ยอดหญิงลิขิตสวรรค์ - ตอนที่ 2022 พยุงเอว
ตอนที่ 2022 พยุงเอว
………………..
ผู้อาวุโสลำดับห้าคือขาใหญ่คนหนึ่งที่มีเส้นสายกับประมุขบรรพชนของถ้ำปีศาจทมิฬเมื่อหลายพันปีก่อน
มีช่วงเวลาสั้นๆ ช่วงเวลาหนึ่ง ที่ผู้อาวุโสลำดับห้านั้นมีความสัมพันธ์อันไม่เลวกับถ้ำปีศาจทมิฬจริงๆ
แน่นอนว่า ที่ไม่เลวนี้ หมายถึงเขารู้สึกว่าสิ่งต่างๆ ที่เข้ามาพัวพันกับถ้ำปีศาจทมิฬล้วนไม่เลว เหมาะสมตามเจตนารมณ์ของเขาเป็นอย่างมาก
ทว่า…ฟ้าดินเมตตา!
ตั้งแต่หลังจากเขาถูกกักขังอยู่ที่ทะเลทรายจันทราสีชาด ก็ไม่เคยได้รับผลประโยชน์จากพวกเขาเลยแม้เพียงครึ่งหนึ่ง!
ผู้อาวุโสลำดับห้ารู้สึกกล้ำกลืน สิ่งที่มั่วสือเชียนลิ้มชิมก็มิใช่ร้อยอารมณ์ร่วมระคนเช่นนี้หรอกหรือ
กระจกโลหิตสวรรค์นี้คือสิ่งที่ผู้เคยดำรงตำแหน่งประมุขถ้ำปีศาจทมิฬสืบทอดกันมาในแต่ละรุ่น นับว่าเป็นสัญลักษณ์ของฐานะ และก็เป็นไม้ตายใหญ่อันหนึ่ง
ตั้งแต่วันที่เขากลายเป็นประมุขในวันนั้น เขาก็รู้ว่า ด้านในนี้ปิดผนึกลมปราณของผู้ทรงพลังทะลวงฟ้าท่านหนึ่งเอาไว้
เพียงผสานกำลังของผู้คนในถ้ำปีศาจทมิฬเข้าไว้ด้วยกัน ก็จะอัญเชิญมันมาได้
แต่โอกาสเช่นนี้ มีแค่ครั้งเดียว
ดังนั้นในปีกาลที่ผ่านมานี้ ประมุขของถ้ำปีศาจทมิฬล้วนไม่กล้าใช้โอกาสอันล้ำค่าอย่างยิ่งนี้โดยง่ายดาย
มีเพียงในตอนที่ทั้งถ้ำปีศาจทมิฬเผชิญหน้ากับวิกฤตเป็นตายเท่านั้น ถึงจะใช้ไม้ตายนี้ได้
วันนี้หากไม่ใช่ฉู่หลิวเยว่และหรงซิวปรากฏตัวพร้อมกัน อีกทั้งหลังจากผ่านประสบการณ์ตัวสั่นเทิ้มกันไปรอบหนึ่งเรียบร้อยแล้ว มั่วสือเชียนก็ยังไม่มีแนวโน้มที่จะชนะ เขาก็จะไม่เลือกเชิญท่านผู้นี้มา
ความคิดของมั่วสือเชียนเรียบง่ายอย่างมาก คว้าโอกาสไว้ให้มั่น แล้วก็ขุดรากถอนโคนคนพวกนี้ ลำบากครั้งเดียวสบายตลอดกาล!
เช่นนี้ ก็ไม่นับว่าสิ้นเปลืองโอกาสอันเลิศล้ำเพียงหนึ่งเดียวนี้แล้ว
แต่ผู้ใดจะรู้ว่าเรื่องราวจะกลับกลายเป็นเฉกเช่นในเวลานี้กันเล่า!
ต่อให้นับว่าพวกเขาถ้ำปีศาจทมิฬฝืนผูกสัมพันธ์กับเส้นสายท่านนี้ได้ แต่จะเทียบเคียงกับความสัมพันธ์ศิษย์อาจารย์ของคนเขาได้อย่างไร
ฉู่หลิวเยว่เปิดปากพลางยิ้มตาหยี
“อย่างนั้นเอ่ยขึ้นมาเช่นนี้ ก็ยังเป็นการสร้างความเข้าใจผิดจริง ผู้อาวุโส ท่านรู้หรือไม่ เมื่อครู่ตอนที่ไม่รู้ว่าเป็นท่าน ข้ายังคิดไปเองจริงๆ ว่าวันนี้จะต้องตายอยู่ที่นี่แล้ว”
“เฮ้ย! ใครตายไม่ตายอันใดกัน อย่ามาพูดส่งเดช”
แม้รู้ว่ากำลังพูดจาสัพยอก แต่ผู้อาวุโสลำดับห้าไม่ได้ยินว่านางเอ่ยวาจาเช่นนี้
ถึงอย่างไรเขาก็รู้ว่านางหนูนี้เคย ‘ตาย’ มาแล้วครั้งหนึ่งจริง
อีกทั้งยามนั้นแม้แต่ความทรงจำก็ล้วนไม่มี!
ล้วนลืมพวกเขาทั้งหลายเหล่านี้ไปหมดสิ้นเลย!
เมื่อคิดถึงคืนวันเหล่านั้น หัวใจของผู้อาวุโสลำดับห้าก็ทุกข์ระทมเสียจนแทบจะบีบตัวแน่น
ประเดี๋ยวก่อน
ครั้งนั้นคล้ายว่า…ก็เป็นเพราะถ้ำปีศาจทมิฬลงมือกับนางไม่ใช่หรือ
ผู้อาวุโสลำดับห้ามองไปยังมั่วสือเชียนช้าๆ
ความรู้สึกเยียบเย็นระลอกหนึ่ง เข้าปกคลุมมั่วสือเชียนในพริบตา!
หัวใจของเขาพลันกระตุกวาบอย่างรุนแรงคราหนึ่ง
อย่างอื่นไม่ต้องพูดถึง เขานั้นมีความแม่นยำอย่างมากในด้านของลางสังหรณ์นี้
ผู้อาวุโสลำดับห้ากำลังมองนัยน์ตาเขาในเวลานี้ ราวกับว่า…
“ใช่แล้ว นางหนูเยว่เออร์ หลายปีก่อน ผู้ที่ลงมือกับเจ้า ก็คือเขากระมัง”
ผู้อาวุโสลำดับห้าเอ่ยถามเสียงเนือย
ฉู่หลิวเยว่กะพริบตาปริบ
“ท่านยังจำเอาไว้อยู่หรือ จะว่าไปก็เป็นเรื่องก่อนหน้านี้เนิ่นนานแล้ว ข้าจำได้ว่า…เวลานั้นมั่วสือเชียนคล้ายว่าคิดอยากจะแย่งของบางอย่างไปจากข้า…”
“ผ่านไปหลายปี ประมุขมั่วก็ยังคงมีวิริยะต่อเรื่องนี้เป็นอย่างมาก ในช่วงเวลาไม่นานก่อนหน้านี้ ก็เพิ่งจะให้ตระกูลอี้กับตระกูลหนานร่วมมือกัน มุ่งมายังท่าเรือดอกท้อ ไล่ล้อมขัดขวางพวกข้า…”
“เจ้าพูดเหลวไหลอันใดกัน!”
มั่วสือเชียนแผดเสียงคราหนึ่ง หน้าผากผุดเส้นเลือดดำขึ้น
แม้เรื่องที่ฉู่หลิวเยว่พูดจะเป็นเรื่องจริง แต่เวลานี้ ต่อหน้าของผู้อาวุโสลำดับห้า เขาจะไปยอมรับได้อย่างไร
นั่นมิใช่การวอนบาทาโดยสมบูรณ์หรอกหรือ!
เดิมทีผู้อาวุโสลำดับห้าก็ไม่พอใจเพราะเขาเชิญเขามาสังหารนางอยู่แล้ว ถ้ามารู้ว่าก่อนหน้านี้เขายังใช้ลูกไม้ไปมากมายอีก เกรงว่าผู้อาวุโสลำดับห้าจะต้องมีใจสังหารต่อเขาแล้ว!
“จะไปเหลวไหลได้อย่างไรเล่า”
ฉู่หลิวเยว่ใบหน้าประหลาดใจทั้งใบ
“ชีพจรแต่กำเนิดของหนานอีอี ก็ไม่ใช่ว่าประมุขมั่วเป็นคนช่วยโยกย้ายมายังร่างของพี่ชายนางหรอกหรือ และก็เพราะเหตุนี้ หนานอีฝานจึงทำให้หนานอีอีต้องตาย จดจารอยู่ในศีรษะข้า แค้นข้าถึงกระดูก ยังมีตระกูลอี้ ท่านพูดเรื่องนี้ให้ดีๆ สักหน่อยเถิด เหตุใดพวกเขาถึงจู่ๆ ก็เกิดความคิดที่ว่าต้องการจะแย่งชิงท่าเรือดอกท้อข้าเล่า อีกทั้ง ยังร่วมลงมือด้วยกันกับตระกูลหนานเสียด้วย…”
“นี่เลี่ยงไม่ได้ ช่างบังเอิญนัก ท่านว่าอย่างใดเล่า”
วาจาชุดนี้ของฉู่หลิวเยว่เอ่ยออกมาได้อย่างแจ่มแจ้งเป็นระเบียบ ตรรกะชัดเจน นับได้ว่าผู้ที่ไม่เข้าใจเรื่องราวก่อนหน้าเหล่านั้นมาก่อน ได้ยินวาจานี้ ก็ล้วนสังเกตเห็นถึงความไม่ถูกต้องแล้ว
นี่ชัดแจ้งว่ามีคนบงการอยู่ในที่ลับ ยุแยงจากในนั้นนี่หนา!
แต่คนผู้นี้เป็นใครนั้น…ก็ประจักษ์แจ้งอยู่แล้ว!
มั่วสือเชียนกำสองหมัดแน่น ขณะมองนัยน์ตาของฉู่หลิวเยว่ คล้ายว่าอยากฉีกนางเป็นชิ้นๆ อย่างไรอย่างนั้น!
“ตระกูลอี้? ตระกูลหนาน? นางหนู พวกเขากินดีเสือหัวใจหมีมาหรือ ถึงได้กล้าลงมือกับเจ้า”
ความตกตะลึงสายบางวาบผ่านไปบนใบหน้าของผู้อาวุโสลำดับห้า มองหรงซิวปราดหนึ่งตามจิตใต้สำนึก
หรงซิวขยับร่างคราหนึ่ง ก้าวมาข้างหน้า พร้อมเอ่ยแกมหัวร่อเสียงนิ่ง
“มีผลประโยชน์ผลักดัน คนเหล่านั้นย่อมล้วนทำเรื่องอันใดออกมาก็ได้”
ทั้งสองคนยืนอยู่ในที่เดียวกัน ก็พลันทำให้ทัศนียภาพโดยรอบล้วนจืดชืดไร้สีสัน
แม้ว่าจะไม่ได้ทำอะไร ก็มักจะทำให้ผู้คนมองเข้ามาอย่างไม่อาจควบคุมตนเอง
คิ้วตาดั่งภาพวาด มาดงามล้ำเป็นเอก
“นั่นคือ…นั่นคือพระสวามีองค์หญิงใหญ่หรือ โอรสแห่งพระราชวังเมฆาสวรรค์…ในตำนานท่านนั้นหรือ”
เฮ่อจื่อจี้มองภาพฉากนี้อย่างตกตะลึง พึมพำเสียงต่ำ
แม้พวกเขาจะไม่เคยไปอาณาจักรเสิ่นซวี่ ทว่าตั้งแต่หลายเดือนนี้เป็นต้นมา ข่าวลือเกี่ยวกับทั้งสองคนนี้ ก็แพร่สะพัดมาอยู่ในท่ามกลางประดาผู้ฝึกตนทั้งหลายอยู่ก่อนแล้ว
อันที่จริงข่าวคราวนี้ คนของถ้ำปีศาจทมิยังเป็นฝ่ายเผยแพร่ออกไปในตอนแรกเริ่มด้วย
ในยามนั้นเป้าหมายหลักในการทำเช่นนี้ ก็คือเพื่อดึงดูดผู้ฝึกตนอัจฉริยะเหล่านั้นให้มายังเมืองอวิ๋นโจว เข้าร่วมการทดสอบยุทธ์
พวกเขาเองก็คิดไม่ถึงว่า ฉู่หลิวเยว่และหรงซิว จะถึงกับปรากฏตัวขึ้นที่นี่จริง!
เมื่อคิดถึงว่าก่อนหน้านี้พวกเขาอยู่ร่วมสถานที่เดียวกันกับทั้งสองท่านนี้เนิ่นนานถึงเพียงนั้น กระทั่งยังเป็นหนี้บุญคุณช่วยเหลือพวกเขา…
พี่น้องเฮ่อจื่อจี้สองคนอดไม่ได้ที่จะสบตากันปราดหนึ่ง ต่างล้วนมองเห็นความตกตะลึงและไม่อยากเชื่อในดวงตาของอีกฝ่าย
“มิน่าเล่าพละกำลังของนางถึงได้แข็งแกร่งปานนั้น…”
เฮ่อจื่อจี้เอ่ยขึ้นมาเสียงต่ำอย่างไม่รู้ตัว
ช่างบังเอิญที่ก่อนหน้านี้พวกเขายังพูดถึงองค์หญิงใหญ่อยู่ตรงสองคนนั้น กลับไม่คิดว่า…องค์หญิงใหญ่ตัวจริงนั้น จะอยู่ตรงหน้าพวกเขา!
เมื่อเห็นว่าผู้อาวุโสลำดับห้ายังคงมีท่าทางโมโหโทโส ฉู่หลิวเยว่ก็ยิ้มตาหยีแล้วเอ่ยปลอบ
“แต่ว่า ผู้อาวุโสห้าท่านก็ไม่ต้องกังวลใจนัก เรื่องยุ่งยากเหล่านั้นล้วนคลี่คลายแล้ว หนานอีฝานนั้นตายไปแล้ว ส่วนอี้เหวินเทา…”
“เขาก็ตายไปแล้ว ถ้าเดาไม่ผิด น่าจะเมื่อสักครู่นี้”
หรงซิวเอ่ยเสริม
ฉู่หลิวเยว่เลิกคิ้วขึ้นเล็กน้อย มองเขาปราดหนึ่ง
ในเมื่อหรงซิวพูดขนาดนี้แล้ว เช่นนั้นก็น่าจะแปดเก้าไม่ห่างสิบแล้ว
ดูท่าแล้วคืนวันหลังจากที่อี้เหวินเทากลับไป คงจะยากลำบากไม่ธรรมดา กระทั่งภายในชั่วระยะเวลาสั้นๆ ถึงเพียงนี้ ก็เสียชีวิตแล้ว…
จวินจิ่วชิงยังนับว่ามีฝีมือ
ฉู่หลิวเยว่ลอบคิดในใจอย่างเงียบงัน
สามารถก้าวขึ้นมาอยู่ในตำแหน่งเจ้าตระกูลอี้ด้วยฐานะของคนนอกสกุล เดิมทีก็ไม่ธรรมดาแล้ว
ได้ยินเช่นนี้ ผู้อาวุโสลำดับห้าถึงค่อยสงบเพลิงโทสะลงหลายส่วนในที่สุด
ปีนี้ ช่างเป็นปีที่สุนัขตัวใดก็ล้วนกล้าลงมือกับพวกนางหนูเยว่เออร์จริงๆ เลย!
คิดกันไปเองจริงๆ หรือว่าพอพวกเขาถูกขังอยู่ที่ทะเลทรายจันทราสีชาดแล้ว ก็ไม่อาจพยุงเอวให้นางหนูเยว่เออร์ได้แล้วอย่างนั้นรึ!
แววตาเขาครึ้มเข้ม เอ่ยถามอย่างชัดถ้อยชัดคำ
“มั่วสือเชียน เจ้าคิดอยากจะแย่งสิ่งใดไปจากนางหนูเยว่เออร์นะ!”