ยอดหญิงลิขิตสวรรค์ - ตอนที่ 2020 สุ้มเสียงที่คุ้นเคย
ตอนที่ 2020 สุ้มเสียงที่คุ้นเคย
………………..
กระจกสำริดบานหนึ่งพลันปรากฏต่อหน้าเขาตามเสียงตะโกนกู่ร้องเรียก
กระจกสำริดบานนี้ดูคล้ายคลึงกับกระจกที่หงอันหยิบออกมาก่อนหน้านี้มาก ทว่าก็มีส่วนที่แตกต่าง
บริเวณขอบกระจกบานนี้มีอักษรโบราณลึกลับสลักเอาไว้ ภายในผิวกระจกมีทะเลโลหิตท่วมทั่ว!
กลิ่นคาวเลือดอันเข้มข้นแลเหม็นคาวแผ่กระจายออกมาจากกระจก ในนั้นยังผสมปนเปไปด้วยกลิ่นเน่าเสียชวนให้อยากสำรอกนัก
สีหน้าของฉู่หลิวเยว่พลันแข็งทื่อ
กระจกบานนี้… นางเคยเห็นมันมาก่อน!
ก่อนหน้านี้มั่วสือเชียนไม่เคยเปิดเผยใบหน้าที่แท้จริงมาก่อน จะปรากฏก็แต่กระจกบานนี้
ในตอนนั้นเอง “มั่วสือเชียน” ตรงหน้านางพลันสลายไป!
ส่วนอีกฟากหนึ่ง ร่างศักดิ์สิทธิ์ที่ต่อสู้พัวพันอยู่กับเชียงหว่านโจวเองก็ถอยหลังอย่างไม่คิดลังเล!
เงาร่างทั้งสามพุ่งไปยืนรวมตัวกันอยู่ที่ที่หนึ่ง
หลังจากนั้น ร่างศักดิ์สิทธิ์ทั้งสองก็แปรสภาพกลายเป็นกลุ่มหมอกดำอีกครา แล้วหายเข้าไปในกระจกโลหิตสวรรค์!
ตัวมั่วสือเชียนยืนอยู่ด้านหน้าของกระจกโลหิตสวรรค์ สองมือประสานเข้าหากัน ดวงตาทั้งคู่หลับแน่น
จากนั้น แรงกดดันอันหนักหน่วงที่อยู่ไกลออกไปพลันแผ่กระจายออกมาจากกระจกโลหิตสวรรค์!
ความว่างเปล่าสั่นสะเทือน ช่องว่างพลันบิดเบี้ยว
เสียงระฆังเตือนภัยในหัวของฉู่หลิวเยว่ร้องลั่นเสียงดังก้อง!
นางแทบไม่หยุดคิด รีบตะโกนเสียงใสในทันที
“ถวนจื่อ!”
ถวนจื่อตอบสนองว่องไว ปีกสีทองบริสุทธิ์อันใหญ่โตกระพือสร้างกระแสลมโดยพลัน!
แววตาเชียงหว่านโจวดุดันขึ้นทันใด เขาตวัดฟันกระบี่เทพเมฆาสำริดทันที!
ฝ่ามือของเขาขยับน้อยๆ ราวกับคิดจะลงมือ ทว่าหลังจากลังเลอยู่พักหนึ่งก็เก็บมือกลับไปอย่างเป็นกังวล ทำเพียงแค่สะกิดฝ่าเท้าถอยไปข้างหลัง
แทบในเวลาเดียวกันนั่นเอง!
ก็เกิดเสียงดัง ”ตูม” ขึ้นมา!
ภายในกระจกโลหิตสวรรค์ปรากฏให้เห็นทะเลโลหิตสีแดงสดที่กำลังสาดซัดคลื่นน้ำอย่างรุนแรง
จากนั้นกระแสพลังอันน่าสะพรึงก็พวยพุ่งออกมาจากคลื่นทะเลที่กำลังกระเพื่อมขึ้นลงอย่างต่อเนื่อง
ค่ายกลสีทองพลันแตกสลายพร้อมส่งเสียงดังก้องด้วยประการฉะนี้!
จังหวะนั้น สะเก็ดประกายไฟสีทองจำนวนนับไม่ถ้วนก็กระจัดกระจายไปทั่วสี่ทิศ ส่องสว่างไปครึ่งฟ้า!
“ออกมาแล้ว!”
บรรดาฝูงชนที่เฝ้าดูอยู่ด้านนอกได้ยินเสียงนั้นต่างก็จิตใจสั่นไหวถ้วนหน้า!
สายตานับไม่ถ้วนจดจ้องมองไปตรงกลางเป็นตาเดียว!
ท่ามกลางประกายแสงที่สว่างไสวไปทั่วผืนฟ้า กระจกสำริดที่ลอยเคว้งอยู่กลางอากาศดึงดูดความสนใจของผู้คนได้ในทันที
บรรดาคนของถ้ำปีศาจทมิฬทยอยเผยสีหน้ายินดีออกมา
“เจ้าสำนักยอดเยี่ยมเหมือนอย่างที่คิดไว้!”
พวกเขาล้วนรู้แก่ใจว่านี่คือไพ่ลับของเจ้าสำนัก!
เป็นอย่างที่คาดไว้ ทันทีที่อัญเชิญมันออกมา ก็สามารถทำลายค่ายกลของหรงซิวลงได้อย่างง่ายดาย!
ทันใดนั้น ก็มีเสียงแผ่วเบาดังแว่วขึ้นมาท่ามกลางฝูงชน
“เหตุใดบนร่างท่านเจ้าสำนัก… ถึงได้เปรอะเลือดมากมายเพียงนั้นกัน?”
ยามบรรดาฝูงชนที่เดิมตื่นตัวด้วยความตื่นเต้นได้ยินดังนั้นก็เงียบลงในพริบตา
เมื่อครู่ตอนค่ายกลพังทลาย พวกเขาดีอกดีใจกันเกินไป ไม่ได้ใส่ใจเรื่องนี้ชั่วขณะ
ทันทีที่ได้ยินประโยคนี้จึงพากันจดจ้องมองไปอีกรอบ พบว่าคราบเลือดบนร่างของมั่วสือเชียนมีมากกว่าอีกสามคนอย่างเห็นได้ชัดจริงๆ
เห็นได้ชัดเลยว่าเมื่อครู่สิ้นเปลืองพลังของเขาไปไม่น้อย
“กระจกโลหิตสวรรค์เป็นไม้ตายของเจ้าสำนัก ในเมื่อบัดนี้อัญเชิญมันออกมาแล้ว ย่อมต้องชนะอย่างแน่นอน!”
ทันใดนั้น ก็มีคนตะเบ็งเสียงพูดขึ้นมา
นี่คืออาณาเขตของถ้ำปีศาจทมิฬ ไม่มีเหตุผลใดจะยอมให้สามคนนี้มาเหิมเกริมตามใจได้!
ก่อนหน้านี้เรื่องเกิดขึ้นด้วยมีต้นตอ ทว่าคราวนี้…
เหตุการณ์เดิมจะไม่มีวันได้ซ้ำรอยอีก!
ในตอนที่บรรดาฝูงชนคิดจะล้อมโจมตี มั่วสือเชียนพลันเอ่ยขึ้นมาว่า
“ชาวถ้ำปีศาจทมิฬทุกคนฟังคำสั่ง! กางค่ายกลเดี๋ยวนี้!”
สิ้นเสียงคำสั่ง บรรดาฝูงชนต่างทำตามอย่างเชื่อฟัง!
ฉู่หลิวเยว่พลันใจดิ่งวูบ
ไม่มีค่ายกลของหรงซิวคอยป้องกันแล้ว สถานการณ์ของพวกนางสามคนจึงอันตรายขึ้นมาในทันที
ที่นี่มีผู้ฝึกตนของถ้ำปีศาจทมิฬอยู่มากมายปานนี้ หากพวกเขาลงมือพร้อมกัน เกรงว่า…
คิดมาถึงตรงนี้ นางรีบหันศีรษะกลับไปมองอย่างรวดเร็ว
ทว่ายามตวัดสายตาไปมองครานี้กลับทำให้นางตกใจจนยืนอึ้งอยู่กับที่
คนของถ้ำปีศาจทมิฬเหล่านั้นมิได้รุดหน้ามาโจมตีแต่อย่างใด ทว่ากลับแยกกระจายตัวไปคนละทิศคนละทาง
พวกเขายืนกันเป็นระเบียบ ทั้งยังออกกระบวนท่าเหมือนกันทุกประการ
แขนทั้งสองของพวกเขาไขว้ทับไว้ตรงหน้า กำกำปั้นเข้าหากันแน่น ทั้งยังก้มศีรษะลงเล็กน้อย
ฉู่หลิวเยว่ขมวดคิ้วจนเป็นปม
เหตุใดท่าทีเช่นนี้ของพวกเขาดูแล้วก็ยิ่งเหมือนกับ… กำลังประกอบพิธีกรรมอันใดบางอย่างอย่างใดอย่างนั้น?
ความคิดนี้เพิ่งจะผ่านหัวของนางไป นางก็พบว่าเหนือศีรษะของบรรดาฝูงชนต่างปรากฏกลุ่มแสงขึ้นมาทีละคน
กลุ่มแสงที่ว่ามีขนาดเท่ากำปั้นเท่านั้น ทั้งยังไม่สะดุดตา ปรากฏให้เห็นเป็นสีโลหิตจางๆ
กระบี่คู่ไขว้ประสานกับดวงจันทร์ ยิ่งไปกว่านั้น นั่นยังเป็นดวงจันทร์สีเลือดจริงๆ เสียด้วย
แต่ไม่รู้เหตุใด ภาพฉากนี้ถึงได้ให้ความรู้สึกคุ้นเคยอย่างบอกไม่ถูก…
“พี่น้องชาวถ้ำปีศาจทมิฬทั้งหลาย จงร้องขอการอำนวยพร!”
ทันใดนั้น มั่วสือเชียนก็เอ่ยปากพูดอันใดบางอย่างด้วยเสียงทุ้มต่ำ
เขายืนอยู่หน้ากระจกโลหิตสวรรค์ ก่อนจะหันเผชิญหน้ากับบานกระจก
สุ้มเสียงนี้แฝงแววบูชายกย่องและตั้งตารอ ราวกับกำลังอัญเชิญบางสิ่งบางอย่างอยู่ก็มิปาน
ฉู่หลิวเยว่ไม่เคยเห็นสถานการณ์เช่นนี้มาก่อน จึงเปี่ยมด้วยความรู้สึกงุนงงไปชั่วขณะหนึ่ง
นี่มั่วสือเชียนกำลัง…
เรียกกำลังเสริมจากภายนอกอย่างนั้นหรือ?
“เขากำลังรอคน”
เงาร่างของหรงซิวขยับไหวคราเดียวก็มาหยุดอยู่ข้างกายนาง ก่อนกล่าวด้วยเสียงแผ่วเบา
ฉู่หลิวเยว่เบนสายตามองเขาคราหนึ่ง
“รอใคร?”
คิ้วกระบี่ของหรงซิวเลิกคิ้วน้อยๆ มิได้เอ่ยตอบอันใด
ฉู่หลิวเยว่ค่อยๆ กำหมัดเข้าหากันแน่น
ความจริงแล้วคำตอบนี้ก็เดาได้ไม่ยากนัก
ในเวลาเช่นนี้ มั่วสือเชียนย่อมกำลังรอคนที่ช่วยเหลือพวกเขาได้อยู่อย่างใดเล่า!
เพียงแต่
มิรู้ว่าจะเป็นคนแบบใด?
ทันใดนั้นเอง เงาร่างสายหนึ่งก็ค่อยๆ ปรากฏขึ้นท่ามกลางทะเลโลหิตของกระจกโลหิตสวรรค์!
จากนั้น สุ้มเสียงที่เจนโลกก็ดังแว่วออกมาจากข้างในนั้น
“มีเรื่องอันใด?”
สุ้มเสียงนี้ราวกับแว่วดังก้องมาจากผืนฟ้าที่ห่างไกลออกไป ทั้งยังแฝงไว้ด้วยแรงกดดันอันน่าตื่นตะลึง
สิ้นเสียงคำพูด ช่องว่างอากาศโดยรอบราวกับกำลังสั่นสะเทือนตามเสียงนั่น!
มั่วสือเชียนค้อมกายลงพลางกล่าวว่า
“ข้ามิมีทางเลือกอื่นใดแล้วนอกจากรบกวนท่าน นี่หาใช่ประสงค์ของข้าไม่ แต่… ปัญหาครานี้ คงต้องขอให้ท่านออกโรงช่วยเหลือ”
เขายกมือขึ้นมาชี้ไปทางฉู่หลิวเยว่
“ขอท่าน… โปรดสังหารพวกซั่งกวนเยว่ทั้งสามคนด้วยเถิด!”
ทั่วอาณาบริเวณเขตฟ้าดินล้วนเงียบสงัดไปชั่วขณะ
ฉู่หลิวเยว่กลับเขยิบเข้าไปใกล้หรงซิวในทันใด ก่อนเอ่ยกระซิบเสียงเบาว่า
“เหตุใดข้าถึงรู้สึกว่า… เสียงนี้ฟังดูคุ้นๆ อย่างใดอย่างนั้น?”
ยังไม่ทันสิ้นเสียงคำพูด สุ้มเสียงนั้นก็แว่วดังขึ้นมาด้วยความประหลาดใจระคนยินดี
“นังหนูเยว่เออร์!”
………………..