ยอดหญิงลิขิตสวรรค์ - ตอนที่ 2009 ฝังกลบไปพร้อมกัน
ตอนที่ 2009 ฝังกลบไปพร้อมกัน
………………..
เมื่อเขาพูดจบเสียงก็ดังสนั่นขึ้น!
แต่กระบี่เทพเมฆาสำริดได้กลืนกินทันสวรรค์เหล่านั้นจนสิ้น ขณะที่เสี่ยวโจวฟาดลงด้วยดาบเล่มเดียว พลังเหล่านั้นก็หลั่งไหลออกมาราวกับกระแสน้ำ!
เพียงแต่เดิมทีพลังทัณฑ์สวรรค์เหล่านั้นได้พุ่งไปหาพวกเขา ในเวลานี้ทั้งหมดล้วนเป็นการเปลี่ยนแปลงเพราะปราณกระบี่ที่พุ่งไปทางยอดเขาและมันพังทลายลงกว่าครึ่งหนึ่ง
ภูเขาหินกลายเป็นพื้นที่ว่างแยกออกจากกันอย่างบ้าคลั่ง
ลมโหมพัดอย่างบ้าคลั่งและเสียงลมพายุดังสนั่นขึ้นในทันที!
แม้แต่ค่ายกลที่อยู่นอกยอดเขาก็เริ่มสั่นสะเทือนขึ้นอย่างรุนแรง!
และพังทลายลงกับตา!
…
ในขณะเดียวกันกระบี่เล่มนี้ของเสี่ยวโจวยังโจมตีหงอันอย่างหนัก
เมื่อเห็นยอดเขาที่เกือบถูกทำลายไปกว่าครึ่งหนึ่ง หงอันตัวแข็งค้างและแทบไม่กล้าเชื่อสายตาตนเอง
เขาไม่เคยคิดเลยว่าผู้ฝึกตนระดับเก้าจะสามารถแสดงความแข็งแกร่งออกมาเช่นนี้ได้!
เขาถามตนเอง หากเป็นเขาคงไม่อาจจัดการกับทัณฑ์สวรรค์เหล่านี้ได้!
บ้าจริง…
เจ้าเจอผีจริงๆ เหรอ!
เมื่อคิดอย่างรอบคอบดูอีกครั้งเด็กหนุ่มคนนี้ดูแปลกๆ ตั้งแต่เริ่มการทดสอบ!
หงอันเสียใจอย่างไม่มีที่สิ้นสุด
หากรู้เร็วกว่านี้ว่าเด็กหนุ่มผู้นี้จะสร้างปัญหาถึงเพียงนี้ เขาจะไม่ปล่อยให้เขาเข้ามาอย่างแน่นอน!
ตอนนี้ก็ถือว่ายังดี!
เหตุใดยังยืนอึ้งอยู่อีก! รีบไปรายงานนายท่านสิ!”
เสียงที่ดูร้อนใจเช่นนี้ทำให้หงอันมีสติกลับมาในที่สุด
ทันใดนั้นใบหน้าของเขาก็ซีดขาว
เขารู้ดีว่าหากนายท่านเห็นเหตุการณ์นี้ เขาจะต้องเผชิญกับการลงโทษที่น่าหวาดกลัวเพียงใด!
ต้องรู้ว่าบนยอดเขานั่นมีค่ายกลที่พวกเขาสร้างขึ้นมาอย่างระมัดระวัง!
บัดนี้…ทุกอย่างถูกทำลายจนหมดแล้ว!
เรื่องราวต่างๆ กลับกลายเป็นเช่นนี้ ไม่ว่าอย่างใดก็ปิดบังไม่ได้อีกต่อไปแล้ว
หงอันสูดหายใจเข้าลึกๆ และตอบอย่างฝืนใจ
“เข้าใจแล้ว เจ้า…เจ้าจับพวกเขาไว้ที่นี่ก่อน…เดี๋ยวข้าจะกลับมา!”
อย่างใดก็ตามทางด้านเขายังไม่มีความเคลื่อนไหว เงาร่างหนึ่งก็พุ่งมาจากที่ไกลๆ ด้วยความรวดเร็ว
“เกิดอันใดขึ้น”
เสียงที่สุขุมและมีพลังเต็มไปด้วยน่าเกรงขาม
ผู้ที่มาคือผู้อาวุโสชุดดำ เส้นผมสีเงิน มีรอยเหี่ยวย่น ดวงตาข้างหนึ่งจมลึกเข้าไป และแรงบีบคั้นที่เยียบเย็นอันทรงพลังแพร่กระจายไปทั่วทั้งร่างของเขา
เมื่อหงอันและอีกสองเห็นผู้ที่มาเยือนต่างตกตะลึงชั่วครู่และพูดขึ้นอย่างรวดเร็ว
“คารวะ ท่านหัวหน้าโต้วหมิ่น!”
โต้วหมิ่นเมินเฉยต่อพวกเขาและเดินผ่านพวกเขาไป จนเขามาอยู่ตรงตำแหน่งด้านหน้าภูเขาและฉากตรงหน้าได้พุ่งเข้ามาอยู่ในสายตาของเขาอย่างรวดเร็ว
เมื่อเขาเห็นภูเขาที่ถล่มลงมาครึ่งหนึ่ง สีหน้าของเขายิ่งเย็นชาขึ้น
“หงอัน นี่เป็นเรื่องดีๆ ที่เจ้าทำอย่างนั้นหรือ”
ขณะนี้เสียงของเขาฟังดูแหบแห้งและเยียบเย็นมากเป็นพิเศษ
ขาของหงอันอ่อนแรงลง เขาตัวสั่นเทาจนแทบจะคุกเข่าลงไป
“ท่านหัวหน้าโต้วหมิ่น นี่ นี่…”
เขาไม่รู้จะอธิบายอย่างใด!
โต้วหมิ่นมองเขาด้วยสายตาเย็นชา
“โอกาสของผู้คุมประตูนั้นช่างยากยิ่งนัก เจ้ารู้หรือไม่ว่าครั้งนี้ ตาแก่อย่างข้าต้องใช้ความพยายามไปมากมายขนาดไหน เพื่อที่จะมอบโอกาสนี้ให้กับเจ้า แต่เจ้า…กลับตอบแทนข้าเช่นนี้หรือ”
ใบหน้าของหงอันซีดเซียวราวกับผี
ดีมาก
ครั้งนี้ที่เขาสามารถคว้าโอกาสนี้ไว้ได้ เป็นเพราะพึ่งพาโต้วหมิ่น
แต่ไหนแต่ใดมาเขาไม่เคยเห็นโต้วหมิ่นพูดกับเขาด้วยน้ำเสียงเช่นนี้มาก่อน
เมื่อเจอกับคำถามดูหมิ่นของโต้วหมิ่น หงอันก็ไม่สามารถพูดอันใดได้สักคำ
เขาจะพูดอันใดได้
ตั้งแต่เริ่มต้นเรื่องทั้งหมดดูแปลกประหลาดอย่างมาก
แม้แต่เขาไท่อินนั่น ยังมีเด็กหนุ่มผมทองที่แข็งแกร่งเกินคาดผู้นี้…
แต่เรื่องเหล่านี้แม้ว่าเขาได้พูดไปแล้ว แต่จะมีใครเชื่อและสนใจกันเล่า
ทุกคน…ต่างสนใจแต่ผลลัพธ์เท่านั้น!
“เศษขยะ!”
โต้วหมิ่นพูดเสียงเยาะเย้ยและรู้สึกผิดหวังอย่างมากกับหังอัน!
เมื่อก่อนเขาตามืดบอดจริงๆ ที่ต้องมาให้ความสนใจกับของสิ่งนี้!
เดิมที่ยังคาดหวังว่าให้เขาสามารถใช้ประโยชน์จากโอกาสนี้เพื่อหลอมร่างศักดิ์สิทธิ์
แต่ไม่คิดว่าจะทำให้เกิดปัญหาเช่นนี้!
“นายท่านกำลังพักผ่อน ห้ามผู้ใดรบกวน! หากเรื่องนี้ได้รับการแก้ไขก่อนที่นายท่านจะตื่นขึ้นมา คงไม่ดีไปกว่านี้อีกแล้ว ไม่เช่นนั้น…”
ไม่เช่นนั้นแม้เขาก็ยากจะหนี…พ้น!
หลังของหงอันเปียกชุ่มไปด้วยเหงื่อเย็นๆ เมื่อได้ยินคำพูดนี้เขาจึงทำได้เพียงพยักหน้าเท่านั้น
โต้วหมิ่นก้าวไปข้างหน้าและยกมือขวาขึ้น
จากนั้นลมปราณอันทรงพลัง แปรเปลี่ยนเป็นลูกกลมพลังปราณสีเงินขนาดใหญ่และพุ่งออกมาในทันที!
เมื่อลูกบอลสีเงินสัมผัสกับค่ายกลด้านนอกยอดเขา มันก็ส่งเสียงหึ่งในทันที!
หลังจากนั้นลูกบอลสีเงินก็หายไปอย่างรวดเร็วและกลายเป็นแสงจำนวนนับไม่ถ้วน แผ่กระจายไปทุกทิศทางและผสานกับค่ายกลอย่างรวดเร็ว
เดิมทีค่ายกลที่กำลังจะพังทลายนั่น ด้วยการเสริมพลังนี้ค่ายกลจึงกลับมามั่นคงอีกครั้ง
“อายุเพียงเท่านี้แต่กลับมากความสามารถ”
โต้วหมิ่นมองไปทางเด็กหนุ่มผมทองที่ยืนอยู่บนยอดเขา
เชียงหว่านโจวเงยหน้าขึ้น ดวงตาเรียบเฉยวาววับ
โต้วหมิ่นขมวดคิ้ว
ลมปราณบนร่างของเด็กหนุ่มผู้นี้…ทำให้เขารู้สึกถึงภัยอันตรางอย่างไร้เหตุผล
แต่เป็นผู้ฝึกตนระดับเก้า…
โต้วหมิ่นรู้สึกโกรธขึ้นมาอย่างมิอาจอธิบายได้
ใบหน้าของเขาหมองคล้ำพลางประสานมือทั้งคู่ไว้ข้างหน้า
แสงมากมายพุ่งออกมาในทันที!
แทบจะในเวลาเดียวกันที่ใต้ยอดเขาพังทลายลงกว่าครึ่งหนึ่ง ทันใดนั้นก็มีเสียงแปลกๆ ดังขึ้น
ฉู่หลิวเยว่มองไปทางด้านนั้น แววตาประกฏความสงสัยขึ้น
ใต้หินที่ถล่มลงเป็นกองพะเนินนั่น ก็มีแสงพุ่งออกมาและแสงนั่นต่างตัดสลับพร้อมกันไปมา
ครืน!
ทันใดนั้นหุบเขาก็แแยกออกจากใต้ฝ่าเท้าของพวกเขา!
ฉู่หลิวเยว่ก้มมองลงและรู้สึกหนักอึ้ง
แทบจะในเวลาเดียวกันที่หรงซิวโอบเอวของนางไว้ เขาเขย่งเท้าและพุ่งขึ้นไปในอากาศ!
ครู่ต่อมารอยแตกจำนวนนับไม่ถ้วนแตกกระจายออกอย่างบ้าคลั่งราวกับใยแมงมุม และแผ่คลุมภูเขาครึ่งหนึ่งด้วยขนาดใหญ่อย่างสมบูรณ์!
“ในเมื่อเจ้าชอบทำลายภูเขามากนัก…เช่นนั้นข้าจะใช้ภูเขาทั้งลูกนี้มาฝังกลบพวกเจ้าก็แล้วกัน! เช่นนี้…ก็นับว่าไม่เสียเที่ยวแล้วล่ะ!”
เสียงของโต้วหมิ่นเต็มไปด้วยการข่มขู่และเจตนาฆ่า ราวกับเสียงฟ้าฟาดเข้าหูของทุกคน!
เขาคือผู้แข็งแกร่งระดับเทพศักดิ์สิทธิ์ เมื่อเขาพูดก็เพื่อตั้งใจเพิ่มแรงกดดันต่อผู้ฝึกตนหนุ่มสาวเหล่านั้นที่อยู่บนยอดเขาก็เท่านั้น ซึ่งเป็นการโจมตีที่หนักหน่วงอย่างไม่ต้องสงสัย
ในขณะนั้นมีบางคนที่ทนแรงบีบคั้นนี้ไม่ไหวจึงล้มลงและอาเจียนออกมาเป็นเลือด
และในเวลาเช่นนี้ เดิมทีค่ายกลที่ถูกฝังอยู่ใต้ภูเขา จนในที่สุดมันก็ปรากฏรูปลักษณ์เดิมออกมาให้เห็นอย่างชัดเจน ล่อยลอยอยู่กลางอากาศและปกคลุมทุกคนไว้!
แม้ว่าเป็นเพราะการโจมตีก่อนหน้านี้ของเชียงหว่านโจว ส่งผลให้ค่ายกลนี้เกิดความเสียหายเล็กน้อย แต่หลังจากที่โต้วหมิ่นลงมือ ก็ได้ซ่อมแซ่มกลับมาอย่างรวดเร็ว
ค่ายกลเช่นนี้เหมือนกับกรงเพื่อกักขังทุกคนที่นี่ในเวลานี้!
จู่ๆ ภูเขาทั้งลูกก็ยุ่งเหยิงสับสนจนแยกไม่ออก!
ทุกคนต่างรู้สึกสิ้นหวัง
ความแข็งแกร่งของคนผู้นี้ยังเก่งกาจกว่าหงอันมากนัก
แม้พวกเขาทุกคนที่อยู่ที่นี่จะร่วมมือกัน แต่ก็มิอาจเป็นคู่ต่อสู้ของเขาได้!
เฮ่อจื่อหลานร้องไห้ออกมาด้วยเสียงต่ำๆ
นางทั้งหวาดกลัวและเสียใจ
“วันนี้พวกข้าจะต้องตายที่นี่แล้ว!”
หากนางรู้เร็วกว่านี้ว่าสถานที่แห่งนี้เป็นแดนนรกบนโลกมนุษย์ นางคงไม่มาตายที่นี่!
ฉู่หลิวเยว่ขมวดคิ้วขึ้น
“เงียบหน่อย!”
………………..