ยอดหญิงลิขิตสวรรค์ - ตอนที่ 2019 แพ้ชนะ
ตอนที่ 2019 แพ้ชนะ
เริ่มแรกเขาไม่ได้สนใจมากนัก ทว่าตอนนี้เขาถึงเพิ่งนึกขึ้นได้ว่าคำพูดของจวินจิ่วชิงเมื่อครู่ผิดปกติอย่างมาก
เรื่องปีนั้นที่หรงซิวบุกโจมตีถ้ำปีศาจทมิฬมีคนรู้เรื่องไม่มากนัก
คนส่วนใหญ่จากทั่วทั้งอาณาจักรเสิ่นซวี่ล้วนคิดแค่ว่าถ้ำปีศาจทมิฬเลือกจะเร้นกายหลบหนีจากโลกากะทันหัน จึงหายไปอย่างไร้ร่องรอยนับแต่นั้น
คนที่รู้ว่าตอนนั้นเกิดเรื่องอันใดขึ้นน้อยเสียยิ่งกว่าอันใด
ทว่าจวินจิ่วชิงไม่เพียงแต่รู้ เขายังเข้าใจอย่างถ่องแท้ด้วย!
เขาถึงขนาดรู้ดีว่าตอนนั้นคนผู้นั้นแห่งถ้ำปีศาจทมิฬกำลังอยู่ในช่วงเวลาสำคัญ มิอาจลงมือได้!
เรื่องนี้นับว่าเป็นสุดยอดความลับ ส่วนจวินจิ่วชิงไม่มีความเกี่ยวข้องกับเรื่องนี้เลยแม้แต่นิดเดียว เหตุใดถึงได้รู้เรื่องมากมายขนาดนี้กัน?
อี้เหวินเทาคิดไม่ตกโดยแท้
เขามองจวินจิ่วชิงด้วยสายตาสับสน
จนถึงตอนนี้ เขาถึงเพิ่งได้พบว่าตัวเองไม่เข้าใจอันใดเกี่ยวกับจวินจิ่วชิงเลย
คนผู้นี้… เป็นตัวอันตรายอย่างยิ่ง!
จวินจิ่วชิงกลับมิได้ตอบคำถามของเขาแต่อย่างใด
เรื่องที่เขารู้มีมากมายก่ายกอง แต่ไม่มีความจำเป็นใดต้องพูดเรื่องพวกนี้กับอี้เหวินเทาที่ไร้ค่าไปแล้วด้วยซ้ำ
“ดูเหมือนว่าก่อนหน้านี้ข้าจะประเมินท่านสูงไปจริงๆ”
จวินจิ่วชิงเอ่ยแกมหัวเราะอย่างเฉยชา
“หลายปีมานี้ ตระกูลอี้ไม่ถูกท่านฉุดให้ตกต่ำก็นับว่าเป็นปาฏิหาริย์โดยแท้ วางใจเถิดท่าน อยู่ในมือข้า ตระกูลอี้ย่อมแข็งแกร่งมากกว่าตอนท่านอยู่หลายเท่า หลังจากนี้ท่านก็พักผ่อนอย่างสงบอยู่ที่นี่ต่อไปเถิด”
พูดจบ เขาก็หมุนกายจากไปทันที
ราวกับมิคิดจะเอ่ยต่อปากต่อคำกับอี้เหวินเทาอีก
เห็นได้ชัดเลยว่าการที่เขามาครานี้ก็เพื่อกำจัดบุรุษชุดดำผู้นั้น
แล้วก็ตัดทางหนีสุดท้ายของอี้เหวินเทาทิ้งด้วย!
สองตาของอี้เหวินเทาแดงก่ำ
“หยุดเดี๋ยวนี้!”
ทันใดนั้นเขาพลันตะเบ็งเสียงตวาดออกไป
ฝีเท้าของจวินจิ่วชิง ก่อนจะหันศีรษะกลับมามอง
ตูม!
จู่ๆ เปลวเพลิงสีเขียวน้ำฟ้าก็ลุกท่วมร่างของอี้เหวินเทาในทันใด!
นัยน์ตาของจวินจิ่วชิงพลันหดเล็กลง!
นี่อี้เหวินเทาคิดจะระเบิดตัวตายรึ!
เขาเสียสติไปแล้ว!
อี้เหวินเทาเสียสติไปแล้วจริงๆ
ทั้งความตายของบุรุษชุดดำและคำพูดของจวินจิ่วชิงกลายเป็นชนวนที่ทำให้ฟางเส้นสุดท้ายขาดสะบั้น
เดิมเขาคิดว่าตัวเองยังมีโอกาสพลิกชะตากลับมาได้ ทว่าตอนนี้ทุกสิ่งทุกอย่างกลับกลายเป็นเรื่องลวงหลอกทั้งเพ!
ไม่ต้องคิด เขาก็รู้ว่าหลังจากนี้ตัวเองจะมีชีวิตความเป็นอยู่แบบใด!
ชีวิตดุจนักโทษที่ตกต่ำเหลือแสน!
ถูกขังอยู่ที่นี่ ไม่เห็นเดือนเห็นตะวันตลอดกาล!
จนกระทั่งเขาตาย!
อี้เหวินเทาที่เปี่ยมด้วยศักดิ์ศรีและเกียรติสูงส่งมาทั้งชีวิต ไหนเลยจะรับผลลัพธ์เช่นนี้ได้?
ในเมื่อความหวังทุกรูปแบบสูญสิ้นไม่เหลือแล้ว…
มิสู้ดึงจวินจิ่วชิงมาจบชีวิตด้วยกันดีกว่า!
แม้บัดนี้อี้เหวินเทาจะกลายเป็นเศษสวะไร้ค่า ทว่าอย่างใดเสียก่อนหน้านี้ก็เคยเป็นผู้แข็งแกร่งระดับเทพศักดิ์สิทธิ์ที่มีพลังอยู่ในระดับแนวหน้า!
หากเขาคิดจะใช้พลังระเบิดตัวตาย ผลลัพธ์ย่อมน่าหวาดหวั่นเกินจินตนาการ!
อยู่ใกล้กันถึงเพียงนี้ จวินจิ่วชิงไม่ตายก็พิการ!
จวินจิ่วชิงลงมือโดยพลัน!
ทว่าเปลวเพลิงบนร่างของอี้เหวินเทาแผ่ขยายว่องไวเกินไป!
เขาโอบอุ้มเอาความคิดเตรียมใจตายไว้เป็นมั่นเหมาะ ดังนั้นในตอนนี้จึงกระตุ้นพลังปราณดั้งเดิมภายในร่างให้ลุกโชนโดยไม่ยั้งมือแม้แต่น้อย!
ลมปราณอันน่าผวาหวาดกำลังเข้าก่อตัวรวมกันอย่างรวดเร็ว!
ในใจของจวินจิ่วชิงรู้ทันทีว่าไม่ดีแน่ จึงตัดสินใจเด็ดขาด พลิกกายหมายจะหนี!
ปัง!
เขาพุ่งชนเข้ากับประตูห้องอย่างแรง!
“ท่านประมุข นี่มันเกิด…“
ผู้อาวุโสที่คอยยืนเฝ้าอยู่หน้าประตูตื่นตกใจอย่างมาก ทันทีที่เอ่ยปากถามก็สัมผัสได้ว่าพลันมีเงาร่างเคลื่อนไหววาบมายังเบื้องหน้า
มิรอให้เขาพูดจบ ฉับพลันก็มีลมปราณอันน่าหวาดหวั่นแลร้อนระอุปะทุออกมาจากภายในห้อง!
ความหวาดกลัวอันลึกล้ำแล่นปราดขึ้นมาในใจเขา พลางหันมองเข้าไปข้างในห้องโดยไม่รู้ตัว
อี้เหวินเทากลายเป็นมนุษย์เพลิงท่วมไปเสียแล้ว!
พลังที่กักเก็บเอาไว้ในทุกส่วนของร่างกายเขาล้วนกลายเป็นเปลวเพลิงที่โหมกระหน่ำบ้าคลั่ง!
อย่างใดเสียครั้งหนึ่งก็เป็นถึงผู้แข็งแกร่งระดับเทพศักดิ์สิทธิ์ที่พลังกล้าแกร่งเป็นที่รู้กัน พลังที่กักเก็บไว้ภายในร่างย่อมต้องน่าสะพรึงอย่างยิ่ง!
ผู้อาวุโสท่านนี้พลันรู้สึกได้ถึงอันตรายในแวบเดียว
อี้เหวินเทาคิดจะระเบิดตัวตายเป็นแน่แท้!
เขาไม่เสียเวลาคิด รีบพุ่งร่างถอยหลังไปในทันที!
จังหวะนั้น เขาแทบไม่ทันคิดแล้วว่าด้านในเกิดเรื่องอันใดขึ้นกันแน่ถึงได้ทำให้อี้เหวินเทาเลือกหนทางเช่นนี้ออกมาในท้ายที่สุด
ในหัวของเขามีเพียงความคิดเดียว
นั่นก็คือหนี!
ทว่ามิรอให้เขาหนีไปได้ไกล เสียงดังกึกก้องลั่นฟ้าก็ไล่หลังตามมาโดยพลัน!
แรงระเบิดอันน่าสะพรึงกลัวดุจสายน้ำหลากที่เข้าโถมท่วม!
เปลวเพลิงสีเขียวน้ำฟ้ากระจัดกระจายอย่างมืดฟ้ามัวดิน!
ผู้อาวุโสท่านนั้นรับการกระแทกจากแรงระเบิดอันน่าตระหนก ร่างจึงลอยปลิวก่อนจะแยกออกเป็นชิ้นๆ กลางอากาศ จากนั้นก็ถูกเปลวเพลิงสีเขียวน้ำฟ้าที่แผ่ขยายตัวอย่างบ้าคลั่งกลืนกินเข้าไป!
ตั้งแต่เกิดจนตาย ทุกอย่างล้วนเกิดขึ้นเพียงพริบตาเดียว
แม้จวินจิ่วชิงจะมีปฏิกิริยาตอบสนองรวดเร็วยิ่ง ทั้งยังหนีออกมาได้ไกลกว่า ทว่าก็ได้รับผลกระทบจากพลังนี้อย่างหลบเลี่ยงไม่ได้!
หน้าอกของเขาสั่นสะท้าน ก่อนจะกระอักเลือดออกมาทันที
พริบตานั้น อวัยวะภายในของเขาราวกับถูกพลังนี้บดขยี้จนจวนเจียนจะระเบิดออกก็มิปาน!
เบื้องหน้าของเขาพลันมืดสนิท ตัวคนสลบไปทันควัน
แรงเคลื่อนไหวนี้แผ่กระจายออกไปอย่างรวดเร็ว
ท้ายที่สุด ตระกูลอี้ทั้งหมดต่างตกอยู่ในความอลวน
…
ตอนนี้พวกฉู่หลิวเยว่ที่อยู่ด้านนอกอาณาจักรเสิ่นซวี่มิรู้เรื่องที่เกิดขึ้นภายในตระกูลอี้เลยแม้แต่น้อย
ทว่ามีเพียงมั่วสือเชียนที่มีสัมพันธ์คอยติดต่อกับอี้เหวินเทามาโดยตลอด
ท่ามกลางการต่อสู้ชุลมุน สีหน้าของเขาพลันแข็งค้าง ก่อนจะกัดฟันกรอดพลางเอ่ยออกมาอย่างเคียดแค้น
“เจ้าสวะไร้ประโยชน์เอ๊ย!”
หรงซิวได้ยินคำพูดนั้น
เขาหรี่ตาลงน้อยๆ จากนั้นก็สัมผัสได้ว่าเกิดอันใดขึ้น ริมฝีปากบางจึงกระตุกยก
“ดูเหมือนภายในตระกูลอี้จะตัดสินแพ้ชนะได้แล้วกระมัง”
“เจ้า!”
มั่วสือเชียนเงยศีรษะขึ้นมาฉับพลัน
“เป็นฝีมือเจ้ารึ!?”
หรงซิวคลี่ยิ้มเฉยชา
“เสือสองตัวอยู่ถ้ำเดียวกันไม่ได้ เรื่องแบบนี้ยังต้องให้ข้าลงมือด้วยตัวเองอีกหรือ”
เขาไม่เคลื่อนไหว ตระกูลอี้ก็ชุลมุนวุ่นวายด้วยตัวเองอยู่แล้ว
อย่างใดเสีย อี้เหวินเทากับจวินจิ่วชิงก็มิอาจญาติดีกันได้อีก
ดูจากปฏิกิริยาของมั่วสือเชียนแล้ว จวินจิ่วชิงคงเป็นฝ่ายชนะ
นี่ตรงกับผลลัพธ์ที่เขาคาดคิดไว้ก่อนหน้านี้ไม่มีผิด
มั่วสือเชียนโมโหจนฉุดไม่อยู่
สิ่งที่เขาเกลียดที่สุดก็คือท่าทีเรียบเฉยนิ่งสงบตลอดทุกครั้งของหรงซิว!
ราวกับว่าใต้หล้านี้ไม่มีเรื่องใดทำให้เขาขุ่นค้องหมองใจได้ ไม่ว่าใครก็ไม่มีทางฉกชิงความได้เปรียบไปจากมือเขาได้ทั้งสิ้น!
ไม่ว่าจะพบเจอปัญหาแบบใด เขาก็ดูจะรับมือได้ตลอดทุกที
เขามีสิทธิ์อันใด!?
มั่วสือเชียนไม่ยินยอม ทั้งยังรับไม่ได้
เขากำหมัดแน่นพลางลอบเข่นเคี้ยวเขี้ยวฟัน
หลังผ่านการต่อสู้เมื่อครู่ บนร่างของเขาก็เต็มไปด้วยบาดแผลนับไม่ถ้วน เปรอะเลอะคราบเลือดเต็มไปทุกส่วน
ทว่าฝั่งของหรงซิวกลับแข็งแกร่งกว่าเขามากนัก
แม้เขาเองจะได้รับบาดเจ็บเช่นกัน บนร่างเปรอะด้วยคราบเลือดเลอะเทอะ แต่ส่วนใหญ่หาใช่เลือดของเขาเองไม่!
หลายปีก่อน เขาไม่สามารถต่อต้านหรงซิวซึ่งหน้าได้เพราะกำลังอยู่ในช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อของการฝึกตน
เดิมคิดว่าระยะเวลาผ่านมานานขนาดนี้ ในที่สุดเขาก็จะได้พลิกกลับมาชนะหรงซิวได้ ใครจะรู้ว่า…
เรื่องราวจะดำเนินตรงกันข้ามกับที่เขาวาดหวังไว้!
ใช่สิ
ในระหว่างที่เขากำลังฝึกตน พลังของหรงซิวจะไม่เพิ่มขึ้นตามเลยหรือไร!?
เป็นแบบนี้ต่อไป เกรงว่าสุดท้ายผู้แพ้จะกลายเป็นเขาเอง!
ต้องเข้าใจก่อนว่า… จนถึงตอนนี้ หรงซิวยังไม่ได้อัญเชิญร่างศักดิ์สิทธิ์ออกมาเลยด้วยซ้ำ!
อีกทั้งตัวเขายังมีร่างศักดิ์สิทธิ์ถึงสองกระบวนท่าด้วยกัน!
กลับกันแล้วตัวเขาเล่า…
ร่างศักดิ์สิทธิ์สองกระบวนท่าที่ฝึกฝนมาด้วยความยากลำบาก บัดนี้ถูกฉู่หลิวเยว่และเชียงหว่านโจวดึงรั้งให้เกี่ยวพันด้วย
เชียงหว่านโจวดูเหมือนจะพลังอ่อนด้อยสุด แต่ความอดทนกลับอยู่ในระดับที่น่าตกใจ
ผ่านมานานขนาดนี้แล้ว ความเร็วและเคล็ดฝีเท้ากลับไม่อ่อนกำลังลงเลยแม้แต่ครึ่ง!
ส่วนฝั่งของฉู่หลิวเยว่ยิ่งไม่ต้องพูดถึง
ลำพังแค่ภาพเมฆาเคลื่อนคล้อยก็ทำให้เขาปวดหัวไม่น้อยแล้ว
ยิ่งไม่ต้องพูดถึงเรื่องที่ว่า นางยังได้รับความช่วยเหลือจากถวนจื่อที่เปิดการเชื่อมกระแสจิตได้แล้วด้วย!
อีกอย่าง นางยังมีไพ่ลับที่ไม่ได้เปิดเผยออกมาอีกต่างหาก!
การต่อสู้ครานี้เกรงว่าจะอันตรายเสียแล้ว…
ความคิดในหัวของมั่วสือเชียนแล่นพล่าน ก่อนเขาจะตัดสินใจเร็วรี่
ปล่อยให้เป็นแบบนี้ต่อไปไม่ได้เด็ดขาด!
“กระจกโลหิตสวรรค์!”