ยอดหญิงลิขิตสวรรค์ - ตอนที่ 1997 มีเจ้านาย
ตอนที่ 1997 มีเจ้านาย
………………..
“เอ่อ? เหตุใดสิ่งนี้?”
ฉู่หลิวเยว่เลิกคิ้วขึ้นเล็กน้อย
“หลังจากที่ขึ้นไปบนยอดเขา อันดับการทดสอบออกมาแล้ว เหตุใดต้องให้ทุกคนอยู่รออยู่ที่นี่อีกหนึ่งเดือนกันเล่า”
หากจะพาคนไปอาณาจักรเสินซวี่ แค่พาไปตรงๆ ก็พอแล้ว ไหนเลยจะต้องวุ่นวายเช่นนี้?
เฮ่อจื่อจี้ชะงักไปครู่หนึ่ง
“เพราะ…เพราะนี่คือกฎที่ตั้งไว้ตั้งแต่แรก”
ไม่มีเหตุผลว่าคืออะไร
หลังจากที่พวกเรารู้ว่าการทดสอบนี้ยังอยู่ และเงื่อนไขก็ได้กำหนดไว้เรียบร้อยแล้ว
นี่ก็เหมือนเป็นสิ่งที่ตกลงกันไว้แล้วว่าจะไม่มีใครถามซักไซ้จนถึงที่สุด
เมื่อผู้คุมประตูกล่าวเช่นนี้ พวกเขาจะทำเช่นไรได้
จึงง่ายดายเช่นนี้
ก่อนหน้านี้เฮ่อจื่อจี้ก็ไม่ได้คิดถึงปัญหานี้ เมื่อได้ยินฉู่หลิวเยว่ถามเช่นนี้จึงเกิดความสงสัยขึ้นเล็กน้อย
แต่เขาก็ยังคิดไม่ตก
เมื่อคิดๆ ดูแล้ว ก็คงไม่ได้คําตอบอะไร เฮ่อจื่อจี้พลางเกาหัวแกรกๆ
“นี่… หรือว่ามีคนจํานวนมากต้องผ่านประตูแดนสวรรค์เลยต้องเตรียมพร้อมมากขึ้นอีกหน่อยอย่างนั้นหรือ”
ฉู่หลิวเยว่กับหรงซิวล้วนมาจากในอาณาจักรเสิ่นซวี่ แน่นอนว่าการคาดเดาเช่นนี้ไม่มีทางเป็นไปได้
เรื่องนั้นเห็นได้ชัดว่ายิ่งมีปัญหามากขึ้น
“โอ้ย…”
จู่ๆ ก็มีเสียงกรีดร้องดังขึ้นจนทำลายความเงียบ
ด้านหลังพวกเขามีหมาป่าปีศาจปีกเทาตัวหนึ่งกำลังเข้ามาใกล้อย่างรวดเร็ว!
ในป่าอันหนาทึบ มันจึงแสดงพลังได้เล็กน้อย แต่ในสถานะร่างสัตว์อสูรระดับเก้า ความเร็วของมันยังคงน่าทึ่งอย่างมาก!
ไม่กี่คนนั่นถูกมันไล่ตามอย่างโหดเหี้ยม
“ช่วยพวกเข้า! ช่วยพวกข้าด้วย!”
เด็กหนุ่มคนนั้นที่วิ่งอยู่ด้านหน้าสุดตะโกนขึ้นอย่างตื่นตระหนก
เฮ่อจื่อหลานดึงแขนเสื้อของเฮ่อจื่อจี้
…
“พี่ใหญ่ เราอยู่ในการแข่งขัน! มีเหตุผลอันใดที่จะต้องยื่นมือไปช่วยคนอื่นด้วย”
ถ้าหากเป็นคนสนิทของตนเองก็เท่านั้น คนเหล่านี้กับพวกเขาไม่เคยรู้จักกันมาก่อน มีสิทธิ์อะไรที่ต้องไปช่วยเล่า
“ยิ่งกว่านั้นพวกเขายังนำอันตรายมาสู่พวกเราเสียแล้ว!”
เฮ่อจื่อจี้พยักหน้าอย่างเห็นด้วย
แม้ว่าเขาจะกระตือรือร้นมาโดยตลอด แต่เขาก็รู้ว่าเมื่อใดควรทำคะแนน
เขาไม่ต้องการฝังตนเองไว้เช่นนี้
“ไป!”
เฮ่อจื่อจี้ตะโกนเสียงทุ่มต่ำและหันหลังกลับไปโดยไม่ลังเล
แน่นอนว่าฉู่หลิวเยว่กับหรงซิวคงไม่คิดยื่นมือเข้าไป
ก่อนหน้าพวกเขาคิดมาอย่างดีแล้ว หากอยู่ที่นี่ลงมือไม่ได้ก็จะไม่ลงมือ
เพียงแค่ขึ้นไปบนยอดเขาได้สำเร็จก็จะตรวจสอบได้ชัดเจนว่าพวกเขากำลังจะสร้างเรื่องอะไรกันแน่
เมื่อเห็นหลายคนหันกลับและเดินจากไป และไม่มีเหตุผลที่จะยื่นมือไปช่วยก็ตาม ในสายตาของคนเหล่านั่นต่างรู้ผิดหวังขึ้นมาในใจ
ในการทดสอบนี้มีกฎเริ่มต้น อันดับแรกเมื่อเข้าร่วมการทดสอบ
ถึงแม้จะอันตราย แต่ก็ยังมีผู้ฝึกตนจำนวนนับไม่ถ้วนที่มุ่งไปข้างหน้าอย่างกล้าหาญ
เพราะโลกนี้ สุดท้ายแล้วผู้ที่แข็งแกร่งที่สุดก็ยังคงได้รับความเคารพ!
อย่างไรก็ตามฉู่หลิวเยว่เพิ่งก้าวออกไปไม่กี่ก้าว ทันใดนั้นนางก็ยืนนิ่งและหันกลับมามองอีกครั้ง
หรงซิวจึงหยุดตามนางและมองตามสายตาของนางไป
เมื่อมองดู เขาจึงสัมผัสได้ถึงความผิดปกติบางอย่างแต่ควบคุมสีหน้าเอาไว้
เมื่อทั้งสองหยุดเคลื่อนไหว จึงทำให้ดึงดูดความสนใจของเฮ่อจื่อจี้ในทันที
เขาเบิกตากว้างขึ้นเล็กน้อย และถามขึ้นอย่างไม่อยากเชื่ออยู่บ้าง
“พวกเจ้าไม่คิดที่จะยื่นมือเข้าไปช่วยจริงๆ ใช่หรือไม่ นี่แค่เป็นการทดสอบ!”
คนเหล่านั้น ล้วนเป็นคู่แข่งของเขาทั้งหมด!
แน่นอนว่าฉู่หลิวเยว่ไม่ได้ต้องการช่วยพวกเขา
นางเพียงรู้สึกว่าหมาป่าปีศาจปีกเทาตัวนั้นมีบางอย่างผิดแปลกไป
เมื่อคิดขึ้นมาได้นางจึงก้าวไปข้างหน้าและสะบัดข้อมือ!
แสงสว่างเจิดจ้า พุ่งข้ามมาจากกลางอากาศอย่างรวดเร็วและมุ่งไปที่หมาป่าปีศาจปีกเทาตัวนั้น!
ฉึก!
เสียงของใบมีดแหลมคมแทงทะลุเนื้อ เมื่อได้ยินจนต้องกัดฟันเอาไว้
จากนั้นมีเสียงอึมครึมดังขึ้น
ปัง!
หมาป่าปีศาจปีกเทาตัวนั้นล้มลงกับพื้นอย่างแรง!
ระหว่างคิ้วของมัน มีมีดสั้นที่บางเท่ากับปีกจั๊กจั่นปักอยู่เกือบมิดด้าม!
เลือดคาวคุ้งสีแดงเข้มค่อยๆ ไหลออกมาจากลูกตาที่ดูดุร้ายของหมาป่าปีศาจปีกเทาตัวนั้น
แต่เสียงลมหายใจกลับค่อยๆ จางหายไป
กระบวนท่าหนึ่ง!
สตรีผู้นี้ใช้เพียงกระบวนท่าเดียวก็สังหารหมาป่าปีศาจปีกเทาตัวนั้นได้หรือ
นั่นหมายความว่า ดาบสั้นของนางไม่เพียงแต่เสียบเข้าที่คิ้วของหมาป่าปีศาจปีกเทาเท่านั้น แต่ยังทำลายปราณอสูรของมันอีกด้วย!
นี่คือความแข็งแกร่งแบบใดกัน
เฮ่อจื่อจี้คิดมานานแล้วว่าคนสองคนนี้อาจเก่งกาจกว่าที่เห็นอยู่มากที่เดียว
แต่เมื่อได้เห็นเหตุการณ์นี้เข้าจริงๆ ยังเต็มไปด้วยความประหลาดใจ
อย่างไรก็ตามเขาเฝ้าถามตนเองว่า ตัวเขาเองไม่มีความสามารถเช่นนี้อย่างแน่นอน
อีกทั้งเฮ่อจื่อหลานก็สั่นสะท้านเช่นกัน เมื่อมองเห็นสายตาของฉู่หลิวเยว่อีกครั้ง ก็พบความเปลี่ยนแปลงอยู่มากทีเดียว
นางไม่สงสัย หากฝ่ายตรงข้าใช้วิธีเดียวกันก็เอาชีวิตนางได้อย่างง่ายดาย!
สุดท้ายนางไม่สามารถเอาชนะหมาป่าปีศาจปีกเทาตัวนี้ได้!
เมื่อนึกถึงการล่วงเกินหลายครั้งก่อนหน้านี้ เฮ่อจื่อหลานก็เหงื่อไหลออกมาทั้งตัว
แต่ฉู่หลิวเยว่กลับไม่มีความคิดที่จะสนใจสองคนนี้เลย
นางจึงเดินผ่านไปทางด้านนั้น
หรงซิวเดินเคียงข้างนางไป
หลายคนที่วิ่งหนีจากเหตุการณ์อันตรายเมื่อครู่ ขณะนี้ต่างตื่นตระหนกอยู่ในที่เกิดเหตุ และจ้องมองหมาป่าปีศาจปีกเทาตัวนั้นที่ไม่สามารถฟื้นคืนสติได้เป็นเวลานาน
หมาป่าปีศาจปีกเทาที่เกือบจะเอาชีวิตพวกเขา…จะตายแบบนี้เหรอ
จนกระทั่งได้ยินเสียงฝีเท้า พวกเขาถึงได้สติขึ้นมาในทันที
“ขอบ ขอบคุณ…”
เด็กหนุ่มที่ตะโกนขอความช่วยเหลือครั้งแรกมองไปทางฉู่หลิวเยว่ด้วยใบหน้าที่ซาบซึ้ง
หลายคนที่เหลือก็เอ่ยขอบคุณขึ้นในทันที
ดาบสั้นที่สว่างและแหลมคม กลับไม่เปื้อนคราบเลือดแม้แต่น้อย
นางเบนสายตาเล็กน้อยพลางจ้องมองที่หมาป่าปีศาจปีกเทาตัวนั้นอีกครั้งอยู่ครู่หนึ่ง
ไม่มีปฏิกิริยาตอบกลับ เช่นนั้นสองสามคนคงจะรู้สึกเขินอายเล็กน้อย
แต่เมื่อคิดว่าชีวิตของคนถูกคนช่วยเอาไว้ ในใจยังคงรู้สึกซาบซึ้งอย่างมาก
“ไม่รู้ชื่อสกุลของทั้งสองท่าน ข้าจะรอต่อไป…”
“พวกเจ้าลงเขาไปเถอะ”
ฉู่หลิวเยว่ลุกขึ้นพลางพูดขึ้นอย่างเรียบเฉย
“ว่าอันใดนะ…”
หลายคนนั้นต่างตกตะลึงและมองหน้ากันไปมา
ความหมายนี้…คือทำให้พวกเขาถอนตัวจากการทดสอบอย่างนั้นหรือ
บางทีหากนางไม่ลงมือ พวกเขาคงยากที่จะเป็นหรือตายได้ อีกทั้งคงไม่ได้เข้าร่วมการทดสอบต่อไปอย่างแน่นอน
ยิ่งไปกว่านั้นดูเหมือนสภาพของพวกเขาในตอนนี้ คาดว่าคงไม่อาจชนะได้
“เช่นนั้น…”
เด็กหนุ่มที่อยู่ด้านหน้าเอ่ยถามขึ้นอย่างลังเลถึงสถานะของฉู่หลิวเยว่ เพื่อตอบแทนในภายหลัง
ฉู่หลิวเยว่กลับโบกมืออย่างขอไปที
“ไม่ต้องขอบคุณหรอก เดิมทีข้าก็ไม่ได้คิดจะช่วยพวกเจ้า”
คำพูดนี้ทำให้ผู้คนยากที่จะรับได้
เมื่อเห็นฉู่หลิวเยว่เหมือนไม่ต้องการพูดอะไรกับพวกเขามาก คนเหล่านั้นก็ไม่ได้ใส่ใจอะไรนัก หลังจากขอบคุณนางอย่างจริงใจอีกครั้ง พวกเขาก็มุ่งหน้าลงจากเขาไป
เงาร่างของหลายคนหายไปอย่างรวดเร็ว
เฮ่อจื่อจี้และเฮ่อจื่อจี้หลานสบตากันด้วยความงุนงง
หากนางให้คนเหล่านั้นถอนตัวจากการทดสอบ เพื่อคิดที่จะลดคู่ต่อสู้ของตนเองลง…ดูเหมือนจะไม่สมเหตุสมผลเอาเสียเลย
ด้วยความแข็งแกร่งของนางเห็นได้ชัดว่านางจะไม่ได้สนใจกับคนเหล่านี้
ฉู่หลิวเยว่หรี่ตาลงเล็กน้อย และมองพลางวิเคราะห์ที่รอยจางๆ รอบๆ คอของหมาป่าปีศาจปีกเทา
หมาป่าปีศาจปีกเทาตัวนี้มีเจ้านาย