ยอดหญิงลิขิตสวรรค์ - ตอนที่ 2010 เขาก็อยู่ที่นี่! / ตอนที่ 2011 มั่วสือเชียน
ตอนที่ 2010 เขาก็อยู่ที่นี่! / ตอนที่ 2011 มั่วสือเชียน
………………..
ตอนที่ 2010 เขาก็อยู่ที่นี่!
แม้ว่าเสียงของนางจะแผ่วเบา แต่กลับมีแรงกดดันจนยากที่จะปฏิเสธไม่ได้
เฮ่อจื่อหลานหยุดพูดทันที ดวงตาทั้งคู่แดงก่ำและมองไปทางนางด้วยเสียงสะอึกสะอื้น
เพราะเรื่องก่อนหน้านี้ นางจึงไม่กล้าที่จะอวดดีต่อหน้าฉู่หลิวเยว่อีก
เมื่อได้ยินเสียงนี้ นางจึงอดกลั้นเอาไว้โดยไม่รู้ตัว
เฮ่อจื่อจี้ลูบหลังนางเบาๆ เมื่อเห็นฉู่หลิ่วเยว่และหรงซิวดูไม่ตื่นตระหนกและหวาดกลัวเหมือนคนอื่นๆ ใจที่หวาดกลัวของเขาก็ค่อยๆ สงบลง
บนร่างของสองคนนี้เหมือนมีพลังบางอย่างที่ทำให้ผู้คนรู้สึกปลอดภัยอย่างอธิบายไม่ได้
เขาพูดว่าไม่ว่าจะเกิดอันใดขึ้น แต่เขามักจะรู้สึกได้ว่าเมื่อได้ติดตามพวกเขา เหมือน…เรื่องต่างๆ จะไม่เลวร้ายเช่นนั้น…
แต่…จากสถานการณ์ตอนนี้จะทำเช่นใดถึงจะหนีออกไปได้กันเล่า
…
ค่ายกลเริ่มลดลงอย่างช้าๆ
ทุกครั้งที่เข้าใกล้หนึ่งส่วน เกรงว่าพลังด้านบนจะยิ่งบีบคั้นและรุนแรงขึ้นทำให้ทุกคนยิ่งหวาดกลัวมากขึ้นเรื่อยๆ!
การโจมตีที่อาศัยทัณฑ์สวรรค์ ทำให้พวกเขามิอาจจัดการได้อย่างง่ายดาย โต้วหมิ่นจึงใช้วิธีสังหารตรงๆ!
เชียงหว่านโจวแหงนหน้าขึ้นเล็กน้อย สายตาจ้องเขม็งที่ยังค่ายกลที่กำลังเข้าใกล้นั่น ในดวงตาของเขาราวกับมีคลื่นหลั่งไหลไปมาไม่สิ้นสุด!
ลมปราณนี้…
เขาจับกระบี่เทพเมฆาสำริดไว้แน่น เขย่งปลายเท้าและมุ่งหน้าตรงไปยังค่ายกลนั่น!
ตู้ม!
พลังของทั้งสองฝ่ายปะทะกันอย่างรุนแรง!
ร่างของเชียงหว่านโจวถูกแสงนี้กลืนหายไปในทันที!
…
โต้วหมิ่นยิ้มเยาะพลางยกมุมปากขึ้น
ในดวงตาที่ยังสภาพดีอยู่นั้น เปล่งประกายแสงวาววับด้วยความกระหายเลือดและเยียบเย็น
“รนหาที่ตายจริงๆ!”
หงอันและสองคนยืนอยู่ด้านหลังเขา เมื่อเห็นฉากนี้ต่างถอนหายใจอย่างโล่งอก
หงอันเอ่ยขึ้นอย่างรวดเร็ว
“ท่านคือผู้แข็งแกร่งระดับเทพศักดิ์สิทธิ์ เหตุใดผู้ฝึกตนระดับเก่าเพียงคนเดียวจะเป็นคู่ต่อสู้ของท่านได้อย่างใด หากลงมือเพียงท่าเดียว ก็สามารถ…”
ก่อนที่เขาจะพูดจบ จู่ๆ สีหน้าของเขาก็เปลี่ยนไปทันที!
อีกคนก็พบอันใดบางอย่างในทันทีและถามด้วยความตกใจอย่างอดไม่ได้ขึ้นว่า
“มันเกิดขึ้นได้อย่างใด? ไม่น่าเชื่อว่าเขายังไม่ตาย?”
แกร๊ก!
เสียงของบางอย่างแตกหักดังขึ้นอย่างชัดเจน
ในเวลานี้แม้แต่สีหน้าของโต้วหมิ่นก็เปลี่ยนไป
“เป็นไปไม่ได้…”
บนค่ายกลขนาดใหญ่นั่นปรากฏรอยร้าวขึ้น!
โครม!
ไม่ทันรอให้พวกเขาได้ตอบโต้ ค่ายกลนั่นก็แตกสลายในชั่วพริบตา!
แสงสว่างนับไม่ถ้วนอันแน่นไปด้วยพลังที่น่าทึ่ง และแยกกระจายหนีไปทั่วทุกทิศทาง!
ค่ายกลที่อยู่ด้านนอกยอดเขาแตกสลายในพริบตา!
ร่างหนึ่งพุ่งออกมาจากตรงนั้น! และลดระดับอย่างรวดเร็วบนซากที่พังทลายลง!
ปัง!
เสียงอื้ออึงดังขึ้น!
ควันและฝุ่นกระจายเต็มไปทั่ว!
ขณะนั้นร่างของเชียงหว่านโจวอาเจียนออกมาเป็นเลือดและลมปราณในร่างของเขาก็อ่อนลงในทันที!
เขายืนอยู่ในตำแหน่งที่ใกล้กับค่ายกลที่สุด จึงได้รับแรงกระแทกจากพลังหนักที่สุด สิ่งนี้เกือบคร่าชีวิตเขาไปครึ่งหนึ่ง!
หัวใจของฉู่หลิวเยว่บีบรัด นางต้องการลงมือในทันทีแต่หรงซิวกลับรั้งนางเอาไว้
“ช้าก่อน”
ฉู่หลิวเยว่รู้สึกร้อนใจขึ้น
ไม่อาจมองดูเสี่ยวโจถูกตีตนตายได้หรอกใช่หรือไม่
ขณะที่นางต้องการพูดอันใดบางอย่างกลับพบว่าคิ้วของหรงซิวขมวดขึ้นเล็กน้อยและกำลังมองไปยังทิศทางใดทิศทางหนึ่ง
หัวใจของนางสั่นไหวพลางมองตามสายตาของเขาไป
จากที่ไกลๆ ความบีบคั้นที่ห้าวหาญและไร้เทียมทานได้มาถึงอย่างกะทันหัน!
หัวใจของนางเหมือนถูกอันใดบางอย่างบีบรัดไว้อย่างแน่นหนา
ลมปราณนี้…ลมปราณนี้…
“น่ารำคาญยิ่งนัก”
เสียงแหบแห้งและทุ้มต่ำ เหมือนทะลุผ่านกาลเวลาที่เนิ่นนานมาจากที่ห่างไกล!
น้ำเสียงของเขาสุขุมและเป็นกันเอง แต่กลับยังคงความสง่างามทรงพลังอย่างที่สุด!
มั่วสือเชียน!
ไม่น่าเชื่อว่าเขาจะอยู่ที่นี่!
แม้ว่าพวกเขาจะเผชิญหน้ากันหลายครั้ง แต่มั่วสือเชียนกลับไม่เคยปรากฏตัวมาก่อน
แม้กระทั่งชื่อของเขาฉู่หลิวเยว่ก็ได้ยินมาจากหรงซิว
แต่ทันทีที่ได้ยินเสียงนี้ ฉู่หลิวเยว่ก็รู้ได้ในทันที…
ต้องเป็นเขาอย่างแน่นอน!
ฉู่หลิวเยว่กลั้นลมหายใจ หัวใจของนางเต้นแรงเหมือนกับมีเลือดไหลอยู่ในแก้วหูของนาง
ก่อนหน้านี้นางเดาว่านี่คืออาณาเขตของถ้ำปีศาจทมิฬ แต่กลับไม่คาดคิดเลยว่ามั่วสือเชียนก็อยู่ที่นี่!
พูดมาเช่นนี้…
นี่จะจะกลายเป็นฐานตั้งมั่นหลักของถ้ำปีศาจทมิฬอย่างนั้นหรือ!
“ที่แท้พวกเขามาหลบซ่อนตัวอยู่ที่นี่”
หรงซิวเลิกคิ้วและเผยให้เห็นสีหน้าเล็กน้อย
ไม่แปลกใจที่ก่อนหน้านี้เขาได้ส่งคนไปตรวจสอบ แต่กลับไม่พบผลลัพทธ์อันใดเลย
มั่วสือเชียนเป็นคนเลห์เหลี่ยมจริงๆ ที่อพยพออกจากอาณาจักรเสินซวี่และมาที่นี่!
เป็นความคิดที่ดีจริงๆ
เมื่อฉู่หลิวเยว่ได้ยินคำพูด นางก็เข้าใจความหมายของหรงซิวในทันทีพลางขมวดคิ้วเบาๆ
แท้จริงแล้วเป็นเช่นนี้…แท้จริงแล้วเป็นเช่นนี้!
หลายปีก่อนจู่ๆ ถ้ำปีศาจทมิฬก็หายไปอย่างไร้ร่องรอย ไร้ตัวตน ราวกับหายไปจากอาณาจักรเสิ่นซวี่
ใครจะรู้…ว่าเขาหลบซ่อนตัวอยู่นอกอาณาจักรเสิ่นซวี่จริงๆ!
บนโลกนี้ใครจะไปจะคิดว่าพวกเขาจะเลือกทำแบบนี้
และแม้ว่าจะอยู่ด้านนอกอาณาจักรเสิ่นซวี่ แต่สถานที่แห่งนี้อยู่ติดกับอาณาจักร เสิ่นซวี่และเต็มไปด้วยพลังแห่งสวรรค์และโลกที่เหมาะกับการฝึกฝนอย่างมาก ซึ้งทั้งสองที่ไม่แตกต่างจากอาณาจักรเสิ่นซวี่เลย
ถ้าไม่ได้มาที่นี่วันนี้คงไม่รู้ว่าเมื่อใดถึงจะสัมผัสสิ่งนี้ได้!
ก่อนหน้านี้นางคิดมาโดยตลอดว่าที่ถ้ำปีศาจทมิฬเลือกที่จะล่าถอยไป เป็นเพราะหรงซิวไปที่สำนักด้วยตนเองและสร้างความเสียหากอย่างหนัก
พวกเขาตัดสินใจทำเช่นนี้เพื่อหลีกเลียงพลังที่แข็งแกร่งของศัตรูและพักฟื้นร่างกาย
แต่ตอนนี้นางรู้สึกอย่างคลุมเครือว่าการคาดเดานี้ดูเหมือนจะมีบางอย่างผิดปกติ
“คารวะ เจ้าสำนัก!”
ในห้องข้างๆ เมื่อหงอันและคนอื่นๆ ได้ยินเสียงนี้ สีหน้าของพวกเขาเปลี่ยนไปและรีบทำความเคารพอย่างรวดเร็ว
ทันใดนั้นระหว่างสวรรค์และโลกก็เงียบลง
เสียงดังสนั่นทั้งหมดดูเหมือนจะหายไปในชั่วขณะ
เดิมที่พลังอันบ้าคลั่งได้โหมกระหน่ำไปทุกแห่งกลับหยุดการเคลื่อนไหวลงทั้งหมด
พื้นที่อันกว้างใหญ่ดูเหมือนจะสงบนิ่งลง
จนฉู่หลิวเยว่สามารถได้ยินเพียงเสียงหัวใจของตนสั่นไหวอย่างรุนแรงเท่านั้น
ความแข็งแกร่งของมั่วสือเชียน…เห็นได้ชัดว่าเปลี่ยนไปจนมิอาจคาดเดาได้!
ในที่สุดหมอกดำก็จับกลุ่มก้อนอยู่กลางอากาศ
ร่างสูงใหญ่ยื่นตระหง่านั่น เลือนลางราวกับมารร้าย
ฉู่หลิวเยว่กลั้นลมหายใจเอาไว้
คนผู้นั้น…
ต้องเป็นมั่วสือเชียนอย่างแน่นอน!
อย่างใดก็ตามเหตุการณ์เมื่อครู่ นางกลับเห็นไม่ชัดว่าเขาปรากฏตัวอย่างใด!
ทุกทิศทุกทาง ว่างเปล่าสงบนิ่ง ราวกับทุกสิ่งนิ่งค้าง
ขณะที่ร่างของเขาปรากฏขึ้น พื้นที่ว่างเปล่ากับพลังแห่งสวรรค์และโลกโดยรอบ กลับไม่ปรากฏการเคลื่อนไหวใดแม้แต่ครึ่งเดียว!
ระหว่างพวกเขายังมีระยะห่างที่ค่อนข้างไกล
ทันใดนั้นฉู่หลิวเยว่ก็สังเกตเห็นสายตาอันตรายอย่างมากจ้องมาที่ตัวนาง!
นางขนลุกไปทั้งตัวในทันที!
ความรู้สึกเหมือนเข้าไปสู่ระหว่างความเป็นความตายเช่นนี้ นางไม่ได้สัมผัสถึงมานานมากแล้ว!
ในเวลานี้ฝ่ามือกว้างที่อบอุ่นค่อยๆ เข้ามากุมมือนางเอาไว้
ความอบอุ่นที่พอดีมาจากฝ่ามือด้านบนอย่างต่อเนื่อง
กลิ่นหอมเย็นจางๆ ค่อยๆ เข้ามาจนแทบจะล้อมรอบตัวนางไว้
หรงซิว…
เขายังอยู่ที่นั่น!
นางเงยหน้าขึ้น
ทั้งสองคนสบตากัน
หรงซิวยกมุมปากขึ้นเล็กน้อยและส่งสายตาให้นางสบายใจขึ้น
หัวใจของฉู่หลิวเยว่สงบลงทันที
ไม่ว่านางจะเผชิญกับอันตรายอันใด หรือตกอยู่ในสถานการณ์ใดก็ตาม เขามักจะก็อยู่ข้างๆ และคอยปกป้องนางเสมอ
ฉู่หลิวเยว่กระพริบตาเบาเบา
ในที่สุดสายตานั่นเคลื่อนผ่านไปจากร่างของนาง
…
มั่วสือเชียนขมวดคิ้วเล็กน้อย
หรือว่า…
ในชั่วพริบตาเมื่อครู่นั้นเป็นเพียงภาพหลอนใช่หรือไม่
เขาเก็บความคิดนี้ไว้และเงยหน้าขึ้นอีกครั้งพลางมองไปทางข้างหน้า
“ทั้งหมดเป็นเพราะข้าไร้ความสามารถ รบกวนเจ้าสำนักโปรดลงโทษข้าน้อยด้วย!”
สถานการณ์ที่เลวร้ายที่สุดยังคงปรากฏออกมาให้เห็น
แต่ในเวลานี้ก็ไม่มีทางอื่นแล้ว
ความเป็นและความตาย…ทุกอย่างขึ้นอยู่กับความคิดของนายท่านทั้งสิ้น
มั่วสือเชียนไม่สนใจเขา เพียงแต่ยกแขนขึ้นเท่านั้น
แน่นอนว่าเมื่อเขาทำเช่นนี้ บนมือของเขายังคงถูกห่อหุ้มด้วยหมอกสีดำ
เดิมทีทุกคนมองเห็นอันใดไม่ชัดเจนนัก
จากนั้นร่างของเชียงหว่านโจวก็ถูกดึงขึ้นมาด้วยพลังที่แปลกประหลาดนี้
ขณะนี้กระดูกซี่โครงของเขาหักหลายส่วน และภายในได้รับบาดเจ็บ ทั้งร่างเต็มไปด้วยรอยเลือดและฝุ่นผง ดูแล้วช่างน่าเวทนายิ่งนัก
ลมหายใจแผ่วเบา ดูเหมือนเขาใกล้จะไม่ไหวแล้ว
ทว่าในมือของเขายังคงจับกระบี่เทพเมฆาสำริดไว้แน่น
“ผู้ฝึกตนระดับเก้า?”
ทันใดนั้นน้ำเสียงของมั่วสือเชียนก็เต็มไปด้วยรอยยิ้ม
“โต้วหมิ่น เจ้าจะได้มีอนาคตที่ดีขึ้นแล้ว”
ใบหน้าของโต้วหมิ่นซีดลง
หลังจากเทพศักดิ์สิทธิ์ผู้สูงศักดิ์ลงมือ ยังถูกผู้ฝึกตนระดับเก้าลงมืออย่างไม่คาดคิด…
หากพูดออกไปตัวเขาเองคงรู้สึกขายหน้า!
เดิมทีเขาต้องการแก้ต่างให้ตนเองไม่กี่ประโยค แต่เมื่อคิดว่าคนผู้นี้รังเกียจสิ่งเหล่านี้มากที่สุด สุดท้ายเขาจึงยอมแพ้และยืนอยู่ที่เดิมด้วยตัวสั่นเทาและหวาดกลัว เพื่อรอคอยผลสุดท้าย
ดูเหมือนว่าร่างกายของเชียงหว่านโจวจะถูกพลังที่มองไม่เห็นสกัดเอาไว้ และลอยอยู่กลางอากาศอย่างเงียบ ๆ
มั่วสือเชียนมองดูเขาอย่างระมัดระวัง
“ความสามารถไม่ธรรมดา…”
จู่ๆ เสียงของเขาก็หยุดชะงักลง
“อืม?”
เหมือนเขาพบอันใดบางอย่างจึงขยับนิ้วเล็กน้อย
ขณะนี้ในที่สุดเชียงหว่านโจวก็ลืมตาขึ้นพอดี!
………………..