ยอดหญิงลิขิตสวรรค์ - ตอนที่ 2017 เกิดเรื่อง
ตอนที่ 2017 เกิดเรื่อง
………………..
พูดมาถึงตรงนี้ บรรดาฝูงชนที่แต่เดิมยังคงวิตกกังวลก็สงบใจลงได้ในที่สุด
ตั้งแต่สูญเสียกำลังคนไปมหาศาลด้วยน้ำมือของหรงซิวเมื่อหลายปีก่อน ถ้ำปีศาจทมิฬทั้งหมดก็เข้าสู่ช่วงพักฟื้นมาโดยตลอด
เจ้าสำนักถึงกับปิดด่านฝึกตนอยู่หลายปีจนพลังกล้าแกร่งขึ้น
บัดนี้มาประมือกันอีกครา ผู้ใดมีชัยผู้ใดปราชัยยังมิอาจรู้ได้!
…
ณ ตระกูลอี้
ภายในจวนอันเงียบสงบที่ตั้งห่างไกลออกไป ชวนให้รู้สึกหนาวเหน็บและโดดเดี่ยวยิ่ง
มีเพียงผู้อาวุโสท่านหนึ่งที่ยืนเฝ้ายามอยู่ด้านหน้าประตูจวนด้วยท่าทีซังกะตาย
ตั้งแต่อี้เหวินเทากลับมาระยะนี้ก็เอาแต่หมกตัวอยู่ในห้อง ไม่ได้ออกมาอีกเลย
ส่วนคนอื่นในตระกูลอี้ก็ไม่มีใครมาเยี่ยมเยียนแต่อย่างใด
แน่นอนว่าเว้นจวินจิ่วชิงที่บัดนี้ได้รับตำแหน่งประมุขเอาไว้คนหนึ่ง
แต่เขาเองก็มาเพียงแค่ครั้งเดียวเท่านั้น
ราวกับว่าทั้งตระกูลอี้ลืมไปแล้วว่าที่นี่ยังคงมีอี้เหวินเทาอาศัยอยู่ก็มิปาน
ที่นี่มิมีผู้ใดแวะเวียนเข้ามาจึงมีบรรยากาศวังเวงอย่างมาก
ใครก็มิอาจคาดคิดว่าอี้เหวินเทาที่มีอำนาจในตระกูลอี้ถึงขั้นเรียกลมเรียกฝนมาได้หลายร้อยปีจะตกสู่จุดจบเช่นนี้ได้
ทันใดนั้น ก็มีเสียงบางอย่างตกแตกดังแว่วมาจากด้านใน
ผู้อาวุโสที่ยืนเฝ้ายามอยู่ขมวดคิ้ว ก้าวขึ้นไปถามว่า
“ท่านประมุข เป็นอันใดหรือไม่ขอรับ?”
ด้วยคุ้นชินมาหลายปี เขาจึงยังคงเรียกอี้เหวินเทาว่าประมุข
ผู้อาวุโสที่เฝ้ายามอยู่พยักหน้าเป็นเชิงเข้าใจ
“ท่านระวังให้มากหน่อย”
แปลว่าไม่มีใครเข้าไปจัดการเก็บกวาดให้
ตอนนี้ทั้งจวนหลังนี้มีเพียงเขาคนเดียวคอยเฝ้ายาม หากมิใช่เพราะมีเรื่องร้ายแรงเกิดขึ้น เขาก็ไม่สามารถผละจากตำแหน่งของตัวเองได้ตามใจ
อีกอย่าง… ทำจอกตกแตกก็เป็นเพียงเรื่องเล็กน้อยจริงๆ
พูดจบ เขาก็เบนสายตากลับไป
…
ภายในห้อง
อี้เหวินเทานั่งอยู่บนเก้าอี้ บนพื้นเบื้องหน้าเขามีโต๊ะที่เขาเพิ่งเตะล้มลงไปตัวหนึ่ง
เศษชาสาดกระจายทั่วพื้น จอกชาแตกออกเป็นชิ้นๆ
ด้านข้างกันมีบุรุษในชุดดำผู้หนึ่งคุกเข่าอยู่
หน้าอกของอี้เหวินเทากระเพื่อมขึ้นลงอย่างรุนแรง ในแววตาคู่นั้นราวกับมีเพลิงโทสะกำลังลุกโหม
เห็นได้ชัดเลยว่าตอนนี้เขาโกรธเกรี้ยวอย่างมาก
“ติดต่อไม่ได้? นี่มันหมายความว่าอันใดกัน!?”
เขากดเสียงให้ต่ำลง แต่ก็ยังคงฟังออกได้ไม่ยากถึงอารมณ์โมโหอย่างรุนแรงที่พยายามยับยั้งเอาไว้ในน้ำเสียง
บุรุษชุดดำยังคงก้มศีรษะอย่างเดิม ก่อนเอ่ยว่า
“พวกเราส่งข่าวออกไปสามรอบติดแล้ว แต่… ฝั่งนั้นยังคงเหมือนกับโยนหินลงทะเล ไม่มีการตอบกลับมาแต่อย่างใด”
อี้เหวินเทาสูดลมหายใจเข้าลึกๆ ก่อนจะหลับตาลง
ความจริงแล้วเขาเข้าใจความหมายของคำพูดนี้แต่แรกแล้ว
เพียงแต่ไม่อาจทำใจให้เชื่อได้เท่านั้น
ถ้ำปีศาจทมิฬเป็นความหวังสุดท้ายของเขาแล้วหนา!
หลายวันก่อนจวินจิ่วชิงมาเยือน ก่อนซักถามเขาในสิ่งที่เขาพูด
ตอนนั้นเขาทำทีเหมือนจะอ่อนน้อม บอกพวกเรื่องโล่ผสานนภาไปจนหมดเปลือก แต่แท้จริงแล้วในใจนั้นชิงชังจวินจิ่วชิงเหลือแสน
สำหรับเขาแล้ว สันดานเดิมของจวินจิ่วชิงโฉดชั่วดั่งหมาป่า คงคิดแผนจะฮุบเอาตำแหน่งประมุขไว้แต่แรกแล้ว!
ฉวยตอนที่เขาถูกขังอยู่ในท่าเรือดอกท้อใช้กำลังโจมตีและกลายเป็นประมุขคนใหม่ของตระกูลอี้ได้อย่างง่ายดาย!
ตอนนี้จวินจิ่วชิงตำแหน่งสูงส่งเหนือผู้ใด แล้วเขาเล่า? ต้องมาตกอยู่ในที่กันดารเช่นนี้ กระทั่งคิดจะเข้าออกจวนแห่งนี้ตามใจยังทำไม่ได้เลยด้วยซ้ำ!
ก็จริงอยู่ที่ว่าจวินจิ่วชิงคือคนที่เขาเลือกให้เป็นผู้สืบทอดตำแหน่งประมุขด้วยตัวเอง แต่ตอนนั้นเขาจะไปรู้ได้อย่างใดว่าที่แท้จวินจิ่วชิงเป็นคนประเภทนี้?
ต้องโทษตัวเขาเองที่ตาต่ำถึงได้ถูกหลอกตลบหลังจนหัวหมุน
โชคดีที่เขายังได้ส่งมอบตราสัญลักษณ์ให้จวินจิ่วชิงด้วยตัวเอง…
ตอนนี้พอมาคิดดูแล้ว ช่างน่าหัวร่อยิ่งนัก!
อี้เหวินเทาไม่มีทางยอมนั่งรอความตายเฉยๆ อยู่แล้ว
ดังนั้น หลังจากเก็บตัวจำศีลมาหลายปี ในที่สุดเขาก็ติดต่อกับทหารเดนตายของตนอีกครั้ง
แน่นอนว่าเขาย่อมมีวิธีการของตน
บุรุษชุดดำที่อยู่เบื้องหน้าก็คือหนึ่งในนั้น
สิ่งที่อี้เหวินเทาต้องการแท้จริงแล้วเรียบง่ายมาก
เขาต้องการทุกสิ่งทุกอย่างที่สูญเสียไป ทั้งฟื้นฟูพลังของตัวเองและแย่งชิงเอาตระกูลอี้กลับคืนมาอีกครา!
หากแต่แค่พูดนั้นง่ายดาย แต่เวลาทำกลับยากเย็นยิ่ง
สองเรื่องที่ว่ามานี้ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องไหน สำหรับเขาในตอนนี้แล้วล้วนแต่มิอาจทำให้สำเร็จได้
ดังนั้นคราแรกเริ่ม เขาจึงต้องยืมกำลังจากภายนอก
จวบจนครานี้ เขาไร้ทางเลือกแล้วจริงๆ
อีกอย่าง… มิตรภาพของเขากับหรงซิวเองก็ขาดสะบั้นไปเรียบร้อย ต่อให้ถูกเขารู้เรื่องพวกนี้เข้าก็ไม่มีอันใดที่ต้องกลัวแล้ว
ตอนนี้เขาหมดสิ้นซึ่งทุกสิ่งทุกอย่าง ยังมีอันใดให้ต้องหวาดกลัวอีก?
แต่คาดไม่ถึงเลยว่าการที่เขาเสี่ยงดวงพนัน เรียกตัวทหารเดนตายมา ทั้งยังให้พวกเขาไปติดต่อถ้ำปีศาจทมิฬ ผลลัพธ์ที่ได้กลับออกมาเป็นเช่นนี้!
แน่นอนอยู่แล้วว่าหากมิได้ความช่วยเหลือของคนผู้นั้น เขาย่อมไร้หนทางที่จะพลิกสถานการณ์กลับมาได้
ดังนั้นอี้เหวินเทาถึงได้รู้สึกอัดอั้นตันใจเช่นนี้
“ตอนที่หรงซิวบุกโจมตีถ้ำปีศาจทมิฬ หากมิใช่เพราะข้าส่งทหารเดนตายไปช่วย พวกเขาจะมีเวลาหลบหนีไปได้ราบรื่นได้อย่างใด? บัดนี้กลับมาตัดมิตรคิดแปรผันกันเสียแล้ว!”
ระหว่างที่พูด อี้เหวินเทาก็ส่งเสียงไอขึ้นมาอีกครา
สีหน้าของเขายังคงซีดเผือดอย่างมาก ในปากมีรสคาวอมหวานแผ่ซานไปทั่ว
บุรุษชุดดำที่คุกเข่าอยู่บนพื้นเห็นดังนั้นจึงเอ่ยถามอย่างเป็นกังวล
“นายท่าน ร่างกายของท่าน…”
อี้เหวินเทาส่ายศีรษะ
“รักษาจนหายแล้ว ผ่านไปสักพักเดี๋ยวก็ดีขึ้น”
สุ้มเสียงของเขาฟังดูอ่อนระโหยโรยแรงอยู่ไม่น้อย
การต่อสู้ครั้งก่อนทำเขาสูญเสียไปมหาศาล
วันคืนเหล่านั้นที่ถูกขังอยู่ในท่าเรือดอกท้อทำให้เขาได้รับประสบการณ์ถูกทำลายจนแหลกลาญ
หากมิใช่เพราะพื้นฐานของเขาดี เกรงว่าคงอดทนไม่ไหวไปนานแล้ว
“ติดต่อต่อไป!”
บุรุษชุดดำลังเลอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนเอ่ยปากว่า
“อันใดนะ?”
“ส่วนตัวข้าน้อยคิดว่า ต่อให้ฝั่งนั้นไม่คิดช่วยเหลือ ก็ต้องส่งเสียงตอบกลับมาบ้าง ไม่น่าจะไร้การโต้ตอบเช่นนี้ อีกอย่าง… ตอนนี้คนผู้นั้นไม่มีทางไม่รู้สถานการณ์ของตระกูลอี้และตระกูลหนาน แต่จนกระทั่งตอนนี้ก็ยังไม่มีการเคลื่อนไหวใดๆ นี่… ท่านมิรู้สึกว่ามันแปลกบ้างหรือขอรับ?”
เดิมอี้เหวินเทาก็หาได้รู้สึกเช่นนี้ไม่ แต่พอได้ยินเขาพูดเช่นนี้ ก็รู้สึกได้ในพริบตาเช่นกันว่ามีบางอย่างไม่ถูกต้อง
เขาหยัดกายลุกขึ้น เดินวกไปวนมาอยู่ในห้องพลางขมวดคิ้วจนเป็นปม จดจ่ออยู่กับความคิดพักใหญ่
ถูกต้อง
ตระกูลหนานและตระกูลอี้ต่างเกิดเรื่องขึ้น คนผู้นั้นย่อมไม่มีทางนิ่งเฉยไม่รู้ร้อนได้
อย่างใดเสียผู้ที่คอยอยู่เบื้องหลังทั้งสองตระกูลก็คือเขา
บัดนี้ ความพ่ายแพ้ของเขากับหนานอีฝานก็นับว่าเป็นความอัปยศอดสูของคนผู้นั้นในระดับหนึ่ง
เขาจะไปอดทนอดกลั้นอยู่ได้อย่างใด?
“…บางที… คนผู้นั้นอาจจะกำลังปิดด่าน?”
หลายปีมานี้ อี้เหวินเทาเองก็มีการติดต่อกับคนผู้นั้นน้อยมาก รู้เพียงว่าเขาใช้เวลาส่วนใหญไปกับการปิดด่านฝึกตน
“ไม่สิ ถ้าเป็นแบบนั้น คนใต้บังคับบัญชาก็คงไม่มีทางอยู่นิ่งเฉยแน่…”
อี้เหวินเทาพลันหยุดยืนนิ่ง ก่อนจะเบิกตากว้าง
เกรงว่า… ถ้ำปีศาจทมิฬจะเกิดเรื่องขึ้นแล้วจริงๆ!
ความคิดของเขาแล่นพล่าน พลางตวัดสายตาหันไปมองบุรุษชุดดำ
“ระยะนี้ที่เจ้าแวบมา เคยถูกใครจับสังเกตบ้างหรือไม่?”
บุรุษชุดดำตอบทันควัน
“ไม่เลยขอรับ ข้าน้อยระแวดระวังตัวมาโดยตลอด มิกล้ากระโตกกระตากแม้แต่นิดเดียว”
อี้เหวินเทากลับยังรู้สึกไม่ค่อยวางใจเท่าไรนัก
เขาชะงักไป ก่อนถามต่อว่า
“สถานการณ์ฝั่งท่าเรือดอกท้อและพระราชวังเมฆาสวรรค์เป็นอย่างใดบ้าง?”
บุรุษชุดดำส่ายศีรษะ
“ดูเหมือนจะ… ปกติดีทุกอย่าง ระยะนี้ไม่ได้ยินข่าวอันใดเลยขอรับ”
อี้เหวินเทาพลันใจดิ่งวูบ
…เกิดเรื่องขึ้นแล้ว!