิมะที่อยู่บนตัวในตำแหน่งที่ค่อนข้างไกล จากนั้นจึงเดินขึ้นไปข้างหน้า
ฉู่หลิวเยว่ลูบหัวมัน
เสวี่ยเสวี่ยหรี่ตาลงด้วยความพอใจและส่งเสียง ‘กูรู’ อยู่ในลำคอ
แต่สายตาของเจ้านายมัน มันจึงทำเป็นไม่สนใจทั้งสิ้น
เจ้าไม่ได้ยินเสียงเคลื่อนไหวเบาๆ ของเยว่เอ่อร์ที่ปล่อยให้มันเข้ามาหรือ
หึ!
“ช่วงนี้เจ้าไปไหนมา”
ฉู่หลิวเยว่ถามขึ้นด้วยรอยยิ้ม
เสวี่ยเสวี่ยคิดครู่หนึ่งและกลิ้งลงบนพื้นพลางยกอุ้งเท้าขึ้น
ฉู่หลิวเยว่มองเห็นทรายหยาบมากมายเปื้อนอยู่บนอุ้งเท้าของมัน
นี่คือ…
นางตกใจเล็กน้อย
“เจ้าไปทะเลทรายจันทราสีชาดมารึ”
…