ยอดหญิงลิขิตสวรรค์ - ตอนที่ 1998 ที่หนึ่ง
ตอนที่ 1998 ที่หนึ่ง
………………..
สิ่งสำคัญกว่าคือ มันดูเหมือนเป็นอสูรประเภทที่ถูกทำให้เชื่อง และยังมีความแตกต่างเล็กน้อยกับการทำสัญญาสัตว์อสูรจากปกติทั่วไป
รอยแผลรอบๆ คอของหมาป่าปีศาจปีกเทา รักษาจนหายสนิทหลงเหลือแต่รอยสะเก็ดแผล อีกทั้งยังถูกปกคลุมไปด้วยขนเต็มไปหมด หากไม่มองใกล้ๆ อย่างละเอียดก็คงไม่สังเกตเห็น
ดูจากร่อยรอยและสภาพของแผลเป็นนั่น น่าจะค่อนข้างลึกพอสมควร
หมาป่าปีศาจปีกเทาตัวนี้ คาดว่าคงทนทุกข์ทรมานมาไม่น้อย
ด้านนอกอาณาจักรเสิ่นซวี่ หากสามารถทำสัญญากับสัตว์อสูรระดับเก้าได้ ใครกันที่ลงมือได้โหดเหี้ยมเช่นนี้
นอกเสียจากฝ่ายตรงข้ามคงไม่ได้สนใจกับหมาป่าปีศาจปีกเทาตัวนี้นัก
เฮ่อจื่อจี้และเฮ่อจื่อจี้หลานสบตากันและรู้สึกแปลกใจเล็กน้อย และไม่เข้าใจที่ฉู่หลิวเยว่กับเขาจ้องมองหมาป่าปีศาจปีกเทาอยู่ตลอด
แต่หากนึกถึงความแข็งแกร่งที่นางเพิ่งแสดงออกมาเมื่อครู่นี้ คลื่นในใจของคนทั้งสองยังคงไม่อาจสงบลงได้
นางน่าจะมีเหตุผลของนางที่ทำเช่นนี้กระมัง…
“ดูแล้วเขาไท่อินนี้ไม่ค่อยสงบเลยจริงๆ”
หรงซิวยกมุมปากขึ้นและยิ้มเบาๆ พลางเอ่ยขึ้น
ฉู่หลิวเยว่มองเขาครู่หนึ่ง ก็รู้ว่าทั้งสองคนคิดจะไปด้วยกัน
นางพยักหน้าและหัวเราะขึ้น
“ใช่แล้ว แต่ครั้งนี้ กลับค่อนข้างคุ้มค่านัก”
จากนั้นนางมองไปทางยอดเขา
“ไปเถอะ! ไม่รู้ว่าข้างบนจะมีสิ่งใดที่กำลังรอพวกเราอยู่!”
…
หลายคนยังคงเดินไปยังยอดเขาต่อเช่นกัน
อาจเป็นเพราะยังหวาดกลัวกับฉากเมื่อครู่นี้อยู่ เฮ่อจื่อหลานจึงไม่กล้ากําเริบเสิบสานอีก จากนั้นนางจึงวิ่งไปด้านข้างของเฮ่อจื่อจี้และตามเขาไปโดยไม่พูดอะไรสักคำ
นัยน์ตาของนางทั้งอยากรู้อยากเห็นและสงสัย อีกทั้งยังมีความอิจฉาและริษยาอยู่ในนั้น
สตรีผู้นี้ดูจากลักษณะแล้วคงยังอายุไม่ถึงยี่สิบปี ทั้งเนื้อทั้งตัวดูธรรมดาไม่มีส่วนไหนสะดุดตาแม้แต่น้อย
แต่ใครจะคาดคิดได้ว่าฝีมืออันแข็งแกร่งของนางจะร้ายกาจถึงขั้นนั้น
ด้วยมาตรฐานเช่นนี้ คาดว่าในการทดสอบจะสามารถติดอันดับต้นๆ ได้อย่างแน่นอน
อีกทั้งสามีท่านนั้นของนาง ถึงแม้ว่าตอนนี้ยังไม่ได้ลงมืออะไร แต่เฮ่อจื่อหลานก็ไม่กล้าดูแคลนพวกเขาอีก
เมื่อไม่มีเสียงเอะอะโวยวายของเฮ่อจื่อหลานแล้ว บริเวณรอบๆ ก็เงียบลงมากในทันที
เฮ่อจื่อจี้ต้องการเอ่ยปากถามสองสามคําอยู่หลายครั้ง สุดท้ายจึงยอมล้มเลิกไป
เกรงว่าสองคนนี้จะแข็งแกร่งกว่าที่เขาคาดการณ์เอาไว้ก่อนหน้า…
หลายคนจึงเดินไปอย่างเงียบๆ เช่นนี้
อาจเป็นเพราะลมปราณเลือดของหมาป่าปีศาจปีกเทาบนตัวของนาง ที่ค่อนข้างสร้างความน่าสะพรึงกลัว หลังจากนั้นครึ่งชั่วยามพวกเขาก็ไม่เจอกับความยุ่งยากอะไรอีก
พรึบ!
เสียงดังสนั่นขึ้นอย่างกระทันหัน!
หลายคนหยุดฝีเท้าลงพร้อมกัน
เฮ่อจื่อจี้พูดเตือนออกมาเป็นคนแรก
“ใคร!”
ผ่านไปชั่วครู่ เงาร่างหนึ่งปรากฏตัวสู่สายตาของหลายๆ คน
ฉู่หลิวเยว่รู้สึกมั่นใจ
เสี่ยวโจว!
เขาทั้งรวดเร็วมากและร่างกายมีความยืดหยุ่น ขณะที่กระโดดข้าม เขาหลินไม่กี่ครั้ง ก็มาอยู่ไม่ไกลต่อหน้าหลายคน
ต่อมาเขาก็หยุดเคลื่อนไหวลงบนต้นไม้ต้นหนึ่งและเงยหน้ามองดูทุกคน
นี่คือเด็กหนุ่มที่ลังเลไปมาอยู่ที่หน้ากระจกทองสัมฤทธิ์ก่อนหน้านี้ไม่ใช่หรือ
เขาหน้าตางดงามอย่างมาก ผมสั้นสีทองอ่อนๆ ยิ่งทำให้คนพบเห็นจดจำได้ไม่ลืม
พวกเขาประทับใจในตัวเขาอยากลึกซึ้ง แค่เห็นแวบเดียวก็จำได้ทันที
“เจ้าคิดจะทำสิ่งใด”
เฮ่อจื่อจี้สังเกตเห็นว่าบนตัวของเด็กหนุ่มมีกลิ่นเลือดรุนแรง จนคิ้วของเขาขมวดแน่น
แต่เสี่ยวโจวไม่ได้สนใจเขา เพียงกวาดตามองด้วยสีหน้านิ่งเฉย และหมุนตัวกลับไปหักกิ่งไม้หนาประมาณนิ้วหัวแม่มือจากบนต้นไม้พลางพลิกมือพุ่งออกไป!
ในเวลาต่อมาเสียงร้องอันเจ็บปวดอย่างทรมานและสั้นก็ดังขึ้นมาไม่ไกล
สีหน้าของเฮ่อจื่อจี้กับเฮ่อจื่อหลานเปลี่ยนไป นี่คือเสียงของมนุษย์!
นี่เขากำลังฆ่าคนหรือ
แต่หลังจากเกิดความแปลกใจในเวลาอันสั้น พวกเขาจึงยอมรับความจริงอย่างรวดเร็ว
เพราะในทดสอบบนเขาไท่อินนี้ ชีวิตหรือความตายล้วนไม่สำคัญ!
เกี่ยวกับการแข่งขันแม้กระทั่งสังหารกันก็ได้รับอนุญาต!
หากตายที่นี่ ก็โทษคนอื่นไม่ได้
จะโทษก็ต้องโทษตัวเองที่แข็งแกร่งไม่พอ!
ทว่า…
แค่กิ่งไม้เพียงก้านเดียวก็เขวี้ยงมันทิ้งไป แต่กับหนึ่งชีวิตของผู้ฝึกตน…
ความแข็งแกร่งเช่นนี้เป็นสิ่งที่ไม่อาจสบประหม่าได้จริงๆ!
เสี่ยวโจวหันกลับมามอง
เมื่อเฮ่อจื่อจี้คิดว่าเขากำลังเข้ามา เขาก็ถอนสายตากลับไปกระโดดเพียงไม่กี่ก้าวและจากไปอย่างรวดเร็ว
ร่างกายที่ผอมบางนั่น ชั่วครู่ก็หายไปโดยสิ้นเชิงในป่านั่น
“ข้าคิดว่าเขาจะมาลงมือกับพวกเราเสียอีก!”
หัวใจที่สั่นไหวของเฮ่อจื่อจี้ก็วางลงได้
“คนมากมายของพวกเรา ทำให้เขาไม่กล้าทำอันใดวุ่นวาย”
ขณะที่พูดอยู่นั้นเขาชำเลืองมองฉู่หลิวเยว่และหรงซิวทั้งสองที่อยู่ข้างๆ
มิรู้ว่าเหตุใดเขามักจะรู้สึกอย่างคลุมเครือว่าเหตุผลที่เด็กหนุ่มนั่นไม่มาเมื่อครู่นี้ ดูเหมือนจะเป็นเพราะคนสองคนนี้…
อาจเป็นความหวาดกลัวกับอะไรบางอย่าง
แต่ไม่ว่าจะเป็นอะไร ในที่สุดก็จะหลีกเลี่ยงความยุ่งยากนี้ได้
ความแข็งแกร่งของเด็กหนุ่มนั่น เห็นได้ชัดว่าอยู่เหนือกว่าพวกเขา
เมื่อคิดเช่นนี้ เฮ่อจื่อจี้รู้สึกขมขื่นเล็กน้อยในปาก
ได้ยินมานานแล้วว่าการเข้าร่วมการทดสองที่เมืองอวิ๋นโจว ล้วนแต่มีผู้ที่มากความสามารถที่เหนือชั้น ซึ่งแต่ละคนช่างโดดเด่นเป็นพิเศษ
แต่เขาไม่คาดคิดว่าตนจะได้พบกับคนผู้นี้ อีกทั้งยังแข็งแกร่งกว่าเขาด้วยซ้ำ!
เดิมทีเขาค่อนข้างมั่นใจในตัวเอง แต่บัดนี้การทดสอบเพิ่งจะดำเนินไปได้ไม่นานนัก ความมั่นใจของเขาก็เกือบจะถูกทำให้ท้อถอยไปอย่างรวดเร็ว
ตอนช่วงวัยเด็กนั้น ดูเหมือนจะไม่มีส่งผลผลกระทบใดๆ กับหลายคน
หลังจากที่เสี่ยวโจวออกไป พวกเขาก็รีบเดินทางต่อ
…
ระหว่างทางพวกเขาพบความยุ่งยากอยู่หลายครั้ง แต่ในสายตาของฉู่หลิวเยว่กับหรงซิว นับว่าไม่มีอันใดเกิดขึ้นเลย
พวกเขาทั้งสองไม่ได้ลงมืออะไรมากนัก ส่วนใหญ่จะส่งให้กับเฮ่อจื่อจี้ทั้งสองคน
ความสามารถและความแข็งแกร่งของพี่น้องสองคนนี้ นับว่าไม่ธรรมดาจริงๆ
…หากไม่เทียบกับพวกฉู่หลิวเยว่ทั้งสองคนนั้น
แน่นอนว่าการเปรียบเทียบนี้ช่างดูอันธพาลยิ่งนัก
ทั้งหมดก็เป็นเช่นนี้ บนตัวของพวกมันเหมือนกับหมาป่าปีศาจปีกเทา มีรอยแผลเป็นที่คล้ายกันมาก
เห็นได้ชัดว่ามีคนเลี้ยงสัตว์อสูรไว้ใช้งาน และจงใจปล่อยมันออกมาในเวลาเช่นนี้
มันชัดเจนอย่างมาก!
เพียงแค่ต้องการจัดการคัดเลือกผู้เข้าร่วมการทดสอบได้อย่างรวดเร็ว!
…
สองวันผ่านไปอย่างรวดเร็ว
เมื่อเวลายามรุ่งของวันที่สาม มีเสียงนกหวีดที่ไพเราะก้องกังวานดังมาจากบนยอดเขา!
ฉู่หลิวเยว่เงยหน้าขึ้นมอง
ขณะนี้พวกเขาอยู่บนตำแหน่งสูงสองในสามส่วนของภูเขาแล้ว ซึ่งแทบจะไม่เห็นยอดเขาเหนือท้องฟ้า นั้นคือเงาร่างของหงอันที่ลอยอยู่
สองสามวันมานี้ เขาอยู่ที่นี่มาโดยตลอด เพื่อคอยตรวจการและเป็นผู้เฝ้าสังเกตขั้นตอนการแข่งขันทั้งหมด
“ดูเหมือนจะมีคนถึงยอดเขาแล้ว”
หรงซิวเลิกคิ้วและพูดขึ้นด้วยเสียงเบา
เฮ่อจื่อจี้พี่ชายและน้องสาวเผยให้เห็นสีหน้าดูผิดหวัง
ช่างน่าเสียดายที่ไม่ได้อันดับที่หนึ่ง
เฮ่อจื่อจี้คิดแล้วคิดอีก ในที่สุดก็ถามขึ้นอย่างอดไม่ได้
“พี่ไป๋หลี เห็นชัดๆ ว่าพวกเขามีโอกาสได้ที่หนึ่ง เหตุใด…”