ยอดหญิงลิขิตสวรรค์ - ตอนที่ 1990 วิตกกังวล
ตอนที่ 1990 วิตกกังวล
………………..
โอ้ว!
เสวี่ยเสวี่ยพลิกตัวขึ้นและมองเจ้านายของตัวเองอย่างเศร้าใจ
ช่วงเวลานี้ลำบากมากจริงๆ…
ฉู่หลิวเยว่มองไปทางหรงซิว
สีหน้าของหรงซิวอ่อนโยนขึ้น
“ไม่ได้กลับไปที่นั่นสักพักแล้ว เช่นนั้นข้าจะให้เสวี่ยเสวี่ยไปดูสถานการณ์ทางทรายจันทราสีชาดสักหน่อย”
ฉู่หลิวเยว่โล่งใจขึ้นในทันที
ก็จริง
นับตั้งแต่ที่สำนักประสบเคราะห์ใหญ่ พี่เป่าก็ไม่เคยปรากฏตัวอีกเลย
จนกระทั้งตอนนี้ก็ยังไม่มีข่าวอันใดแจ้งออกมา
เมื่อก่อนนางเคยคิดจะไปตามหา แต่น่าเสียดายที่นางไม่สามารถหาเวลาได้เลย
ให้เสวียเสวียไปเป็นเรื่องที่เหมาะสมแล้วจริงๆ
เมื่อคิดถึงเรื่องนี้นางมองไปทางเสวี่ยเสวี่ยและเอ่ยถามขึ้น
“เสวี่ยเสวี่ย สถานการณ์ทางนั้นเป็นอย่างใดบ้าง”
ความนิ่งเฉยในแววตาของเสวี่ยเสวี่ยและมันส่ายหัวไปมาในทันที
ในใจของฉู่หลิวเยว่อ่อนยวบลง
ความหมายนี้…
“มันบอกว่าช่วงนี้ผู้อาวุโสหลายท่านล้วนยังไม่ได้ออกมา”
หรงซิวพูดขึ้น
แม้ว่ามันอยู่ที่นั่นมาเป็นเวลานาน แต่มิอาจรับรู้ได้ถึงความเคลื่อนไหวใดๆ เลย
แม้กระทั่ง…ในระหว่างกระบวนการทั้งหมด หลายท่านนั้นต่างเมินเฉยต่อมัน
จากประสบการณ์ที่ผ่านมามีหลายท่านรู้ว่ามันผ่านไปและไม่มีปฏิกิริยาตอบกลับอย่างแน่นอน
มันรู้สีกมีบางอย่างผิดปกติจึงรีบกลับมา
นี่เป็นครั้งแรกที่มันกลับมาจากทะเลทรายจันทราสีชาดอย่างสะอาดสะอ้านเช่นนี้
ฉู่หลิวเยว่ขมวดคิ้วและจมอยู่กับความคิด
ทางด้านทะเลทรายจันทราสีชาด เกรงว่าพวกเขาจะประสบกับปัญหาบางอย่างเข้าแล้ว!
“เช่นนั้น ช่วงเวลาที่เจ้าอยู่ที่นั่นได้เจอคนหรือเรื่องที่น่าสงสัยอันใดหรือไม่”
เสวี่ยเสวี่ยคิดอยู่ครู่หนึ่งจึงส่ายหัวไปมา
มันอยู่ที่นั่นไม่มีเรื่องอันใดเกิดขึ้นและไม่ได้เจอใครเลย
ดังนั้น…จึงเหมือนกับทะเลทรายรกร้างธรรมดาทั่วไป
แต่สิ่งนี้ไม่ปกติอย่างแน่นอน!
ฉู่หลิวเยว่รู้สึกไม่สบายใจเล็กน้อย
ผู้อาวุโสลำดับห้าและหลานเซียวไม่พูดอันใด บัดนี้พี่เป่ามีร่างศักดิ์สิทธิ์ที่สามารถเดินทางไปมาที่อาณาจักรเสิ่นซวี่ได้อย่างอิสระ
เวลานานเช่นนี้ที่เขาไม่ได้ปรากฏตัว…
“วันพรุ่งข้าจะไปตรวจสอบสถานการณ์ที่ประตูแดนสวรรค์ด้วยกันกับเจ้า”
หรงซิวยกมือขึ้นและค่อยๆ ลูบรอยย่นตื้นๆ ระหว่างคิ้วของนาง
“ถ้าเจ้าว่างก็ไปทะเลทรายจันทราสีชาดสักครั้งหนึ่งเถอะ”
อย่างใดก็ต้องเข้าทางประตูแดนสวรรค์ เช่นนั้นก็พอดีเลย
ฉู่หลิวเยว่รู้สึกโล่งใจอยู่บ้างจึงพยักหน้ารับ
“ตกลง”
คืนนั้นฉู่หลิวเยว่แทบไม่ได้นอน
มีภาพมากมายผุดขึ้นมาในหัวของนางไม่หยุด
ภาพส่วนใหญ่ล้วนเกี่ยวข้องกับพวกพี่เป่า
แสงจันทร์ราวกับสายน้ำไหลเข้ามาจากทางหน้าต่าง
ฉู่หลิวเยว่นอนตะแคงตัวบนเตียงและลืมตาขึ้นในที่สุด
หรงซิวเขยิบใกล้เข้ามาจากทางด้านหลังและกอดนางไว้ในอ้อมแขน
ฉู่หลิวเยว่ตกอยู่ในอ้อมกอดอันอบอุ่นของเขาในทันที
“กำลังคิดถึงเรื่องเมื่อก่อนอยู่หรือ”
เสียงของหรงซิวทุ้มต่ำเป็นพิเศษอยู่หลายส่วน
ฉู่หลิวเยว่พยักหน้า
“อืม”
หลังจากหยุดไปครู่หนึ่งนางก็พูดขึ้น
“ในเวลานั้นข้าสามารถทำลายประตูแดนสวรรค์จนมาถึงท่าเรือดอกท้อได้ด้วยอาศัยความช่วยเหลือจากพี่เป่าและคนอื่นๆ…”
เมื่อพูดถึงเรื่องนี้ การที่นางได้พบพวกพี่เป่า ช่างเป็นเรื่องบังเอิญ
ในตอนนั้นมู่ชิงเห่อนำกองทัพไปโจมตีแดนภังคะ และนางก็แอบซ่อนตัวติดตามกองทัพไป
ในช่วงเวลานั้น นางพบกับความยุ่งยากอย่างสิ้นหวัง จนนางเข้าไปในแดนภังคะและสูญหายไปกับคนอื่นๆ
ต่อมาก็ได้พบกับพี่เป่าและคนอื่นๆ
นางได้เรียนรู้มากมายจากพวกเขา
ถึงแม้ว่านางจะไม่เคยทำพิธีคารวะอย่างเป็นทางการมาก่อน แต่ในใจจริงๆ ของนางต่างนับถือทั้งสามคนนั้นเป็นอาจารย์มาโดยตลอด
โดยเฉพาะพี่เป่า
แม้ว่าเขาจะเข้มงวดกับนางที่สุด แต่กลับเป็นคนที่สอนนางอย่างมากมายเช่นเดียวกัน
“จริงๆ แล้วข้ามีเรื่องหนึ่งรู้สึกสงสัยมาโดยตลอด”
ฉู่หลิวเยว่หันตัวกลับมาพลางวางมือบนหน้าอกของเขา นางเงยหน้าขึ้นเล็กน้อยและพูดด้วยเสียงแผ่วเบาขึ้นว่า
“พวกพี่เป่า…ถูกขังอยู่ในทะเลทรายจันทราสีชาด แต่พวกเขาแข็งแกร่งขนาดนั้นเจ้าก็รู้ บนโลกนี้จะมีผู้ใดมีความสามารถเช่นนี้ได้อีก”
เรื่องนี้นางสงสัยอย่างมากมาโดยตลอด แต่ไม่เคยเอ่ยถาม
นางคิดว่า…พวกพี่เป่าคงไม่ต้องการพูดคุยกับนางให้มากความเช่นนั้น
แม้กระทั่งเรื่องที่พี่เป่าไม่ยอมทำงานในอาณาจักรเสิ่นซวี่ ก็ดูเหมือนจะเกี่ยวข้องกับเรื่องนี้ด้วย
ท่ามกลางความมืดมิด นางมักรู้สึกอยู่เสมอว่าครั้งนี้เหมือนมีเรื่องเกิดขึ้น
หรงซิวกอดนางแน่นขึ้นและจูบที่หน้าผากของนางอย่างแผ่วเบา
“วางใจเถิด ผู้อาวุโสทุกท่านจะต้องปลอดภัยและไม่เป็นอันใด”
ฉู่หลิวเยว่ค่อยๆ หลับตาลง
“อืม แน่นอน”
…
เช้าวันรุ่งขึ้น ฉู่หลิวเยว่กับหรงซิวมุ่งหน้าไปที่ประตูแดนสวรรค์ด้วยกัน
ผู้ร่วมติดตามยังมี หลินจือเฟยและเฉินอี
น้องแปดดูเหมือนจะไม่สนใจกับเรื่องเหล่านี้ ครั้งนี้จึงไม่ได้ตามมา
หลังจากที่เมื่อวานตรวจสอบไปแล้ว ฉู่หลิวเยว่ได้ส่งอู่เหยาและอวี๋จิ่วให้มาเฝ้าที่นี่ไว้
เมื่อมาถึงฉู่หลิวเยว่ก็สังเกตเห็นได้อย่างชัดเจนว่า ประตูแดนสวรรค์มีการเปลี่ยนแปลงเพิ่มขึ้นหากเทียบกับเมื่อวานก่อน
แรงกดดันจากด้านบนแข็งแกร่งกว่าครั้งก่อนมาก
พลังปราณทั้งหมดที่ปล่อยออกมา ยิ่งทำให้เป็นอันตรายมากขึ้นด้วย
จริงๆ แล้วการเปลี่ยนแปลงเช่นนี้ช่างละเอียดอ่อนอย่างมาก หากเมื่อวานฉู่หลิวเยว่ไม่ได้มาที่นี่และตรวจสอบมันด้วยตนเอง คงเป็นเรื่องยากที่สังเกตเห็นได้
ฉู่หลิวเยว่เดินไปที่หน้าประตูแดนสวรรค์
“ความผันผวนของพลังด้านบนนี้ กลับยิ่งอันตรายมากขึ้น”
หรงซิวก้าวไปข้างหน้าและจับมือของนางไว้ เพื่อให้นางถอยกลับมาเล็กน้อยและให้ตนเองอยู่ข้างหน้าแทนนาง
เขาจ้องมองที่ประตูด้วยสายตาหนักอึ้งอยู่ครู่หนึ่งและยื่นมือออกไปในทันที
หึ่ง!
เมื่อปลายนิ้วของเขาสัมผัสกับม่านแสง ก็มีเสียงหนึ่งดังขึ้น!
หัวใจของฉู่หลิวเยว่เหมือนถูกอันใดบางอย่างคว้าเอาไว้อย่างกระทันหัน!
“ระวัง”
หรงซิวพยักหน้า จากนั้นก็ค้นหาด้านในต่อ
ทันใดนั้นมือครึ่งหนึ่งของเขาก็จมหายไปในม่านแสง!
ลมปราณเย็นๆ พุ่งมาจากทุกทิศทุกทางในทันที!
ราวกับจะขยี้มือของเขาให้แหลกละเอียด!
ดวงตาดำเข้มของหรงซิว กลางฝ่ามือของเขาปรากฏเปลวไฟสีทองปะทุออกมา!
ตู้ม!
พลังอันแข็งแกร่งปะทะกันอย่างรุนแรง!
จากนั้นบนประตูนั่นก็ปรากฏรอยแตกขึ้นในทันที
ฉู่หลิวเยว่มองแวบแรกคิดว่าตนเองสายตาพล่ามัว แต่แล้วนางก็ยิ่งเห็นรอยแตกที่สองปรากฏขึ้นทันที!
เสียงแตกเล็กๆ เหมือนจะมาจากห้วงเวลาอันไกลโพ้น!
ม่านตาของนางหรี่ลง จึงทำให้เห็นได้อย่างชัดเจนว่าภายในประตูแดนสวรรค์ที่เปล่งประกายจาง ๆ ดูเหมือนจะมีอันใดซ่อนอยู่!
นั่นคือ…
กระจกบานหนึ่ง!
………………..