ยอดหญิงลิขิตสวรรค์ - ตอนที่ 2008 ทัณฑ์สวรรค์ไม่ได้เกรงกลัวกระบี่ แต่เป็นเจ้า
ตอนที่ 2008 ทัณฑ์สวรรค์ไม่ได้เกรงกลัวกระบี่ แต่เป็นเจ้า
………………..
กระบี่ยาวขนาดใหญ่และหนา ร่วงหล่นในทันที
ปราณกระบี่ทำให้ความว่าเปล่าแตกกระจาย!
ความผันผวนในพื้นที่อันบ้าคลั่ง ประทุขึ้นอย่างดุเดือด!
จากนั้นเสียงแตกขนาดใหญ่ดังมาจากบนภูเขา!
ตู้ม!
หุบเขาแตกกระจายไปทั่วทุกสารทิศ!
ยอดเขาสูงใหญ่ ถูกกระบี่ผ่าครึ่งในชั่วพริบตา!
พลังทัณฑ์สวรรค์ทั้งหมดได้รับผลกระทบจากพลังนี้ และถูกทำลายลงในชั่วพริบ!
แต่ในชั่วพริบตา ยอดเขาก็แยกออกเป็นสองส่วน
ผู้ฝึกตนหลายคนที่ยืนอยู่ฝั่งหนึ่ง และพลังของทัณฑ์สวรรค์ที่บ้างคลั่งได้มารวมตัวกันที่อีกฝั่งหนึ่ง โหมกระหน่ำอย่างบ้าคลั่ง!
ยอดเขาครึ่งหนึ่งนั้น เริ่มถูกทำลายด้วยความเร็วที่มองเห็นได้ด้วยตาเปล่า และพังทลายลง !
ตู้มมม!
ชั่วครู่ หินภูเขากลิ้งหล่นลงมา จนฝุ่นดินกระจายไปทั่ว
ทุกที่เต็มไปด้วยภูเขา ที่เสียหายทั้งหมด!
…
หงอันตกตะลึง
ภาพตรงหน้า เกินกว่าที่เขาคาดคิดไว้จริงๆ เขาจึงยืนอยู่ที่เดิมและไม่โต้ตอบกลับมาอยู่พักหนึ่ง
แต่ชายที่อยู่ข้างๆ เขา จู่ๆ ก็รู้สึกถึงอันใดบางอย่างพลางเอ่ยขึ้น
“ไม่สิ! เขาเป็นผู้ฝึกตนระดับเก้าไม่ใช่หรือ เหตุใดจึงสามารถแสดงพลังที่ทำคนตื่นตกใจเช่นนี้ได้!”
“ข้า…ข้าก็ไม่รู้เหมือนกัน…”
ในตอนแรก เขารู้สึกว่าความสามารถและความแข็งแกร่งของเด็กหนุ่มผมทองคนนี้ช่างโดดเด่นอย่างมาก ดังนั้นจึงให้โอกาสเขาเป็นครั้งที่สอง
ใครจะคิดว่าบัดนี้ความวุ่นวายที่ใหญ่เช่นนี้ได้ปะทุออกมาแล้ว!
เมื่อมองดูครึ่งหนึ่งของยอดเขาที่ถูกทำลาย เลือดทั้งตัวขอหงอันก็แข็งตัวราวกับตกลงไปในถ้ำน้ำแข็ง [1]
นี่ นี่…
ครั้งนี้เป็นเรื่องใหญ่แล้วจริงๆ!
ถ้านายไล่ตามไป เกรงว่าเขาจะ…
“ไม่…ไม่เป็นอันใด ต้องไม่เป็นอันใดอย่างแน่นอน!”
หงอันสูดหายใจเข้าลึกๆ และบังคับตัวเองให้สงบสติอารมณ์
“แม้ว่าเขาจะเป็นผู้แข็งแกร่งระดับเทพขั้นสูง แต่ไม่อาจเป็นคู่ต่อสู้ของทัณฑ์สวรรค์เหล่านี้ได้อย่างแน่นอน!”
เขายังไม่เชื่อว่าชายผู้นี้สามารถนำอันใดบางอย่างออกมาได้จริงๆ!
สุดท้ายต่อจากนั้นทัณฑ์สวรรค์บนท้องฟ้าดูเหมือนจะเหนี่ยวนํากันและเริ่มรวมตัวกันอย่างรวดเร็วอีกครั้ง
…
ฉู่หลิวเยว่ที่ยืนอยู่ด้านหลังฝูงชน มองดูคนที่ร่างผอมสูงที่อยู่ตรงหน้าและหายใจออกอย่างแผ่วเบา รอยยิ้มปรากฏขึ้นที่มุมปากของนาง
“…ยอดเยี่ยมจริงๆ”
หลังจากที่ไม่ได้พบกันมานาน ความแข็งแกร่งของเสี่ยวโจวก็ก้าวหน้าขึ้นอย่างน่าประหลาดใจยิ่งนัก
ใช่ ตอนนี้เขายังไม่ได้ทะลวงขั้นเป็นระดับเทพขั้นสูง
แต่พลังที่เก็บไว้ในร่างของเขา เทียบได้กับพลังของเทพขั้นสูงอย่างเห็นได้ชัด!
ถึงแม้กระบี่เทพเมฆาสำริดจะไม่นับว่าเป็นอาวุธศักดิ์สิทธิ์ระดับสูงสุด แต่ฉู่หลิวเยว่กลับใช้กำลังอย่างมากในการฝึกควบคุมมันในตอนแรก
กระบี่ก็มีจิตวิญญาณ
เห็นได้ชัดว่าการโจมตีของเขา เทียบเท่ากับการช่วยชีวิตคนไว้ไม่น้อย
หรงซิวเลิกคิ้วเล็กน้อย
“ปล่อยให้เขาจัดการไปก่อน”
เขามองเห็นได้ชัดเจนว่าเหตุผลที่เชียงหว่านโจวลงมือไปทั้งหมด เป็นเพราะขณะนั้นมีทัณฑ์สวรรค์พุ่งมาหาทางฝั่งพวกเขา
พูดให้ถูกก็คือ มันพุ่งมาหาฉู่หลิวเยว่
ในเวลานั้นเขากำลังจะลงมือ แต่ไม่คิดว่าเชียงหว่านโจวจะนำไปก่อนหนึ่งก้าว
ฉู่หลิวเยว่มองเขาอย่างรู้สึกพูดไม่ออกบอกไม่ถูก
นานแค่ไหนแล้วที่ยังอิจฉาเช่นนี้อยู่
นางกับเสี่ยวโจวไม่ได้เจอกันมานาน บัดนี้เสี่ยวโจวอาจจะยังไม่รู้ถึงความแข็งแกร่งที่แท้จริงของนาง ดังนั้นเขาถึงได้รีบลงมือเสียก่อน
นิสัยของเขาซื่อตรงและเรียบง่าย และทำสิ่งต่าง ๆ ได้อย่างคล่องแคล่วว่องไว
เมื่อเขาคิดอันใด ก็จะไปทำเช่นนั้นโดยตรง
เขาเป็นเช่นนี้มาโดยตลอด
ขณะนี้ท้องฟ้ายังมืดครึ้มอยู่
ทัณฑ์สวรรค์ที่เหมือนงูเงินมากมาย ค่อยๆ โผล่วาบออกมาจากในชั้นเมฆที่หนาทึบ
มันทรงพลังอย่างมาก!
เป็นเพราะทุกคนถอนหายใจเพียงครึ่งเดียวที่หนีรอดมาได้เมื่อครู่นี้ เมื่อเห็นเหตุการณ์เป็นเช่นนี้ ทุกคนก็เริ่มกังวลขึ้นอีกครั้ง
“ทัณฑ์สวรรค์นี้ เหตุใดถึงยังไม่จบไม่สิ้น!”
มีคนถามขึ้นอย่างกระวนกระวายใจว่า
“หากเป็นเช่นนี้ต่อไป เกรงว่าในไม่ช้าก็เร็วพวกเราได้จบเห่เป็นแน่!”
ความกังวลเช่นนี้ไม่ได้มีเพียงคนเดียว
หากไม่สามารถออกไปจากที่นี่ได้ เช่นนั้นท้ายที่สุดอาจจะเหมือนเดิม
เสี่ยวโจวถอนหายใจออกเบา ๆ นัยน์ตามีแสงระยิบระยับ
เสียงเมื่อครู่นั้น…
เขาได้ยินมันแล้ว
นั่นคือกำลังชมเขา ซึ่งเขารู้ดี
เดิมทีเขาต้องการหันหลังกลับ แต่สุดท้ายก็ทนเอาไว้
แม้ว่าพวกเขาไม่ได้พูดอันใด แต่เขารู้ว่าเวลาเช่นนี้ ไม่ใช่โอกาสที่ดีที่ควรรู้จักกัน
ไม่รู้ว่าเป็นเพราะเหตุผลอันใด นางจึงไม่ลงมือ แม้แต่หรงซิวที่อยู่ข้างๆ ก็จงใจควบคุมพลังเอาไว้
ในสถานการณ์เช่นนี้…
หากเขาเป็นคนออกหน้า ช่างเหมาะสมที่สุดอย่างแน่นอน!
เสี่ยวโจวเป็นคนฉลาดมาก โดยเฉพาะเมื่อมีเรื่องที่เกี่ยวกับเธอ เขามักจะกระตือรือร้นและปฏิกิริยาตอบสนองที่สูงมาก
ในที่สุดเขาจับกระบี่เทพเมฆาสำริดในมือเอาไว้แน่น และเงยหน้าขึ้นมอง
ตู้มมม!
ทัณฑ์สวรรค์ฟาดลงมาในเวลานั้น เขาพุ่งออกไปพร้อมกระบี่!
เผชิญหน้ากัน!
หึ่ง!
เสียงกระบี่ก้องไปทั่วสวรรค์และโลก!
ต่อจากนั้นทัณฑ์สวรรค์เหล่านั้นราวกับได้รับแรงดึงดูดของพลังบางอย่างมันค่อยๆ เปลี่ยนทิศทางมุ่งไปยังกระบี่เทพเมฆาสำริด!
หงอันและทั้งสองคนตกใจกลัวจนพูดไม่ออก
ทุกคนบนภูเขาต่างตื่นตระหนกกับเหตุการณ์ตรงหน้า
ฉู่หลิวเยว่กระพริบตา
ที่แท้กระบี่เทพเมฆาสำริดที่นางฝึกควบคุมในตอนแรก จะทรงพลังเช่นนี้เลยหรือ
แต่สิ่งนี้เห็นชัดว่าแม้แต่อาวุธศักดิ์สิทธิ์แห่งราชาก็ไม่นับ…
…
“กระบี่ทองสำริดนั่น มีลมปราณของเจ้า”
หรงซิวเลิกคิ้วเล็กน้อยและพูดขึ้นในทันที
นางลูบคางไปมา
มิน่า… เป็นเพราะนางบังคับจับทัณฑ์สวรรค์เหล่านั้นในตอนแรก และฝึกฝนกระบี่เทพเมฆาสำริด ดังนั้นจนถึงตอนนี้กระบี่เล่มนี้เป็นภัยต่อทัณฑ์สวรรค์เหล่านั้นจริงๆ อย่างนั้นหรือ
คำอธิบายนี้ดูสมเหตุสมผล?
หรงซิวหรี่สายตาหงส์ลงเล็กน้อย
“ที่ทัณฑ์สวรรค์เกรงกลัวไม่ใช่กระบี่เล่มนั้น แต่เป็น…เจ้า”
[1] ตกลงไปในถ้ำน้ำแข็ง หมายถึง การเปรียบเทียบถึง คนที่หมดหวัง สิ้นหวัง ราวกับตกลงไปในถ้ำน้ำแข็ง
………………..