ยอดหญิงลิขิตสวรรค์ - ตอนที่ 1999 การกระทำอันลึกลับ
ตอนที่ 1999 การกระทำอันลึกลับ
………………..
เหตุใดจึงจงใจถ่วงเวลา
“ไม่ว่าจะเป็นอันดับหนึ่งหรือไม่ ขอแค่เป็นกลุ่มแรกที่ได้ไป ก็ถือว่าผ่านการทดสอบแล้ว ไม่ใช่หรือ?”
ฉู่หลิวเยว่ขัดจังหวะคำพูดของเขาด้วยรอยยิ้ม
“พวกข้ามาเข้าร่วมทดสอบในครั้งนี้ เดิมทีเป็นเรื่องบังเอิญ อันดับที่หนึ่งสำหรับพวกเขากลับไม่ได้นึกถึงมันมากเกินไปนัก ขอเพียงผลลัพธ์สุดท้ายเหมือนกัน คนอื่นล้วนไม่สำคัญ ใช่หรือไม่”
เฮ่อจื่อจี้พูดไม่ออกอยู่ครู่หนึ่ง
เขาดูออกว่าคำพูดที่ฝ่ายตรงข้ามพูดออกมานั่นดูจริงใจอย่างแท้จริง
พวกเขาไม่ได้สนใจอันดับที่หนึ่งนั่นจริงๆ
เป็นไปได้ว่าสิ่งนี้คือความมั่นใจในพลังที่แข็งแกร่งกระมัง…
เฮ่อจื่อจี้รู้สึกทอดถอนใจครู่หนึ่ง ทั้งรู้สึกอิจฉาทั้งปล่อยวางอยู่บ้าง
อันที่จริงที่พวกเขาพูดก็ถูก ขอเพียงสามารถอยู่ในรายชื่อในอันดับสุดท้าย เช่นนั้นก็ถือว่าได้ที่หนึ่ง และไม่มีอะไรสำคัญไปกว่านั้น
“ถึงแม้ว่าจะมีคนไปถึงแล้ว การทดสอบเช่นนี้น่าจะใกล้สิ้นสุดลงแล้ว”
หรงซิวมองไปทางฉู่หลิวเยว่
“พวกเราก็ไปเถอะ”
…
หลังจากที่ตัดสินใจทำสิ่งนี้แล้วความเร็วของหลายคนก็เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วมาก
บนทางก็ไม่ได้เจอกับปัญหาอะไรอีก และถนนไม่ไม่มีสิ่งกีดขวางใดๆ
หลังจากผ่านไปหนึ่งชั่วยาม ในที่สุดพวกเขาก็ถึงยอดเขา
ในขณะนั้นบนยอดเขามีคนยืนอยู่สิบแปดคน
เสี่ยวโจวก็อยู่ในนั้นด้วย
“นึกไม่ถึงว่าพวกเขาทั้งสี่คนจะมาถึงพร้อมกันด้วยหรือ”
หงอันลงมาจากตำแหน่งกลางอากาศและบันทึกลำดับรายชื่อทีละคนๆ
เมื่อเห็นพวกเขาหลายคน ในตาของเขาก็รู้สึกประหลาดใจขึ้นอยู่หลายส่วน
“ข้าจำได้ว่า ตอนพวกเจ้าเริ่มต้นจากเชิงเขา ก็ลงมือพร้อมกันไม่ใช่หรือ”
ดูฉู่หลิวเยว่กับหรงซิวไม่มีเหตุผลที่จะเอ่ยปาก เฮ่อจื่อจี้รู้จึงรีบพูดขึ้น
“ใช่”
หงอันมองพวกเขา
ทั้งสี่คนนี้แทบจะไม่ได้รับบาดเจ็บอันใดเลย บนตัวเพียงเปื้อนคราบเลือดนิดหน่อยเท่านั้น
ส่วนคนอื่นๆ ที่เข้าร่วม แต่คนทั้งหมดสามารถพุ่งไปข้างหน้าได้นั้นกลับมีน้อยนัก
ดูแล้วพลังไม่ธรรมดา
สีหน้าของหรงอันดูกระตือรือร้นขึ้นเล็กน้อย
“ยินดีกับพวกเจ้าที่ผ่านการทดสอบ เช่นนั้นก็แจ้งชื่อเถอะ!”
เฮ่อจื่อจี้ที่อยู่ข้างหน้าสุดแจ้งชื่อและอายุของตน
ตามมาด้วยเฮ่อจื่อหลานเป็นคนต่อไป
หรงซิวกับฉู่หลิวเยว่เป็นคนสุดท้าย แน่นอนว่าพวกเขาแจ้งชื่อโดยใช้นามแฝง
แต่ทว่าตอนแจ้งอายุ จู่ๆ ฉู่หลิวเยว่ก็เปลี่ยนความคิด และเปลี่ยนคำตอบที่เตรียมไว้ก่อนหน้า
“สิบเจ็ด”
เมื่อได้ยินเช่นนี้ สายตาของหงอันพลันสว่างขึ้น และมองฉู่หลิวเยว่อย่างละเอียดอีกครั้ง
“เจ้าอายุแค่สิบเจ็ดหรือ”
การปลอมตัวของฉู่หลิวเยว่ในตอนนี้ดูเหมือนอายุประมาณยี่สิบปีได้
ตอนนี้ที่นางพูดว่าอายุสิบเจ็ดขึ้นมาอย่างกระทันหัน เห็นได้ชัดว่าดูเด็กลงอย่างมากในทันที
แต่หงอันกลับดูเหมือนดีใจเป็นพิเศษ
“ใช่”
ฉู่หลิวเยว่ตอบกลับ และถามขึ้นอย่างไม่สนใจ
“มีอันใดไม่ถูกงั้นหรือ”
หงอันหัวเราะอย่างเก้อเขิน
“ไม่มี…ไม่มี! ข้าเพียงแต่คิดว่า อายุสิบเจ็ดปี…อนาคตไกลอย่างแน่นอน!”
ฉู่หลิวเยว่ยิ้มจางๆ เหมือนจะเชื่อในคำพูดประโยคนี้
“จริงสิ ยังพอมีเวลาอีกสักพักกว่าการทดสอบจะสิ้นสุดลง พวกเจ้าพักผ่อนกันก่อนเถอะ”
ท่าทางของหงอันดีขึ้นกว่าเมื่อก่อนเล็กน้อยอย่างเห็นได้ชัด
และนี่เพียงเพราะได้ยินฉู่หลิวเยว่บอกว่าอายุน้อยกว่าที่คาดไว้
อายุสิบเจ็ด…นับว่าเป็นคนที่อายุน้อยที่สุดในที่แห่งนี้
ฉู่หลิวเยว่หลบตาลง เพื่อกลบคลื่นในดวงตาลงและค่อยๆ ตอบกลับพลางถอยหลังลงไป
สายตามากมายรอบๆ จ้องมองบนตัวของพวกเขาแต่ละคน
ฉู่หลิวเยว่แสร้งทำเป็นมองไม่เห็น หลังจากนั้นจึงถอยไปด้านข้างและเริ่มรอคอยอย่างสงบนิ่ง
…
ผ่านไปอีกสองชั่วยาม จนมาถึงเวลาเที่ยง
ทางด้านหลังยังมีคนขึ้นมาอย่างต่อเนื่อง
เมื่อคนที่ที่ห้าสิบเอ็ดมาถึง ในที่สุดหงอันเก็บสมุดในมือไป
ขณะเดียวกันเขาเป่านกหวีดขึ้นอีกครั้ง
เสียงนี้หมายความว่าคนเหล่านั้นที่ยังมาไม่ถึงได้ถูกคัดออกแล้ว!
ทว่าการทดสอบได้ถูกตัดสินแล้วใครก็ไม่สามารถเปลี่ยนแปลงได้
หลังจากเดินไปมาตรงที่เดิมสักพักหนึ่ง ในที่สุดคนเหล่านี้ก็ทยอยกลับมาทีละคน
ทุกคนที่อยู่บนยอดเขาต่างก็เต็มไปด้วยความปีติยินดี
เมื่อผ่านการทดสอบจึงหมายถึงพวกเขาสามารถเข้าสู่อาณาจักรเสินซวี่ได้แล้ว!
หลังจากแน่ใจว่ารอบๆ ไม่มีคนอื่นมารบกวน หงอันจึงมองไปที่ทุกคนตรงหน้าเขา
บนใบหน้าของเขาปรากฏรอยยิ้มชื่นชมขึ้น
“อันดับแรกขอแสดงความยินดีกับทุกท่านที่ผ่านการทดสอบ! นี่หมายความว่าพวกเจ้าเข้าใกล้ระดับที่สูงขึ้นอีกก้าวหนึ่งแล้ว!”
เพียงคำพูดไม่กี่ประโยคก็ทำให้หลายคนรู้สึกตื่นเต้นดีใจ
บนใบหน้าพวกเขาแสดงความตื่นเต้นและกระตือรือร้นกว่าตอนที่อยู่เชิงเขามากขึ้นกว่าเดิมเสียอีก
“แต่ว่า ทุกคนควรรู้ไว้ว่าหลังจากนี้พวกเราต้องรออยู่ที่นี่หนึ่งเดือน และค่อยมุ่งหน้าไปที่อาณาจักรเสิ่นซวี่ ดังนั้นในเวลาอันสั้นเช่นนี้ทุกคนที่อยู่ที่นี่สามารถพักฟื้นร่างกายและฝึกฝนตนต่อได้ หลังจากหนึ่งเดือนพวกเราจะออกเดินทาง!”
เมื่อได้ยินคำพูดนี้เข้าต่างไม่มีปัญหาอะไร
เมื่อทุกคนฟังจบล้วนดีใจอย่างมาก
“เดิมที่การอยู่ที่นี่ในเวลาอันสั้นเช่นนี้ เพื่อให้พวกเราได้ปรับตัวกับสภาพร่างกายของตนอย่างดีที่สุด!”
เฮ่อจื่อจี้เผยให้เห็นสีหน้าดูโล่งใจ
หรงซิวเลิกคิ้วขึ้นเบาๆ
ฉู่หลิวเยว่ยิ้มที่มุมปาก
ถ้าง่ายเช่นนั้นจริงๆ ก็คงดี
แต่น่าเสียดายนัก…
หรงอันผู้นี้คงไม่ได้มีความคิดที่ดีอะไร
พวกเขาหลายคนส่วนใหญ่ล้วนได้รับบาดเจ็บ แต่โดยพื้นฐานแล้วไม่ได้ร้ายแรงมากนัก
คนอื่นๆ ต่างทยอยหาที่รอของตนเอง และคิดที่จะรอที่หนึ่งเดือน
เสี่ยวโจวไม่ได้เข้ามาทักทายฉู่หลิวเยว่และคนอื่นๆ และเขายังนั่งอยู่คนเดียว ตรงข้างหน้าทางด้านขวาของฉู่หลิงเยว่
เพียงมองขึ้นไปก็จะเห็นฝ่ายตรงข้าม
ยอดเขาของเขาไท่อินนี้ เหมือนถูกตัดขาดเป็นส่วนๆ ทั้งราบเรียบและกว้างอย่างมาก
ซึ่งมากพอที่จะรองรับพวกเขาห้าสิบเอ็ดคนได้
ทุกคนต่างนั่งแยกกัน หลังจากกล่าวทักทายกันไม่กี่ประโยคก็เงียบเสียงลง
บางคนเริ่มลองฟื้นฟูอาการบาดเจ็บของตนเอง
คนอื่นๆ กำลังดูดซับพลังสวรรค์และโลกจึงเริ่มการฝึกฝน
อย่างไรก็ตามเมื่อมองดูทั้งหมดล้วนปกติอย่างมาก
หลังจากหงอันนับจำนวนคนที่เหลือเสร็จแล้ว ก็กลับไปบนท้องฟ้าและยืนตระหง่านอยู่กลางอากาศ
ฉู่หลิวเยว่เงยหน้ามองอยู่แวบหนึ่ง
เวลาเช่นนี้แล้ว เหตุใดเขายังขึ้นไปอยู่อีกหรือ
นางมักจากรู้สึกถึงท่าทางที่กวาดตามองเช่นนี้อย่างอวดดีและแปลกประหลาดอยู่หลายส่วน
แม้แต่…ความคลุมเครือทำให้นางรู้สึกเหมือนถูกจับตามอง
สุดท้ายฉู่หลิวเยว่ยังคงกดความคิดเอาไว้ในใจและค่อยๆ หลับตาลง
…
เวลาเคลื่อนผ่านเงียบสงัด ลมภูเขาพัดผ่านปลิวว่อน
พลบค่ำมาเยือน พระจันทร์เต็มดวงลอยอยู่กลางนภา
ความเยือกเย็นจึงพัดผ่านเข้ามา
จู่ๆ ฉู่หลิวเยว่ก็ลืมตาขึ้น!
พลังปราณเดิมในร่างของนาง กำลังเคลื่อนผ่านอย่างสงบ!