ยอดหญิงลิขิตสวรรค์ - ตอนที่ 1992 เจ้ารู้เหรอ? / ตอนที่ 1993 ไม่ได้ตั้งใจ
ตอนที่ 1992 เจ้ารู้เหรอ? / ตอนที่ 1993 ไม่ได้ตั้งใจ
………………..
ตอนที่ 1992 เจ้ารู้เหรอ?
ชายหนุ่มผู้นี้มีรูปร่างกำยำแข็งแรง ผิวดำคล้ำ โครงหน้าชัดเจน ดูเหมือนเขาจะเป็นคนตรงไปตรงมาอย่างมาก
หรงซิวยิ้ม
“พวกเราเป็นคู่สามีภรรยาที่เพิ่งจะมาถึงที่นี่และมีหลายสิ่งที่ไม่เข้าใจจริงๆ มิรู้ว่าพี่ชายท่านนี้จะช่วยคลายความสงสัยได้หรือไม่”
ถึงแม้เขาจะปลอมตัวอย่างเต็มที่ ดูจากหน้าตาธรรมดาและด้วยท่าทางอันสง่างามเกือบจะปกปิดเอาไว้ได้หมด แต่เวลาพูดนั้นดูสุภาพเกรงใจและไม่ถือตัว ซึ่งทำให้ผู้คนรู้สึกชอบพอเข้าได้ง่าย
“พวกเราไม่มีเวลามากขนาดนั้น!”
ด้านหลังชายหนุ่มผู้นั้น จู่ๆก็มีหญิงสาวคนหนึ่งเอ่ยขึ้น
นางงดงามมาตั้งแต่เกิด แต่งหน้าบางๆ ยิ่งทำให้นางงดงามราวกับภาพวาด
ขณะนั้นนางมองไปทางหรงซิวและฉู่หลิวเยว่ด้วยสายตาที่เบื่อหน่ายอย่างมิอาจปิดปังได้
“พี่ชาย พวกเรารีบเข้าไปในเมืองกันดีหรือไม่? หากช้ากว่านี้จะไม่เป็นการดีนัก”
นางเดินไปหาชายหนุ่มผู้นั้นที่ด้านข้างพลางจับแขนของเขาและทำท่าออดอ้อน
ใบหน้าดำคล้ำของขายหนุ่มผู้นั้นเผยให้เห็นความลังเลอยู่หลายส่วน
จริงๆ แล้วพวกเรามาถึงช้าไปเล็กน้อย แต่หากล่าช้ากว่านี้…
เมื่อหรงซิวเห็นท่าทางเช่นนี้จึงเลิกคิ้วและหัวเราะเบาๆ
“ดูเหมือนทุกท่านมีเรื่องเร่งด่วน เช่นนั้นพวกเราไม่รบกวนแล้ว”
หลังจากพูดจบเขาก็หันหลังกลับและคิดที่จะออกไป
“โอ้ว…”
ชายหนุ่มหน้าดำคล้ำผู้นั้นรีบตะโกนเรียกหรงซิวในทันที
“พี่ชายท่านนี้ โปรดอย่าถือสา น้องสาวของข้าเป็นคนพูดจาโผงผางและไม่มีเจตนาไม่ดีอันใด ในเมื่อเราเจอกันแล้วก็นับว่ามีวาสนาต่อกัน มิสู้ทุกคนร่วมมือกันตามกระบวนการจะดีกว่า ระหว่างทางค่อยหารือกันอย่างละเอียดอีกครั้ง ดีหรือไม่”
สิ่งที่สําคัญที่สุดคือเขาไม่สามารถเห็นความแข็งแกร่งของทั้งสองคนได้
ผู้ที่มาเยือนอวิ๋นโจวแห่งนี้ เรียกได้ว่าเป็นเสือหมอบมังกรแอบ[1] สามารถสร้างมิตรย่อมดีกว่าสร้างศัตรูที่แข็งแกร่งกว่ามาก
เมื่อคำนี้พูดออกมา สตรีที่อยู่ด้านหลังเขารวมทั้งคนอื่นๆ อีกหลายคนก็รู้สึกแปลกใจเล็กน้อย
เหตุใดพี่ใหญ่ถึงใจกว้างกับสองคนนี้เป็นพิเศษ
แต่ในเมื่อเขาพูดเช่นนี้แล้ว พวกเขาคงไม่มีทางโต้แย้งเป็นแน่
หรงซิวมองไปทางฉู่หลิวเยว่
“ฟูเหริน…”
ฉู่หลิวเยว่ยกมุมปากขึ้นเล็กน้อย
“ข้าฟังท่านพี่ทุกอย่าง”
หรงซิวจึงพยักหน้ารับ
“เช่นนั้นต้องรบกวนทุกท่านแล้ว”
…
หน้าประตูเมืองไร้คนเฝ้า ผู้คนเข้าออกได้ตามต้องการ
ฉู่หลิวเยว่และหรงซิวก็เข้าไปในเมืองอวิ๋นโจวพร้อมกับคนกลุ่มนี้
ถนนในเมืองเชื่อมถึงกันทุกทิศทาง เต็มไปด้วยเสียงผู้คนพลุกพล่านจอแจ
พวกเขาเหล่านี้เมื่อเดินอยู่ในกลุ่มกลับไม่เป็นที่สะดุดตา
ทั้งสองฝ่ายต่างกล่าวทักทายและแนะนำกัน
ชายหนุ่มหน้าดําคล้ำผู้นั้นชื่อเฮ่อจื่อจี้ หลายคนที่อยู่ด้านหลังล้วนเป็นญาติของเขา
พวกเขามาอวิ๋นโจวเพื่อเข้าร่วมการทดสอบในครั้งนี้โดยเฉพาะ
“ทดสอบ?”
เมื่อได้ยินคำนี้หรงซิวจึงเลิกคิ้วขึ้น
อวิ๋นโจวแห่งนี้ดูเหมือนเป็นเมืองที่ไม่ใหญ่มากนัก และสามารถดึงดูดผู้ฝึกฝนวัยหนุ่มสาวที่มีความสามารถมาร่วมทดสอบ…เห็นได้ชัดว่ามีอะไรไม่ชอบมาพากล
“ใช่แล้ว! นี่เป็นการทดสอบที่จัดขึ้นเป็นครั้งที่สามในเมืองอวิ๋นโจว ได้ยินว่าการทดสอบในครั้งนี้ใช้เวลาเกือบหนึ่งเดือน พรุ่งนี้ก็จะเริ่มอย่างเป็นทางการแล้ว! หากช้าไปวันเดียวก็ตามไม่ทันแล้ว! เมื่อพลาดไปแล้วคงต้องรออีกครึ่งปี”
เฮ่อจื่อจี้อธิบายขึ้น
“การทดสอบครั้งนี้…สำคัญมากเชียวรึ”
หรงซิวถามกลับ
เฮ่อจื่อจี้อมองเขาด้วยสีหน้าประหลาดใจ ราวกับว่าหรงซิวไม่รู้อะไรเลยเกี่ยวกับเรื่องนี้เลยและดูเป็นเรื่องที่ผิดปกติอย่างมาก
“แน่นอนอยู่แล้ว!”
เฮ่อจื่อจี้อเพิ่มน้ำเสียงอย่างหนักแน่น
“หากสามารถผ่านการทดสอบ ก็จะได้รับสิทธิ์ในการผ่านด่านประตูแดนสวรรค์! เพื่อเข้าไปฝึกฝนที่อาณาจักรเสิ่นซวี่ เป็นสถานที่ที่ทุกคนต้องการจะไป”
ขณะที่พูดเขาก็ลดเสียงต่ำลง
“องค์หญิงท่านั้นแห่งราชวงศ์เทียนลิ่ง รู้ใจใช่หรือไม่ นางก็มาจากที่นี่ และได้เข้าไปที่อาณาจักรเสิ่นซวี่!”
“แค่ก…แค่ก!”
ฉู่หลิวเยว่กระแอมเสียงขึ้นในทันที
ตอนที่ 1993 ไม่ได้ตั้งใจ
สนใจเรื่องคนอื่นแต่ตัวเองมีส่วนเกี่ยวข้องในเรื่องเล่านั้น ก็คงไม่มีใครแล้ว
เฮ่อจื่อจี้และคนอื่นๆ มองนางด้วยความสงสัย
ฉู่หลิวเยว่โบกมือพลางเอ่ยขึ้น
“แค่ก ไม่เป็นไรๆ จู่ๆ นางก็สำลักขึ้นมา…แต่ข่าวลือนี้ พวกเจ้าไปได้มาจากไหนหรือ”
สายตาเฮ่อจื่อจี้และคนอื่นๆ ยิ่งแปลกขึ้นกว่าเดิม
เฮ่อจื่อหลานเบะปากเบาๆ และกระซิบอย่างเหยียดหยาม
“พี่ชาย เรื่องพวกนี้มีเพียงไม่คนที่มีสถานะในราชวงศ์เท่านั้นที่รู้ ใครจะรู้ว่าพวกเขามาจากสถานที่อันไกลโพ้นแห่งใด ในเมื่อไม่รู้ก็ถือว่าเป็นเรื่องปกติ”
ฉู่หลิวเยว่ “…”
แม้นางจะพูดจาฉะฉานมาโดยตลอด แต่ตอนนี้กลับคิดไม่ออกว่าจะใช้คำพูดตอบโต้กลับไปอย่างไร…
นางลูบจมูกไปมาและเมินเฉยต่อสายตาที่หยอกล้ออยู่หลายส่วนของผู้ชายของตน
“ชื่อเสียงองค์หญิงแห่งราชวงศ์เทียนลิ่ง แน่นอนว่าพวกข้าเคยได้ยินมา”
ดูเหมือนหรงซิวจะไม่สนใจคําพูดของเฮ่อจื่อหลานและหัวเราะเสียงเบาพลางเอ่ยขึ้น
“แต่เมื่อก่อนพวกเราสามีภรรยาต่างเก็บตัวมาโดยตลอด เรื่องพวกนี้พวกเราไม่เคยได้ยินมาก่อนจริงๆ”
เฮ่อจื่อจี้ขมวดคิ้วและมองน้องสาวของตนด้วยสายตาเตือนเป็นนัย
การพูดเช่นนี้ต่อหน้าทุกคน มันเกินไปหน่อยจริงๆ
โชคดีที่อีกฝ่ายดูเหมือนจะไม่ใส่ใจอันใด
เฮ่อจื่อหลานเสียงเบาลงและไม่กล้าล่วงเกินอีก
เฮ่อจื่อจี้ครุ่นคิดเล็กน้อย
ดูเหมือนว่าสองคนนี้จะไม่รู้อะไรเลยจริงๆ…
เขาถามขึ้นเป็นการหยั่งเชิง
“เช่นนั้น…อาณาจักรเสิ่นซวี่ ท่านทั้งสองรู้จักหรือไม่”
หรงซิวพยักหน้า
เฮ่อจื่อจี้ถอนหายใจด้วยความโล่งอก
เมื่อรู้เช่นนี้ก็ไม่ยากนักที่จะอธิบายได้
“เรื่องพวกนี้พูดแล้วช่างยาวนัก เมื่อหลายปีก่อนองค์หญิงซั่งกวนเยว่เแห่งราชวงศ์เทียนลิ่ง ได้ทะลุประตูแดนสวรรค์เข้ามาที่อาณาจักรเสิ่นซวี่ แต่ตามข่าวลือ ตอนนี้นางก้าวหน้าไปอย่างรวดเร็วในอาณาจักรเสิ่นซวี่และมีชื่อเสียงโด่งดัง! ทุกคนจึงเฝ้าคอยที่จะเข้าไป เพื่อเลียนแบบนางอย่างแน่นอน”
อย่างไรก็ตาม อาณาจักรเสิ่นซวี่นั่นจะสามารถเข้าไปได้ง่ายเช่นนั้นหรือ? หลายคนร้องขอความช่วยเหลือ แต่จนกระทั่งการทดสอบเริ่มต้นในอวิ๋นโจว ทุกคนได้รับโอกาสที่หายาก ได้ยินมาว่าเมื่อไปอาณาจักรเสิ่นซวี่แล้ว การทะลวงขั้นเป็นผู้แข็งแกร่งระดับเทพขั้นสูง ก็เป็นเรื่องที่ทำได้อย่างง่ายดาย ดังนั้นตอนนี้ทุกคนจึงเข้ามาที่อวิ๋นโจวแห่งนี้ ไม่สิ วันพรุ่งเป็นการทดสอบครั้งที่สาม ดังนั้นวันนี้ทั้งเมืองอวิ๋นโจวจึงคึกคักอย่างมาก
คำอธิบายเหล่านี้เข้าใจง่ายอย่างมาก
แต่ฉู่หลิวเยว่ยังคงขมวดคิ้ว
เพราะในนี้มีคำถามที่เป็นปัญหาสำคัญที่สุดอยู่หนึ่งข้อ
…ข่าวที่นางไปอาณาจักรเสิ่นซวี่ถูกแพร่กระจายออกไปได้อย่างไร
เรื่องราวเช่นนี้นางไม่ได้ตั้งใจเปิดเผยให้คนนอกอาณาจักรเสิ่นซวี่รู้มากนัก
เหตุใดถึงเป็นดินแดนที่โกลาหลเช่นนี้ได้อย่างไร?
ยิ่งกว่านั้นยังมีข่าวลือที่นางอยู่ในอาณาจักรเสิ่นซวี่ได้เป็นอย่างดีอย่างนั้นหรือ?
แสดงว่ามีคนตั้งใจปล่อยข่าวแบบนี้ออกไป
แต่…จุดประสงค์คืออะไร
ถ้าหากวันนี้นางไม่ได้มาที่นี่ เกรงว่าคงยังไม่รู้ว่านอกอาณาจักรเสิ่นซวี่เกิดสถานการณ์เช่นนี้ขึ้น
จุดประสงค์หลักของการเจอฝ่ายตรงข้าม ไม่ใช่นางแต่เป็นผู้ฝึกตนที่เหมือนกับเฮ่อจื่อจี้และคนอื่นเช่นนี้!
ฉู่หลิวเยว่หันไปมองซ้ายทีขวาที เหมือนถามขึ้นโดยไม่ตั้งใจ
“ถึงแม้เพื่อการฝึกฝน เช่นนั้นเหตุใดถึงมาที่แห่งนี้ ทั้งหมดล้วนเป็นผู้ฝึกตนที่อายุน้อยมาก หรือไม่เห็นคนอื่นเลยหรือ
เฮ่อจื่อจี้หัวเราะเยาะขึ้น
“ปกติเป็นเพราะที่แห่งนี้มีเพียงผู้ฝึกตนอายุสามสิบห้าเป็นต้นไปถึงจะเข้าร่วมการทดสอบได้! แต่ยิ่งอายุน้อยพรสวรรค์ก็ยิ่งดี ยิ่งสามารถสามารถอยู่ในการทดสอบนี้ได้ ก็ยิ่งได้คะแนนที่ดีขึ้นเท่านั้น “
กฎนี้มิอาจอธิบายออกมาได้ทั้งหมด…
ฉู่หลิวเยว่คิดอยู่ในใจ
“ด้วยเหตุนี้ผู้ฝึกตนวันหนุ่มสาวมากมายล้วนแห่กันมาที่แห่งนี้”
เฮ่อจื่อจี้พูดขึ้น
พวกเขาปรากฏตัวที่นี่ได้ ต้องเป็นเหตุผลนี้อย่างแน่นอน
ดูหรงซิวและฉู่หลิวเยว่ต่างมีท่าทีครุ่นคิด เฮ่อจื่อจี้ยังคิดว่าพวกเขาตื่นเต้น จึงยกนิ้วชี้ไปทางข้างหน้าพลางพูดขึ้น
“โน่น ภูเขาไท่อินลูกนั้นก็คือสถานที่สำหรับการทดสอบในวันพรุ่งนี้! พี่ไป๋หลี พวกเจ้าทั้งสองถ้าต้องการเข้าร่วม วันพรุ่งนี้ก็ตรงไปที่นั่นเลยก็ได้”
หรงซิวกับฉู่หลิวเยว่ต่างใช้นามแฝง
หรงซิวเลิกคิ้วขึ้นเล็กน้อย
“ตรงไป?”
“ใช่นะสิ! หากพวกเจ้าอายุไม่เกินสามสิบห้า มีพลังและความสามารถในะระดับหนึ่ง และผ่านการประเมินจากผู้คุมประตู ก็สามารถเข้าร่วมการทดสอบได้“
“ผู้คุมประตู?”
“ใช่นะสิ! การทดสอบจะคัดเลือกผู้ที่ยอดเยี่ยมที่สุด หลังจากนั้นจะตามผู้คุมประตูตรงไปที่อาณาจักรเสิ่นซวี่”
ขณะที่เฮ่อจื่อจี้พูดอยู่นั้น บนหน้าปรากฏความหลงใหลออกมาอยู่หลายส่วน
ดูแล้วเรื่องนี้เต็มไปด้วยความคาดหวังจริงๆ
สีหน้าของหรงซิวเผยให้เห็นความหมายลึกซึ้งอยู่เล็กน้อย
ดูแล้วการทดสอบในครั้งนี้คงมีใครบางคนจัดขึ้นมาโดยเฉพาะ
อีกทั้งฝ่ายตรงข้ามตั้งใจดึงดูดผู้ฝึกตนที่มีความสามารถจำนวนมากมาเช่นนี้ แน่นอนว่าต้องเตรียมการทั้งหมดมาเป็นอย่างดี
แต่ทว่าเฮ่อจื่อจี้และคนอื่นๆ ไม่เข้าใจความคิดของหรงซิว เพียงแค่เขากำลังพิจารณาเรื่องที่จะเข้าร่วมการทดสอบเท่านั้น
ขณะที่พูดอยู่นั้น คณะเดินทางก็มาถึงหน้าประตูโรงเตี๊ยมแห่งหนึ่ง
การทดสอบจะเริ่มขึ้นในวันพรุ่งนี้ ดังนั้นวันนี้ต้องพักผ่อนให้เต็มที่
…
ห้องของฉู่หลิวเยว่และหรงซิวอยู่บนชั้นสามที่หันหน้าไปทางถนน
เมื่อผลักหน้าต่างออกไปจะเห็นผู้คนมากมายเดินขวักไขว่อยู่บนถนน
หากมองออกไปจะยิ่งเห็นบ้านเรือนที่ตั้งเรียงรายอยู่ในเมือง รวมทั้งภูเขาไท่อินที่ตั้งสูงตระหง่านในระยะไกลออกไป
ฉู่หลิวเยว่เอามือกอดอก เอนตัวพิงริมหน้าต่างและหัวเราะขึ้นอย่างอดไม่ได้
“คิดไม่ถึงว่าตั้งแต่ออกมา ด้านในจะมีปัญหามากมายเช่นนี้ ข้าออกมานานขนาดนี้แล้ว ยังมีบางคนนึกถึงอยู่อีกหรือ”
หรงซิวรินชา ไอหมอกลอยฟุ้งขึ้นมา เผยให้เห็นรูปคิ้วที่คมชัดขึ้นของเขา
“ฟูเหรินโดดเด่นเกินใคร ทำให้ผู้คนยังนึกถึงเจ้าอยู่เสมอ”
ฉู่หลิ่วเยว่ทำเสียงฮึดฮัดขึ้นเบาๆ
“มีคนนึกถึงเช่นนี้ ข้าไม่คิดเลยว่าจะเป็นเรื่องดีอันใด”
มีคนจงใจเปิดเผยที่อยู่ของนาง แต่นางกลับไม่รู้ด้วยซ้ำว่าฝ่ายตรงข้ามเป็นใคร
ความรู้สึกเวลาศัตรูของนางอยู่ในที่ลับ นางรู้สึกไม่ชอบเลยจริงๆ
“อีกทั้ง…ข้ามักจะรู้สึกว่าที่อวิ๋นโจวนี้ เกิดเรื่องแปลกประหลาดมากนัก”
ฉู่หลิวเยว่ยกมือขึ้น เล็บสีขาวบางของนางลากผ่านบนหน้าต่างไม้ลายฉลุอย่างแผ่วเบา ดวงตาเปล่งประกายระยิบระยับ
“ถึงแม้ทั้งเมืองมองดูแล้วค่อนข้างเก่าแก่ แต่สถานที่หลายแห่งในเมือง กำลังปรับปรุงใหม่อย่างเห็นได้ชัด ดูสิ แม้แต่สีทาบนหน้าต่างนี้ก็เพิ่งทาได้ไม่นาน แต่ฝีมือประณีตและค่อนข้างพิถีพิถัน”
ทุกสิ่งดูเรียบร้อยสะอาดตาและบรรยากาศเรียบง่ายc
คนส่วนใหญ่ยังคงมองไม่ออกจริงๆ
ยิ่งไปกว่านั้นเมื่อมาถึงที่นี่ คนส่วนใหญ่ล้วนเป็นผู้ฝึกตนที่เข้าร่วมการทดสอบ ใครจะมาใส่ใจกับเรื่องนี้
[1] เสือหมอบมังกรแอบ หมายถึง คนที่มีความสามารถ แต่ไม่กล้าเปิดเผนตัวตน
………………..