ยอดหญิงลิขิตสวรรค์ - ตอนที่ 2002 ออกเดินทางไปยัง
ตอนที่ 2002 ออกเดินทางไปยัง
………………..
หงอันเลิกคิ้วขึ้นและผ่อนคลายลงอย่างรวดเร็ว
“แค่บาดเจ็บเล็กน้อย ใช้เวลาสิบวันหรือครึ่งเดือนก็สามารถฟื้นตัวได้”
ขณะที่พูดเขามองไปทางเด็กหนุ่มคนนั้นที่บาดเจ็บ
“ไม่ว่าลงจากเขาและทิ้งโอกาสในการเข้าสู่อาณาจักรเสิ่นซวี่ หรือยืนหยัดต่ออีกครั้ง เจ้าเป็นผู้เลือกเอง”
ฉู่หลิวเยว่ยิ้มเยาะในใจ
คำพูดนี้ช่างน่าสนใจยิ่งนัก
การมาถึงที่นี่ของทุกคน ก็เพื่อมุ่งหน้าไปที่อาณาจักรเสิ่นซวี่
เขาตั้งใจพูดเช่นนี้แน่นอนว่าจะทำให้ผู้คนหวั่นไหว
เป็นดั่งคาดที่ก่อนหน้ามีเด็กหนุ่มยังคงลังเลอยู่หลายส่วน เมื่อได้ยินคำพูดนี้เข้า สีหน้าของเขากลับแน่วแน่ขึ้นอยู่หลายส่วนในทันที
“ข้าเลือก…อยู่ต่อ”
แม้ว่าอาการบาดเจ็บบนร่างกายจะไม่ร้ายแรงนัก แต่รักษาตัวดีๆ จะสามารถฟื้นตัวได้เต็มที่ภายในหนึ่งเดือนอย่างแน่นอน
ไม่ง่ายเลยที่ผ่านการทดสอบจนมาถึงยอดเขาไท่อินได้ หากยอมแพ้ตอนนี้ และเลือกจากไป ในใจของเขาก็คงไม่ยินยอมเป็นแน่
เมื่อได้ยินคำตอบของเขา ใบหน้าของหงอันแสดงความชื่นชมออกมา
“ดีมาก! คิดอยากจะเป็นผู้แข็งแกร่ง เดิมทีไม่ใช่เรื่องง่ายนัก ต้องใช้ทั้งความพยามยามและสิ่งที่ต้องแลกมาถึงจะสำเร็จ หากเพียงเพราะในใจหวาดกลัวและลังเลด้วยเรื่องเล็กน้อย เช่นนั้นต่อไปก็คงไม่มีอนาคตอันใดให้พูดถึง!”
คำพูดที่โน้มน้าวอย่างเป็นกลาง ทำให้ผู้คนมากมายบริเวณรอบๆ มีสีหน้าเปลี่ยนไป
นี่คือความหมายโดยนัยที่พวกเขาจะสื่อไม่ใช่หรือ!
แต่หงอันมีสถานะสูงส่ง อีกทั้งคำพูดของเขาก็ไม่ได้ไร้เหตุผล ทุกคนจึงเงียบเสียงลง
“พอแล้ว พวกเจ้าแต่ละคนจงรอคอยอย่างสบายใจเถอะ!”
หงอันมองไปรอบๆ พูดทิ้งไว้หนึ่งประโยคและเดินไปด้านข้าง
ทุกคนไม่กล้าพูดอะไรอีกจึงทยอยกันกลับไปยังที่ของตน และรอคอยอย่างสงบนิ่ง
เฮ่อจื่อหลานดึงแขนเสื้อของเฮ่อจื่อจี้ และพูดขึ้นด้วยเสียงต่ำ
“พี่ใหญ่ ข้ารู้สึกว่าที่นี่มันแปลกจริงๆ…ไม่อย่างนั้นพวกเรากลับกันเถอะ?”
เฮ่อจื่อจี้ไม่เห็นด้วยอย่างแน่นอน
พวกเขาเตรียมตัวกันมานานเช่นนี้ ก็เพื่อการทดสอบในครั้งนี้ มิรู้ว่าทุ่มเทไปมากมายเพียงใด เหตุใดถึงพูดว่ายอมแพ้ก็ยอมแพ้ง่ายๆ อย่านั้นหรือ
เมื่อเห็นว่าเฮ่อจื่อหลานดูหวาดกลัวเล็กน้อย เฮ่อจื่อจี้จึงตบเบาๆ ที่มือของนางและอดทนแนะนำนางไปสองประโยค
“เอาล่ะ จื่อหลาน อย่าเพิ่งคิดมากไปเลย เจ้าเห็นใต้เท้าหงอันที่อยู่ข้างๆ ในตอนนี้หรือไม่ จะต้องไม่มีอันเกิดขึ้นอย่างแน่นอน”
ริมฝีปากของเฮ่อจื่อหลายสั่นไปมา เมื่อเธอเห็นสีหน้าเด็ดขาดของพี่ใหญ่ของตน ก็รู้ว่าคำพูดของตนไม่มีเหตุผลพออย่างแน่นอน
ด้วยเหตุนี้จึงแล้วๆ กันไปเถิด
“เข้าใจแล้ว”
เฮ่อจื่อจี้ลูบหัวนางเป็นการปลอบใจและถอนสายตากลับมา
แต่การปลอบใจเช่นนี้กลับมิอาจทำให้เฮ่อจื่อหลานรู้สึกสบายใจลงได้
นางก้มศีรษะลงและใช้มือทั้งสองวนรอบหนึ่ง
แม้พี่ใหญ่จะไม่รู้แต่นางกลับรู้ได้อย่างชัดเจน
แน่นอนว่าเมื่อครู่นี้มีคนแอบรอบทำร้ายนาง!
อีกทั้งความแข็งแกร่งของฝั่งตรงข้ามเหนือกว่านาง ไม่ ควรพูดว่าเหนือกว่าหงอัน!
หากสามารถพอที่จะเลี่ยงการตรวจสอบของเขา คงต้องลงมืออย่างเงียบเชียบเป็นครั้งที่สอง…
น่ากลัวจริงๆ!
แน่นอนว่านางต้องการไปที่อาณาจักรเสิ่นซวี่ แต่เช่นนั้นจะต้องมีชีวิตรอดถึงจะทำได้!
เฮ่อจื่อหลานเต็มไปด้วยความกระวนกระวายใจจนในหัวของนางยุ่งเหยิงไปหมด
ผู้ที่สามารถมาถึงที่นี่ได้ล้วนไม่ใช่คนธรรมดาทั่วไป
เมื่อครุ่นคิดบางเรื่องอย่างละเอียดรอบคอบ ก็สังเกตเห็นความผิดปกติบางอย่างและทำให้ด้านหลังของผู้คนเกิดความตื่นตระหนกขึ้น
วันหนึ่ง ในความไม่ปลอดภัยและความสงสัยของทุกคนเช่นนี้ ค่อยๆ แพร่กระจายขึ้น
…
เวลาผ่านไปชั่วพริบตาจึงเข้าสู่คืนวันที่สอง
ฉู่หลิวเยว่นั่งขัดสมาธิ ดวงตาทั้งคู่ปิดลงเบาๆ
เมื่อพระจันทร์สว่างขึ้นความรู้สึกคุ้นเคยเช่นนั้นก็กลับมาอีกครั้ง
ครั้งนี้นางเตรียมตัวมานานแล้ว ดังนั้นนางจึงสัมผัสได้ว่ามีบางอย่างผิดปกติทันทีที่พลังปราณในร่างของนางถูกกลืนกิน
หัวใจของนางสั่นไหว…
ใต้ภูเขานี้มีค่ายกลอยู่!
แม้เมื่อวานจะไม่แน่ชัด แต่วันนี้ความผันผวนของพลังนั่น กลับเปิดเผยออกมาอย่างชัดเจน!
มิรู้ว่าเดิมทีก็เป็นเช่นนี้ หรือหงอันลงมือทำอะไรอีกครั้งด้วยความกังวลกันแน่น
แต่ไม่ว่าอะไรจะเกิดอะไรขึ้น แต่สุดท้ายก็เป็นฉู่หลิวเยว่ที่เดาเหตุการณ์ครั้งก่อนได้อย่างแน่นอน
มุมปากของนางยกขึ้นเล็กน้อย รอยยิ้มจางๆ ที่ปรากฏขึ้นกลับหายไปในทันที
…
พระจันทร์อยู่กลางนภา สายลมยามค่ำคืนช่างเย็นสบาย
หัวใจของทุกคนที่แขวนมากว่าครึ่งวัน ในที่สุดก็ค่อยๆ สงบลง
ดูเหมือนว่าเรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อวาน จะเป็นเพียงเหตุบังเอิญจริงๆ…
แต่พวกเขาไม่ได้มีความสุขมานานมาก จากนั้นก็มีเด็กหนุ่มอีกคนหนึ่ง ตัวสั่นสะท้านและอาเจียนออกมาเป็นเลือด!
“พรวด!”
ปัง!
“น้องสาม!”
ชายหนุ่มด้านข้างๆ ที่ดูแก่กว่าเด็กหนุ่มนั่นตกใจขึ้นและรีบเข้าไปช่วยเขาในทันที
“น้องสาม! เจ้าเป็นอันใดหรือไม่”
ทุกคนต่างเข้ามามอง เมื่อเห็นคราบเลือดสีแดงเข้มเปรอะเปื้อนบนหน้าของเด็กหนุ่มคนนั้น สีหน้าของทุกคนก็เปลี่ยนไป
หงอันก็รีบวิ่งมาในทันที
“เกิดสิ่งใดขึ้น!”
เด็กหนุ่มคนนั้นพยุงเขาให้ลุกขึ้น ในปากของเขาเต็มไปด้วยเลือดและใบหน้าซีดเซียว
“ข้า…ข้า…”
ทันทีที่พูดสองคำ เขาก็ไอขึ้นอย่างรุนแรง
ท่าทางย่ำแย่เช่นนั้น ยิ่งทำให้ผู้คนรู้สึกหวาดกลัวจริงๆ
เด็กหนุ่มที่อยู่ด้านข้างเขาจึงช่วยเขาจับชีพจร หลังจากนั้นใบหน้าของขาก็ดูไม่ได้อีกเลย
“น้องสามบาดเจ็บภายใน หากมีเวลาไม่ถึงหนึ่งหรือสองเดือน เกรงว่าจะฟื้นตัวได้ยาก…”
ขณะที่พูดเขาฉีกเสื้อผ้าของเด็กหนุ่มคนนั้นออก
บนหลังปรากฏรอยม่วงแดงขึ้นมากมาย!
เห็นได้ชัดว่านี่เป็นบาดแผลปรากฏออกมาเมื่อครู่นี้ ซึ่งเป็นพลังที่ทําให้เขาได้รับบาดเจ็บภายใน
เมื่อชายเด็กหนุ่มได้ยินเข้า สีหน้าก็เศร้าหมองลงกว่าเดิม
หนึ่งหรือสองเดือนนี่คงเป็นคำพูดที่ดีที่สุดในตอนนี้
ไม่ว่าอย่างไรก็ตาม ไม่มีทางที่จะเข้าร่วมการทดสอบนี้ต่อไปได้อีก
การลากคนเจ็บไปอาณาจักรเสิ่นซวี่ เช่นนั้นไม่เป็นการรนหาที่ตายของตนเองหรอกหรือ
คิ้วของหงอันขมวดเข้าหากัน ในใจของเขาราวกับมีเปลวไฟลุกโชน!
แต่ตอนนี้เหตุการณ์เพิ่งเกิดขึ้นเช่นนี้และเขากลับไม่สังเกตเห็นเลย!
บริเวณรอบๆ เงียบสงัด
สายตาของทุกคน มองกลับไปกลับมาระหว่างหงอันและเด็กหนุ่มคนนั้นด้วยสายตาที่แตกต่างกัน
หงอันรู้สึกอึดอัดใจอย่างยิ่ง
มีครั้งที่หนึ่ง ครั้งที่สอง แต่มิอาจมีครั้งที่สามได้!
เหตุการณ์เดิมที่เกิดขึ้นอีกครั้ง และแต่ละครั้งก็รุนแรงมากขึ้น!
เห็นได้ชัดว่าคนเหล่านี้ที่อยู่ในเหตุการณ์ ต่างรู้สึกจิตใจสั่นไหวขึ้นมา
วิธีการพูดส่งๆ ก่อนหน้าที่ หากใช้พูดขึ้นอีกครั้งคงไม่ได้ผลอย่างแน่นอน
เด็กหนุ่มคนนั้นลังเลอยู่ครู่หนึ่งและกัดฟันพูดขึ้น
“ใต้เท้าหงอัน ข้าต้องการพาน้องสามลงเขา อาการบาดเจ็บของเขามิอาจรอช้าได้อีกแล้ว…”
เด็กหนุ่มพูดห้ามขึ้นในทันที
“พี่รอง! ข้าจะลงไปเอง…”
“เจ้าเป็นเช่นนี้ ตัวเจ้าเองจะทำได้อย่างนั้นหรือ”
เด็กหนุ่มคนนั้นขัดจังหวะคำพูดเขา แต่ก็ยากที่จะคัดค้านได้
ถึงแม้จะน่าเสียดายอย่างมากที่ละทิ้งโอกาสไป แต่ชีวิตของน้องสามสำคัญกว่า
หงอันสูดหายใจเข้าลึกๆ ดูเหมือนจะตัดสินใจอะไรบางอย่างแล้ว
“พวกเจ้าไม่ต้องออกไป ข้าจะพาพวกเจ้าไปสถานที่พักฟื้น”