ยอดหญิงลิขิตสวรรค์ - ตอนที่ 2013 ล้อมโจมตี
ตอนที่ 2013 ล้อมโจมตี
………………..
เงียบกริบ
บรรยากาศยิ่งทวีความเย็นเยียบมากขึ้นไปอีก
นิ้วชี้ของมั่วสือเชียนพลันขยับไหว
ร่างของเด็กหนุ่มผู้หนึ่งลอยหวือขึ้นมาในทันใด!
“เขาชื่ออันใด?”
มั่วสือเชียนเอ่ยถาม
สีหน้าของเด็กหนุ่มผู้นั้นขาวซีด เขาส่ายศีรษะอย่างตื่นตระหนกเป็นพัลวัน
“ข้า ข้าไม่รู้…”
พลั่ก!
สิ้นเสียงคำพูด เสียงระเบิดปะทุออกพลันดังลั่น!
เป็นร่างของเด็กหนุ่มผู้นั้นที่ระเบิดกระจายออกไปในทันใด!
โดยมิได้ส่งสัญญาณใดๆ เลยแม้แต่น้อย!
ช่างโหดเหี้ยมอำมหิตเหลือคณา!
เขายังไม่ทันแม้แต่จะได้ร้องขอความเมตตาหรือส่งเสียงร้องอย่างเจ็บปวด ชีวิตก็หาไม่เสียแล้ว!
เลือดเนื้อสาดกระจาย เป็นภาพฉากที่ชวนตื่นตะลึงอย่างยิ่ง
ภาพฉากที่เกิดขึ้นมากะทันหันนี้ทำให้ใจของคนทุกผู้สั่นสะท้านอย่างรุนแรง
คนจำนวนไม่น้อยมีสีหน้าเปลี่ยนไปทันควัน
ฉู่หลิวเยว่เองก็ขมวดคิ้วเช่นกัน
นางรู้ว่ามั่วสือเชียนเป็นคนเหี้ยมโหดไร้ปรานีมาแต่ไหนแต่ไร
เป็นเฮ่อจื่อหลานที่จู่ๆ ก็ถูกมั่วสือเชียนจับตัวไป!
“เขาชื่ออันใด?”
มั่วสือเชียนเอ่ยถามต่อ
เห็นได้ชัดเลยว่าตอนนี้เขาเลือกคนมาถามตามใจตนแล้ว
หากตอบว่าไม่รู้หรือไม่พูดอันใด เกรงว่าคงจะหนีความตายไปได้ยากแล้ว
เฮ่อจื่อหลานหน้าซีดขาวราวกับผีก็มิปาน
นางไหนเลยจะเคยพบเจอเหตุการณ์เช่นนี้มาก่อน?
ยามคิดถึงสภาพการตายอย่างน่าอนาถของเด็กหนุ่มผู้นั้น นางก็หวาดกลัวจนตัวสั่นฟันกระทบดังกึกๆ
นางไม่รู้จริงๆ ว่าเจ้าหนุ่มผมทองผู้นั้นเป็นใคร มีพื้นเพมาจากไหน!
หน้าผากของเฮ่อจื่อจี้เต็มไปด้วยเหงื่อเย็นที่ไหลซึม สีหน้าเปี่ยมด้วยความสิ้นหวัง
ครั้งนี้ เห็นทีคงจะ…
“เชียงหว่านโจว”
ตอนนั้นเอง พลันมีเสียงใสกระจ่างราบเรียบดังแว่วขึ้นมาจากหมู่ฝูงชน
บรรดาผู้คนทยอยตวัดสายตามองตามต้นเสียง ก่อนจะนิ่งอึ้งหยุดอยู่กับที่
ผู้พูดคือแม่นางแรกรุ่นที่มีหน้าตาธรรมดาผู้หนึ่ง
จังหวะนั้นเอง นางก็เงยศีรษะน้อยๆ ขึ้นไปมองกลางอากาศ
“เขาคือคนของราชวงศ์เทียนลิ่ง”
เฮ่อจื่อจี้อ้าปากพะงาบพลางมองไปทางฉู่หลิวเยว่ด้วยสายตาไม่อยากจะเชื่อ
นางรู้… นางรู้ด้วยหรือ?
เช่นนั้นนางคือผู้ใดกัน?
ความคิดนับไม่ถ้วนแล่นปราดเข้ามาในหัว ทำเอาเฮ่อจื่อจี้จมดิ่งสู่ภายในความวุ่นวายอันลึกล้ำ
เฮ่อจื่อจี้รีบรุดไปข้างหน้า ใช้แรงคว้าตัวนางเอาไว้
หากแต่แรงกระแทกอันแข็งกร้าวกลับทำให้เฮ่อจื่อจี้ร่วงหล่นลงพื้นอย่างแรง!
เสียงกระดูกแตกหักดังลั่น
มุมปากของเขาพลันมีโลหิตไหลซึม
สภาพของเฮ่อจื่อหลานเองก็ไม่ได้ดีไปกว่ากันเท่าไรนัก
คนทั้งสองมีสภาพย่ำแย่อย่างมาก
ทว่าต่อให้เป็นเช่นนี้ ท้ายที่สุดก็ยังคงรักษาชีวิตเอาไว้ได้
สายตาของคนบางส่วนที่หันมองฉู่หลิวเยว่แฝงไปด้วยความโกรธเกรี้ยวอย่างไม่คิดปิดบัง
เห็นได้ชัดว่าสำหรับพวกเขาแล้ว การที่ฉู่หลิวเยว่เอ่ยปากตอบไปเช่นนี้ก็คือการขายเชียงหว่านโจวจนหมดเปลือก
อย่างใดก็ตาม ฉู่หลิวเยว่มิได้ใส่ใจสายตาเหล่านี้เลยแม้แต่น้อย
แน่นอนว่านางย่อมมีแผนที่วางเอาไว้เรียบร้อยแล้ว
สายตาของมั่วสือเชียนเหลือบไปมองทางฉู่หลิวเยว่
ฉู่หลิวเยว่หลุบตาลงน้อยๆ
“เจ้ามานี่”
มั่วสือเชียนกล่าว
…
ฉู่หลิวเยว่ก้าวเดินไปด้านหน้า
ผู้อื่นจดจ้องนาง แม้จะมีความคิดแตกต่างหลากหลาย ทว่าด้วยหวาดกลัวมั่วสือเชียน ในตอนนี้จึงมิกล้าเอ่ยอันใดออกไปมาก
หรงซิวมิได้รุดหน้าตามมา
ท่ามกลางบรรยากาศเงียบกริบที่ชวนให้รู้สึกหายใจแทบไม่ออก ฉู่หลิวเยว่ก็เดินมาถึงด้านหน้าสุดของหมู่ฝูงชน
“ข้าบอกว่าให้มานี่”
ท้ายที่สุด นางก็เดินไปหยุดอยู่ตรงหน้ามั่วสือเชียน
ระยะห่างระหว่างคนทั้งสองเหลือเพียงสิบก้าวเท่านั้น!
ข้างกายของนางก็คือเชียงหว่านโจว
เชียงหว่านโจวหันศีรษะไปมองนางด้วยสีหน้าราบเรียบแวบหนึ่ง
สายตาคู่นั้นเผยความไม่คุ้นเคยและเย็นยะเยือกอย่างยิ่งยวด ทั้งยังแฝงแววโกรธเกรี้ยวจางๆ
ราวกับไม่เข้าใจว่าเหตุใดคนผู้นี้ถึงได้เปิดเผยตัวตนของตนเอง
ฉู่หลิวเยว่ราวกลับไม่รับรู้ถึงสายตาของเขา ค้อมคำนับมั่วสือเชียนอย่างเรียบง่ายคราหนึ่ง
มั่วสือเชียนเอ่ยถามว่า
“เจ้ารู้จักเขาหรือ?”
ดวงตาของฉู่หลิวเยว่หลุบลงน้อยๆ
“รู้จัก”
มั่วสือเชียนบังเกิดความสนอกสนใจขึ้นมาหลายส่วน
“คนของราชวงศ์เทียนลิ่ง… มิน่าเล่า”
คนผู้นั้นเองก็มาจากราชวงศ์เทียนลิ่งมิใช่หรือ?
เขากวาดตามองเชียงหว่านโจวตั้งแต่หัวจรดเท้าอีกรอบหนึ่ง
“ข้ารู้ว่าข้างกายของนางมีสิบสามผู้พิทักษ์เยว่ ทั้งยังพาบางคนมาที่อาณาจักรเสิ่นซวี่ด้วยเมื่อเร็วๆ นี้ แต่ละคนล้วนเก่งกล้าสามารถ ชื่อเสียงขจรไกล… ข้าจำได้ว่าในบรรดาสิบสามผู้พิทักษ์เยว่ไม่มีเจ้าอยู่ด้วยนี่?”
ก่อนหน้านี้เขาเสียเวลาไปไม่น้อยกับการสืบหาข่าวที่เกี่ยวข้องกับฉู่หลิวเยว่ จึงค่อนข้างคุ้นเคยกับสิบสามผู้พิทักษ์เยว่ทีเดียว
แต่กับเชียงหว่านโจว เขาไม่มีความทรงจำอันใดกับชื่อนี้เลย
ริมฝีปากของเชียงหว่านโจวเม้มแน่น ยังคงแสดงท่าทีไม่ให้ความร่วมมืออย่างเคย
มั่วสือเชียนเองก็ไม่ได้สนใจเช่นกัน เขาหันกายกลับไปมองฉู่หลิวเยว่
สายตาที่เปี่ยมด้วยแววจับผิดของมั่วสือเชียนกวาดคลุมทั่วร่างฉู่หลิวเยว่
นางคลี่ยิ้มออกมาน้อยๆ
“ข้า…”
เพราะรอยยิ้มนี้ ดวงหน้าธรรมดาจึงพลันงดงามขึ้นมาหลายส่วนอย่างน่าแปลกใจ
นัยน์ตาดุจหมึกดำคู่นั้นระยิบระยับเปี่ยมไปด้วยดวงดาราเล็กจ้อยที่แผ่กระจาย
ในใจมั่วสือเชียนพลันรู้สึกว่ามีบางอย่างไม่ถูกต้อง
ในตอนนั้นเอง เปลวเพลิงสีทองบริสุทธิ์พลันปะทุออกมาจากร่างของนาง!
แรงกดดันชวนหวาดหวั่นอันน่าตื่นตะลึงแผ่กระจายไปยังบริเวณโดยรอบอย่างบ้าคลั่ง!
ภายในกองเพลิง เกราะอ่อนชิ้นบางอันงดงามตระการตาเข้าปกคลุมทั่วทั้งร่างของนางอย่างรวดเร็ว!
ชิ้ง!
กระบี่ยาวเจิดจ้าปรากฏขึ้นมากลางอากาศ!
เสียงตะโกนกึกก้องชัดเจนพลันดังแว่วมาจากที่ไกลๆ
“ข้าคือใครน่ะหรือ? มั่วสือเชียน เจ้าน่าจะรู้ดีที่สุด!”
ยังมิทันเอ่ยจบ เงาร่างของฉู่หลิวเยว่ก็หายวับไปจากผืนดิน!
ทั้งหมดเกิดขึ้นในชั่วพริบตาเดียวเท่านั้น!
บรรดาฝูงชนเห็นเพียงแค่ว่าประกายกระบี่เย็นเยียบที่ห่อหุ้มด้วยเปลวเพลิงสีทองบริสุทธิ์ตวัดตัดผืนฟ้ากว้างใหญ่เป็นแนวนอน พุ่งตรงไปยังมั่วสือเชียน!
มั่วสือเชียนคำรามเสียงก้องด้วยความโมโหระคนตกใจสุดขีด
“ซั่งกวนเยว่!?”
…
ซั่งกวนเยว่รึ!
จากข่าวลือได้ยินมาว่านางเข้าไปในอาณาจักรเสิ่นซวี่แล้วนี่นา?
แล้วเหตุใดนางถึงได้มาปรากฏตัวที่นี่ได้เล่า!?
เฮ่อจื่อจี้กับเฮ่อจื่อหลานสบตากันแวบหนึ่ง ทั้งคู่ต่างก็เห็นแววตื่นตะลึงลึกๆ ที่ฉาบอยู่ในดวงตาของอีกฝ่าย
ที่แท้แม่นางผู้นั้นก็คือซั่งกวนเยว่?
เช่นนั้น เช่นนั้นบุรุษผู้นั้น…
ฟึ่บ!
ไม่รอให้พวกเขาทันได้คิดออก เงาร่างของหรงซิวก็หายวับไปอย่างไร้ร่องรอย!
ทันใดนั้น จู่ๆ เขาก็ปรากฏตัวขึ้นด้านหลังของมั่วสือเชียน!
ริมฝีปากบางแดงระเรื่อของเขาหยักยกขึ้นน้อยๆ ราวกับกำลังยิ้ม หากแต่แววตากลับแฝงแววเย็นยะเยือกอันเสียดแทง
“มั่วสือเชียน สบายดีหรือไม่”
ทันทีที่ฉู่หลิวเยว่เริ่มลงมือ มั่วสือเชียนก็เดาออกแล้วว่าหรงซิวย่อมต้องมาด้วยเป็นแน่!
เขากำลังจะหมุนกายกลับไป ลมปราณเย็นยะเยือกสายหนึ่งก็เข้ามาปะทะหน้า!
ใจของมั่วสือเชียนพลันตกไปอยู่ที่ตาตุ่ม
ก่อนหน้านี้เขารู้เรื่องที่เกิดขึ้นในท่าเรือดอกท้อแล้ว ทั้งยังรู้เรื่องที่อี้เหวินเทาต้องเสียมือให้แก่ฉู่หลิวเยว่ด้วย
แต่ตอนนั้นเขาคิดว่าเป็นฉู่หลิวเยว่ที่ใช้เล่ห์กลอันใดสักอย่างถึงชนะพนันครานั้นได้ในท้ายที่สุด
ทว่ามาตอนนี้ เมื่อเผชิญกับการโจมตีของฉู่หลิวเยว่ เขาจึงได้ตาสว่างขึ้นมาแจ่มแจ้ง
พลังของแม่นางผู้นี้เกินกว่าที่เขาคาดไว้ก่อนหน้านี้มากโดยแท้จริง!
แทบจะในเวลาเดียวกันนั่นเอง เชียงหว่านโจวพลันเคลื่อนไหว!
ลมปราณอันน่าตื่นตะลึงสายหนึ่งปะทุออกมาจากภายในร่างของเขา!
มั่วสือเชียนยิ่งทวีความตกใจระคนโมโหมากกว่าเก่า
“ผู้แข็งแกร่งระดับเทพขั้นสูงอย่างนั้นรึ!?”
ก่อนหน้านี้เขาไม่เห็นจะจับสัมผัสได้แม้สักเสี้ยว!
ชั่วพริบตา คนทั้งสามก็กลายเป็นวงล้อม พุ่งเข้าโจมตีมั่วสือเชียนที่อยู่ตรงกลางในทันที!