ยอดหญิงลิขิตสวรรค์ - ตอนที่ 2000 มีปีศาจ / ตอนที่ 2001 เรื่องตลก
ตอนที่ 2000 มีปีศาจ
ความรู้สึกนี้ช่างละเอียดอ่อนยิ่งนัก หากไม่ใช่ชีพจรเทียนจิงที่อยู่บนตัวของนาง อีกทั้งการสัมผัสอันเฉียบแหลมของพลังปราณเดิม เกรงว่านางคงไม่อาจพบสิ่งผิดปกติได้เร็วเช่นนี้
นางขยับโดยไม่รู้ตัวเพื่อจะลุกขึ้น
“เยว่เออร์”
ทันใดนั้นเสียงของหรงซิวก็ดังเข้ามาในหูของนางอย่างชัดเจน
ฉู่หลิวเยว่ยับยั้งความรู้สึกเอาไว้ในทันที ซึ่งในเวลาเช่นนี้ไม่ควรแหวกหญ้าให้งูตื่นจริงๆ
นางมองไปรอบๆ ด้วยสีหน้าเรียบเฉย
ในทุกทิศทางเงียบสงบ
ทุกคนต่างรอในตำแหน่งของตนเอง และดูเหมือนไม่มีอะไรผิดปกติ
ในจำนวนพวกเขาส่วนใหญ่ อาจะยังไม่ทันได้สังเกตว่าพวกเขากำลังจะสูญเสียพลังของตนไป…
หลังจากฉู่หลิวเยว่มองไปรอบๆ นางก็ถอนสายตากลับมาและมองไปทางพื้นด้านหน้าของตนเอง
หินภูเขาที่เรียบและหยาบ ปรากฏเป็นสีขาวนวล ภายใต้การสะท้อนของแสงจันทร์ ส่องสะท้องจนมันเรืองแสงจางๆ ออกมาหลายจุด
ดูเหมือนแสงนี้คงไม่มีอะไรผิดปกติ
แต่พลังปราณเดิมที่หลังไหลในตัวนางก่อนหน้านี้ กลับไหลลงไปในภูเขาหินใต้ร่างแทน
ด้านล่างนี้เห็นได้ชัดว่ามีของบางอย่าง
คิดอยู่ครู่หนึ่ง ฉู่หลิวเยว่ก็งอนิ้วและยืดออกเบาๆ
“โอ้ย!”
ทันใดนั้นเฮ่อจื่อหลานก็ส่งเสียงอุทานและกระโดดขึ้น!
“ใครตีข้า!”
เป็นเช่นนี้ ไม่ว่าใครก็ยากที่จะไม่ตกใจ
เดิมทีหงอันกำลังงีบหลับพลางพักสายตา แต่เมื่อได้ยินเสียงเคลื่อนไหว เขาจึงลืมตาขึ้นในทันที
เขาย่นคิ้วและเอ่ยถามขึ้น
“ใครเป็นอันใดงั้นหรือ”
เดิมทีทั้งหมดล้วนจัดการได้เป็นอย่างดี ใครจะคิดว่าจะถูกก่อกวนเช่นนี้!
เขาอารมณ์ไม่ดี สีหน้าก็หาไม่เจอว่าไปอยู่ที่ไหนเสียแล้ว
เมื่อได้ยินเสียงอันเคร่งขรึมของเขาเฮ่อจื่อหลานก็รู้สึกตื่นตระหนกขึ้นในทันที เสียงของนางจึงดูเล็กลงโดยไม่รู้ตัว
“ขะ…ข้า…เมื่อครู่มีคนลอบทำร้ายข้า…”
“ใครลอบทำร้ายเจ้า”
หงอันมองดูอีกรอบ
ทุกคนต่างรออยู่ตรงตำแหน่งของตนเอง
ลอบทำร้าย?
ดูเหมือนจะพูดออกมาไม่ได้
“ข้าก็ไม่รู้…”
เดิมทีเฮ่อจื่อหลานกำลังฝึกฝนอยู่นั้น จู่ๆ ก็รู้สึกเจ็บที่เอวด้านหลัง โดยสัญชาตญาณคิดว่ามีคนทำร้ายนาง หงอันจึงถามขึ้น นางจึงตอบกลับไปโดยไม่คิด
แต่บัดนี้ใจเย็นลงแล้ว นางจึงรู้ว่ามีบางอย่างผิดปกติ
นางกับคนที่นี่ล้วนไม่มีมิตรไม่มีศัตรู ผู้ใดจะลงมือกับนางได้เล่า
และต้องอยู่ต่อหน้าผู้คนมากมายเช่นนี้?
สิ่งที่สำคัญที่สุดคือตัวนางเองไม่สามารถแยกออกได้ว่าพลังนั่นมาจากที่ใด
เช่นนี้คงยากที่จะระบุตัวตนได้
เฮ่อจื่อหลานเริ่มขี้ขลาดขึ้นเรื่อยๆ และสภาพดูตื่นตกใจอยู่ครู่หนึ่ง
“ข้า ข้าก็ไม่รู้…”
สีหน้าของหงอันยิ่งแย่ลงกว่าเดิม
เฮ่อจื่อหลานกลัวว่าเขาจะตำหนิตน จึงรีบพูดขึ้นอย่างร้อนรน
“แต่ว่าข้าบาดเจ็บจริงๆ! ใต้เท้าหงอัน!”
หงอันหรี่ตาลงและเอ่ยถามขึ้น
“เจ้าบาดเจ็บตรงไหนหรือ”
ทันใดนั้นเฮ่อจื่อหลานก็หน้าแดงและพูดเสียงตะกุกตะกักขึ้นว่า
“ข้าบาดเจ็บจนถึงเอว…”
จริงๆ แล้วนางยังคงเป็นเด็กสาวอายุน้อยคนหนึ่ง เมื่อพูดเช่นนี้ต่อหน้าคนจำนวนมาก ยังคงรู้สึกเขินอายเล็กน้อยเป็นธรรมดา
แต่อาการบาดเจ็บจนถึงเอว จึงไม่สามารถตรวจสอบได้เช่นกัน
คงไม่อาจปล่อยให้นางเปลื้องเสื้อผ้าเพื่อตรวจร่างกายได้กระมัง
ไม่ว่าจะจริงหรือเท็จก็ตาม คงไม่มีใครสามารถพูดได้อย่างแน่นอน
หงอันมองนางอย่างใกล้ชิดพลางเอ่ยถามขึ้น
“อาการบาดเจ็บเป็นอย่างใดบ้าง”
เห็นทาท่างเช่นนี้นับว่าบาดเจ็บจริงๆ แต่น่าจะไม่ได้รุนแรงนัก
สายตาโดยรอบมุ่งความสนใจไปที่บนตัวของเฮ่อจื่อหลาน ทำให้นางรู้สึกประหม่า
“ไม่…ไม่ต้องรีบร้อน”
คงเจ็บมาก คาดว่าจะกลายเป็นรอยฟกช้ำม่วงๆ
แต่ก็นับว่าไม่ได้บาดเจ็บอะไรมากนัก
เมื่อเห็นเช่นนี้ ดูเหมือนว่าเธอกำลังทำเรื่องเล็กให้เป็นเรื่องใหญ่ และตั้งใจสร้างเรื่องขึ้น…
คำพูดช่างรุนแรงไปหน่อย
เฮ่อจื่อหลานกัดริมฝีปากด้วยความน้อยใจอย่างมาก
“เจ้าค่ะ”
เฮ่อจื่อจี้พูดขึ้นอย่างรวดเร็ว
“ใต้เท้าหงอัน โปรดใจเย็นก่อน น้องสาวของข้าถูกคนในบ้านตามใจมาโดยตลอด เมื่อเกิดเรื่องต่างๆ นางจะตื่นตกใจได้ง่าย แต่นางไม่ได้มีเจตนาไม่ดีอันใด ท่านโปรดวางใจ ข้าจะสั่งสอนนางให้ดี และจะไม่ทำผิดอีก!”
หงอันมองเขาอยู่ครู่หนึ่ง
“จำสิ่งที่เจ้าพูดไว้ หากอยู่ไม่ได้ ก็ออกไปสะ ควรจะรู้ไว้ว่าถึงแม้ตอนนี้พวกเจ้าจะผ่านการทดสอบแล้ว แต่ก็อาจไม่เหมาะที่จะเข้าอาณาจักรเสิ่นซวี่ได้ ในช่วงเวลาหนึ่งเดือนต่อจากนี้ ใช่ว่าจะไม่ถูกคัดออกอีก”
คำพูดเต็มไปด้วยคำเตือนและการข่มขู่ เพื่อเตือนให้คนที่อยู่ในเหตุการณ์ได้สติในทันที
เฮ่อจื่อจี้มีเหงื่อไหลออกมาไม่หยุด
“ขอรับ!”
ขณะที่พูดเขาก็รีบดึงเฮ่อจื่อหลานให้นั่งลงทันที
เรื่องน่าขันฉากหนึ่ง ดูเหมือนจะจบลงเช่นนี้
ฉู่หลิวเยว่หันศีรษะเล็กน้อยและเอ่ยถามขึ้นด้วยเสียงแผ่วเบา
“เมื่อครู่…เกิดอันใดขึ้นกันแน่”
เฮ่อจื่อหลานรู้สึกน้อยอกน้อยใจ เมื่อเธอได้ยินฉู่หลิวเยว่ถามเช่นนี้ จู่ๆ นางก็กลั้นไม่ไหวอีกต่อไป
“เมื่อครู่มีคนลอบทำร้ายข้า! จนข้าบาดเจ็บ!”
เฮ่อจื่อจี้ตะโกนด้วยเสียงทุ้มต่ำ
“จื่อหลาน! หยุดพูดได้แล้ว! แค่นี้เจ้ายังสร้างปัญหาไม่พออีกหรือ”
ไม่ง่ายเลยที่พวกเขาจะผ่านการทดสอบ และไม่อาจพ่ายแพ้เช่นนี้ จนถูกไล่ลงจากเขาได้!
ฉู่หลิวเยว่กะพริบตาถี่ๆ และพูดขึ้นด้วยเสียงแผ่วเบา
“ข้ามองดูนางเช่นนี้ ดูเหมือนนางจะไม่ได้โกหกนะ…แต่ถ้าทุกคนยังอยู่ในที่ของตนเอง ใครจะลงมือกับเจ้าได้”
เฮ่อจื่อหลานไม่คาดคิดว่าฉู่หลิวเยว่จะช่วยพูดแทนนาง ความรู้สึกซาบซึ้งมากมายก็เกิดขึ้นในใจทันที
นางกำมือทั้งสองข้าง กัดฟันแน่นและพูดขึ้นอย่างรู้สึกเสียใจ
“ใครจะรู้ว่าเกิดอันใดขึ้นกันแน่ ข้าว่าไม่แน่ภูเขาไท่อินอาจมีปัญหาบางอย่าง!”
ตอนที่ 2001 เรื่องตลก
“จื่อหลาน!”
เฮ่อจื่อจี้รู้สึกขวัญหนีดีฝ่อ จึงรีบขึ้นไปปิดปากของนาง
“พูดไร้สาระอันใดน่ะ!”
พูดเช่นนี้คิดว่าพูดไปเรื่อยได้อย่างนั้นหรือ
เฮ่อจื่อหลานพูดโพล่งด้วยประโยคนั้น แต่ก็สายไปเสียแล้วที่จะนึกเสียใจจึงมองไปทางหงอันในทันที
แต่ในเวลานี้หงอันหลับตาลง เหมือนกำลังครุ่นคิดและไม่ได้สนใจสถานการณ์ทางนี้
แน่นอนว่าเขาไม่คิดที่จะซักไซ้เอาความต่อ เฮ่อจื่อจี้จึงถอนหายใจอย่างโล่งอก
แผ่นหลังของเขาเปียกโชกไปด้วยเหงื่ออย่างเห็นได้ชัด
น้ำตาของเฮ่อจื่อหลานตกลงบนหลังมือของเขา ทำให้เขาทั้งโกรธและเจ็บปวดใจ แต่เหตุใดไฟโกรธนั่นก็ไม่สามารออกมาได้
“…จื่อหลาน ที่นี่ไม่ใช่บ้านที่จะอนุญาตให้เจ้าเอาแต่ใจได้! นับจากนี้ไปเจ้าต้องระวังคำพูดและการกระทำให้มาก เข้าใจหรือไม่”
เฮ่อจื่อหลานร้องไห้พลางพยักหน้า
ในขณะนี้นางก็นึกถึงความร้ายแรงของเรื่องที่เกิดขึ้น
ฉู่หลิวเยว่ยิ้มและพูดขึ้นด้วยเสียงอ่อนโยน
“ใช่สิ ที่นี่คือภูเขาไท่อิน จะมีปัญหาได้อย่างไรกัน ต้องเข้าใจผิดเป็นแน่”
“ขอบใจเจ้ามาก”
“ไม่ต้องหรอก ทุกคนปลอดภัยก็ดีแล้ว”
เมื่อฉู่หลิวเยว่พูดจบก็ไม่พูดอะไรต่อ
…
ทุกสิ่งเหมือนกลับมาเป็นปกติอีกครั้ง
แต่คำพูดของเฮ่อจื่อหลานที่พูดออกมาเมื่อครู่นี้ กลับถูกคนรอบๆ มากมายได้ยินเข้าเสียแล้ว
บางคนแอบสบตากัน ต่างเกิดความสงสัยและไม่สบายใจอยู่หลายส่วน
เมื่อเห็นท่าทางเช่นนั้นของเฮ่อจื่อหลาน ดูเหมือนนางไม่ใช่คนโกหก
สุดท้ายข่าวลือเช่นนี้ ไม่เป็นประโยชน์อะไรต่อนางเลย
เหตุใดนางพยายามเช่นนี้แล้วแต่ยังไม่ดีพอเล่า
แต่สถานการณ์เช่นนี้ของนางกลับผิดแปลกไปเล็กน้อยจริงๆ
ถ้าหากคนเหล่านี้ที่อยู่ในสถานการณ์ไม่ได้ลงมือ เช่นนั้นแล้วใครจะทำเล่า?
เขาไท่อินแห่งนี้…หรือว่าจะมีปัญหาจริงๆ อย่างนั้นหรือ
เมื่อมองดูภายนอกเรื่องตลกเช่นนี้กลับลดลงแล้วจริงๆ แต่ในใจของหลายคนกลับเริ่มมีความสงสัยเกิดขึ้น
คนแรกคือเฮ่อจื่อหลาน ใครจะรู้ว่าหลังจากนี้เรื่องเช่นนี้จะเกิดขึ้นอีกหรือไม่ และจะถึงคราวของใครอีก
แม้กระทั้งการลงมืออาจยิ่งหนักกว่านี้ก็เป็นเป็นได้…
หากจิตใจสับสนก็จะไม่ได้รักษาสภาพจิตใจกับและฝึกฝนเลย
ความอึดอัดและวิตกกังวลอย่างอธิบายไม่ได้เช่นนี้ กำลังพุ่งพล่านอย่างเงียบๆ ท่ามกลางผู้คนบนยอดเขา
…
หงอันย่นคิ้วขึ้น ในที่สุดก็ลืมตาขึ้นและมองลงด้านล่างแวบหนึ่ง
แม้ว่าจะถูกทำให้ล่าช้า ก็ทำได้เพียงยอมรับมันให้ได้
อย่างเลวร้ายที่สุด ต่อไปค่อยกลับมาจัดการก็พอ…
หลังจากพูดโน้มน้าวกับตัวเองเช่นนี้แล้ว อารมณ์ของหงอันสงบลงในที่สุด
…
อย่างไรก็ตามความสงบเช่นนี้กลับอยู่ต่อได้ไม่นานนัก
สองชั่วยามต่อมา เหตุการณ์เดิมกลับเกิดขึ้นอีกครึ่ง!
เพียงแต่ว่าครั้งนี้ถูก “ลอบทำร้าย” คือเด็กหนุ่มคนหนึ่งอายุประมาณยี่สิบปี
กระดูสะบักของเขาถูกตีจนหัก
อีกทั้งเขาไม่รู้ว่าใครเป็นคนลงมือ
บางทีอาจพูดได้ว่าเป็นเรื่องที่เข้าใจผิดกัน แต่ในครั้งนี้ไม่อาจอธิบายเช่นนั้นได้
ยิ่งกว่านั้นบาดแผลในครั้งนี้รุนแรงกว่าครั้งก่อน!
เมื่อมองดูเด็กหนุ่มที่นั่งอยู่บนพื้นด้วยสีหน้าเจ็บปวดทรมานจนหายใจไม่ออก ในใจของทุกคนต่างจมอยู่ในความเจ็บปวดเช่นเดียวกัน
“…นี่มันเกิดอันใดขึ้น หนึ่งครั้ง สองครั้ง…จะยังมีครั้งที่สามหรือมากกว่าอีกหรือไม่”
“เรื่องนี้ใครจะพูดได้ถูกกัน…หากต่อไปมันยิ่งโหดเหี้ยมกว่านี้ เกรงว่าอาการบาดเจ็บยิ่งรุนแรงขึ้นเรื่อยๆ จนกระทั่ง…”
“หรือจริงๆ แล้วเขาไท่อินมีอันใดบางอย่างแอบซ่อนอยู่อย่างนั้นหรือ”
ทุกคนหารือกัน และยังมีอีกหลายคนที่ต้องการเข้าไปตรวจสอบเขาไท่อินนี้
หงอันระงับความโกรธเอาไว้ที่กำลังเดือดพล่านในอก
“เขาไท่อินไม่มีปัญหาอันใด! นี่ต้องมีคนกำลังก่อความวุ่นวายอยู่แน่!”
เรื่องนี้ที่เกิดขึ้น เขาก็ไม่อาจอยู่รอบนที่สูงได้อีกต่อไปแล้ว เพียงต้องกลับไปบนยอดเขาอีกครั้ง
เขาเดินไปที่ด้านข้างของเด็กหนุ่มผู้นั้น และลงมือตรวจดูด้วยตนเอง แต่กลับไม่พบอะไร
แต่เรื่องเช่นนี้เกิดขึ้นได้อย่างไร เขากลับไม่รู้ตัวเลยสักนิด!
เหมือนว่าพลังของการลอบทำร้ายนั่น จู่ๆ ก็ปรากฏขึ้นมาจากอากาศ!
แต่สิ่งนี้ช่างแปลกเกินไป!
คนเหล่านี้ที่อยู่ในเหตุการณ์ หากมีการเคลื่อนไหวอะไร คงหนีไม่พ้นสายตาของพวกเขาแน่!
แต่ว่าเขาไม่มีอะไรเกิดขึ้นเลยจริงๆ!
หงอันให้คนข้างๆ ขึ้นไปข้างหน้าและช่วยเด็กหนุ่มผู้นั้นทำแผลให้เขา
บริเวณรอบๆ เงียบสงัด
เมื่อเกิดเรื่องนี้ขึ้นสองครั้งติดต่อกัน ทุกคนก็รู้สึกไม่สบายใจมาก
เฮ่อจื่อหลานอดไม่ได้จึงถามขึ้นอย่างเสียงเบา
“…พี่ชาย ข้าแค่บอกว่าที่นี่มีบางอย่างผิดปกติ…ข้าไม่ได้พูดไร้สาระจริงๆ เจ้าดูที่นี่ตอนนี้สิ…”
ถ้านี่เป็นเพียงการเริ่มต้นล่ะ
ใครจะรู้ว่าต่อไปจะเกิดอะไรขึ้นอีก
เฮ่อจื่อจี้ขมวดคิ้วพลางมองนางอยู่ครู่หนึ่งและส่งสัญญาณให้นางหยุดพูด
แต่แม้ว่าเฮ่อจื่อหลานจะไม่ได้พูด แต่อันที่จริงทุกคนที่อยู่ในเหตุการณ์ล้วนมีความคิดแบบเดียวกัน
หงอันยืนขึ้น คิดครู่หนึ่งแล้วโบกแขนเสื้อ!
ค่ายกลสีแดงขนาดใหญ่ปกคลุมทุกคนในนั่นทันที
“พอแล้ว อย่าคาดเดาไร้สาระกันเลย! ตอนนี้ข้าได้กางค่ายกลแล้ว คงไม่เกิดเหตุการณ์แบบเดิมแน่นอน พวกเจ้าไปพักผ่อนกันให้สบายใจต่อเถอะ”
หงอันพูดเสียงเข้ม
แต่ในเวลานี้ คำพูดเช่นนี้เห็นได้ชัดว่าไม่มีผลอะไร
ทุกคนยังคงยืนอยู่ที่เดิม ไม่กล้านั่งลงอีกและก็ไม่กล้าพักผ่อนหรือฝึกฝนอีกต่อไป
ท่าทางเช่นนั้นมักรู้สึกไม่ปลอดภัย
หรงซิวพูดขึ้นในทันที
“พี่ชายท่านนี้บาดเจ็บ น่าจะรอต่อไปไม่ได้แล้ว ควรส่งเขาลงเขาไปดีหรือไม่”
เสียงชัดเจนและเรียบเฉยของเขา กลับเตือนสติทุกคนได้ในทันที
จริงสิ!
หากกระดูสะบักหักจะส่งผลกระทบอย่างมากจริงๆ
ในสถานการณ์เช่นนี้ แต่ไหนแต่ไรมาหงอันไม่เคยพูดถึงเรื่องที่ปล่อยเขาไปอย่างนั้นเลยหรือ
………………..