ยอดหญิงลิขิตสวรรค์ - ตอนที่ 2027 ความลับ
ตอนที่ 2027 ความลับ
………………..
ผู้อาวุโสลำดับห้าอ้าปากเล็กน้อย เดิมคิดอยากจะพูดอะไรสักหน่อย วาจาถึงข้างปากแล้ว ทว่าก็ลังเลอยู่หลายครา แล้วกลืนก็กลับลงไป
“…เรื่องนี้ พวกเราค่อยหาเวลาคุยกันอีกครั้งเถิด เวลานี้ คลี่คลายเรื่องของถ้ำปีศาจทมิฬนี้กันก่อน”
มั่วสือเชียนละทิ้งถ้ำปีศาจทมิฬแล้วหนีไป
ก่อนจะไป ยังต้องการชีวิตของคนในถ้ำปีศาจทมิฬเกือบครึ่งหนึ่งไปด้วย
อีกครึ่งที่เหลือนั้น แม้ยังล้วนมีชีวิตอยู่ แต่ก็ได้รับผลกระทบจากพลังของผู้อาวุโสลำดับห้าและมั่วสือเชียนอย่างต่อเนื่อง จึงได้รับบาดเจ็บกันไม่ก็น้อย
สิ่งที่สำคัญที่สุดก็คือ การกระทำนี้ของมั่วสือเชียน ก็ได้ทำลายอุดมการณ์และความเชื่อของพวกเขาไปจนหมดสิ้นแล้ว!
เศษสิ้นส่วนร่างกายและกระดูกเกลื่อนพื้น กลิ่นคาวโลหิตคละคลุ้ง ยอดเขาอันยุ่งเหยิงลูกนี้…
ทุกสิ่งทุกอย่าง ล้วนย้ำเตือนว่าเมื่อครู่นี้พวกเขาประสบพบเจอกับเรื่องอะไรเข้า
…ประมุขของพวกเขา ใช้การสละชีพของพวกเขาเป็นข้อแลกเปลี่ยน เพื่อเอาชนะจนได้รับมาซึ่งทางรอดชีวิตของตนเอง!
แม้ว่าพวกเขาจะล้วนเป็นผู้มีใจซื่อสัตย์ภักดี แม้ว่าพวกเขาจะเป็นผู้บุกน้ำลุยไฟ
แท้จริงแล้ว ในสายตาของมั่วสือเชียน ก็กลับเป็นเพียงแค่การดำรงอยู่ของมดแมลงเท่านั้น ไม่มีค่าอะไรเลยแม้แต่น้อย!
หากว่าเขาวางถ้ำปีศาจทมิฬและผู้คนในนั้นเอาไว้ในหัวใจสักหน่อย ย่อมไม่อาจทำเรื่องเช่นนี้ออกมาโดยเด็ดขาด!
เทียบกับความเสียหายทางร่างกาย การพังทลายของจิตวิญญาณและอุดมการณ์แล้ว นี่ทำให้ผู้คนจมอยู่ในความสิ้นหวังและย่อยยับได้ง่ายดายกว่านัก
ฉู่หลิวเยว่กวาดตามองไปรอบๆ คราหนึ่ง
ท่ามกลางคนที่เหลืออยู่เหล่านี้ มีหลายคนเป็นระดับเทพศักดิ์สิทธิ์ ส่วนคนที่เหลือโดยพื้นฐานแล้วล้วนเป็นระดับเหนือเทพ
ทว่าในเวลานี้ จิตใจของพวกเขาล้วนห่อเหี่ยวเหมือนกันหมด
ชัดแจ้งว่าไม่มีกำลังจะรบกันอีกต่อไป
ผู้อาวุโสลำดับห้าคิดคำนวณรอบหนึ่ง กรงโปร่งแสงนั่นพลันร่อนโต้ลมอย่างชำนาญ แล้วกักขังผู้คนที่เหลือของถ้ำปีศาจทมิฬเอาไว้ภายในอย่างแน่นขนัด!
ผู้อาวุโสลำดับห้ารู้ว่าพวกเขาทั้งมีคำถามมากมาย ดังนั้นหลังจากควบคุมคนเหล่านี้แล้ว ก็เสนอออกมาว่าต้องการสนทนากับพวกเขาเป็นการส่วนตัว
ฉู่หลิวเยว่พยักหน้าเล็กน้อย มองไปยังเชียงหว่านโจว
“เสี่ยวโจว เจ้าคอยดูพวกเขาอยู่ที่ไปก่อน นอกจากนี้ คนที่ด้านล่างเหล่านั้น ก็มอบให้เจ้าก่อนแล้ว”
เชียงหว่านโจวพลันพยักหน้าน้อมคำนับ
“ขอรับ”
แม้เขาจะนิ่งเงียบสงวนวาจานิสัยเย็นชามาโดยตลอด แต่ก็ชาญฉลาดอย่างยิ่ง รู้ว่าควรจะจัดการเรื่องเหล่านี้เช่นไร
แม้ก่อนหน้านี้จะได้รับบาดเจ็บ แต่พลังในการฟืนฟูของร่างเขาก็แข็งแกร่งมาก จึงไม่ได้ร้ายแรง
ฉู่หลิวเยว่ครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง แล้วตะโกนเอ่ยขึ้นอีกครา
“ถวนจื่อ”
ตรงหน้าวาบกะพริบแสงเรืองคราหนึ่ง ถวนจื่อเปลี่ยนจากสภาวะไร้ร่างจริงไปเป็นร่างมนุษย์
นางเชิดดวงหน้าน้อยๆ ขึ้น
“อาเยว่!”
“เจ้าช่วยดูอยู่ด้วยกันตรงนี้ก่อน”
ถึงอย่างไรเชียงหว่านโจวก็ได้รับบาดเจ็บอยู่ มีถวนจื่อเพิ่มมาอีกหนึ่ง ก็ถือว่ามีผู้รับรองเพิ่มมาอีกส่วนหนึ่ง
อันที่จริงถวนจื่อก็คาดเดาความคิดของนางเอาไว้แล้ว เวลานั้นจึงพยักหน้า และตอบรับในทันที
“เจ้าค่ะ!”
…
พวกฉู่หลิวเยว่สามคนก็มาถึงเหนือยอดเขาลูกนั้นที่มั่วสือเชียนปรากฏตัวขึ้นด้วยความรวดเร็วอย่างยิ่ง
นี่ก็คือตำแหน่งใจกลางสุดของทั้งถ้ำปีศาจทมิฬ
ในวันปกติ นอกยอดเขานี้จะมีเกราะคุ้มกันเขตแดนเอาไว้อยู่ นอกจากมั่วสือเชียนแล้ว คนที่เหลือล้วนไม่อาจเข้ามาที่แห่งนี้ได้ตามใจ
เหนือยอดเขา มีโถงตำหนักที่กว้างใหญ่ไพศาลอยู่ตำหนักหนึ่ง
ไม่ต้องถามก็รู้ว่าเป็นของมั่วสือเชียน
เพิ่งจะเข้าใกล้ กลิ่นอาบคาวโลหิตอ่อนจางระลอกหนึ่ง ก็แผ่ออกมาจากตรงกลาง
ฉู่หลิวเยว่ขมวดคิ้วเล็กน้อย
หรงซิวงอนิ้วดีดคราหนึ่ง เปลวเพลิงสีทองสายหนึ่งทะยานออกไปอย่างรวดเร็ว เปลี่ยนรูปร่างเป็นกระแสไฟเส้นหนึ่งอยู่รอบโถงตำหนัก โอบล้อมเอาไว้ภายใน
ตามการแผดเผาของเปลวไฟ เสียง ‘ซู่ๆ’ อันแปลกพิกลระลอกหนึ่งลอยมาไม่ขาดสาย
และสิ่งที่ตามมาด้วยกัน ก็ยังมีกลิ่นอันยากจะดอมดมขุมหนึ่งด้วย
ฉู่หลิวเยว่ยิ่งขมวดคิ้วแน่นขึ้น
ผู้อาวุโสลำดับห้าแค่นเสียงเย็นคราหนึ่ง
“ดูแล้วของสกปรกที่มั่วสือเชียนทิ้งเอาไว้ มีไม่น้อยเลยนะ”
หลังจากผ่านไปหนึ่งเค่อ เปลวเพลิงก็ค่อยๆ มอดดับลง
เมื่อสายลมอ่อนโบกพัดมา กลิ่นที่ทำให้คนยากจะทานทนขุมนั้น ก็นับว่าสลายหายไป
กลิ่นคาวโลหิตที่ตลบอบอวลมากับห้วงอากาศ ก็สูญสลายตามไปด้วย
หรงซิวเป็นฝ่ายก้าวไปข้างหน้าก่อน
ทั้งสามคนตรงเข้าไปยังใจกลางของโถงตำหนัก
…
เมื่อเดินเข้ามาในตำหนักใหญ่ ฉู่หลิวเยว่ก็กวาดตามองรอบหนึ่ง
เครื่องเรือน เครื่องตกแต่งทุกจุดในที่นี้ล้วนใกล้เคียงกับความหรูหราถึงที่สุด
สมบัติที่ไม่อาจเสาะหาได้จากด้านนอก กลับปรากฏให้อยู่ทุกที่ในนี้
สามารถมองเห็นได้ถึงความฟุ่มเฟือยในชีวิตประจำวันของเขา
ถ้าไม่ใช่ว่าครั้งนี้บังเอิญมาถึงที่นี่ พวกเขาก็ยังไม่รู้ว่าจะได้เผชิญหน้าประมือกับมั่วสือเชียนได้เมื่อใด
เขาซ่อนอยู่ที่นี่ มิดชิดอย่างแท้จริง
“ประวัติความเป็นมาของถ้ำปีศาจทมิฬนั้นไม่ขาดเงิน”
ผู้อาวุโสลำดับห้าส่งเสียงฮึคราหนึ่ง
“ปีที่ผ่านมานี้ ผู้ฝึกตนนับไม่ถ้วนได้รับคำยั่วยวนของพวกเขา คิดไปเองว่าขอแค่เข้าร่วมกับพวกเขา ก็จะสามารถรุ่งโรจน์เรืองรอง เพียงทะยานก็พุ่งทะลุฟ้า กลายเป็นสุดยอดผู้แข็งแกร่งของโลกหล้า จึงไม่เสียดายที่จะทำให้วงศ์ตระกูลล่มจมด้วยเหตุนี้ แล้วหยิบยื่นข้อแลกเปลี่ยนไร้สิ้นสุดออกมา โดยไม่รู้ว่า ที่แห่งนี้หาใช่แดนสุขแห่งการฝึกตนอันใด แต่เป็นอเวจีก็เท่านั้น!”
เขานับว่าค่อนข้างเข้าใจในถ้ำปีศาจทมิฬ
แม้จะไม่ได้เคยติดต่อกับพวกเขามาเนิ่นนานแล้ว แต่เพียงได้มองปราดหนึ่งในวันนี้ ยังคงเป็นเรื่องเดิมๆ
หลายปีถึงเพียงนี้ผ่านพ้นไปการ ‘สืบทอด’ ของถ้ำปีศาจทมิฬ กลับยังไม่ขาดสะบั้นมาโดยตลอด
ฉู่หลิวเยว่พยักหน้าเห็นด้วยอย่างคนที่คาดการณ์เอาไว้เช่นนี้อยู่แล้ว
อย่างอื่นไม่ต้องพูดถึง แต่ในเวลานี้ยามนี้ ผู้ฝึกตนหลายสิบคนที่ด้านนอก ไม่ใช่เพราะว่ามาด้วยเหตุผลนี้หรอกหรือ
“คนของปีศาจทมิฬแม้ไม่นับว่ามาก แต่พละกำลังก็คล้ายว่าล้วนจะไม่อ่อนแอ”
ฉู่หลิวเยว่นิ่งเงียบไปครู่หนึ่ง แล้วเอ่ยขึ้นอย่างสงสัยอยู่บ้าง
“ต่อให้นับว่าเป็นอัจฉริยะที่ตั้งใจเลือกสรรค์ แต่ก็ยังเหนือสามัญสำนักอยู่บ้าง…”
แม้แต่ตระกูลขุนนางทั้งสายอย่างพระราชวังเมฆาสวรรค์ ผู้แข็งแกร่งระดับเทพศักดิ์สิทธิ์ในตระกูล ก็ยังงอนิ้วนับได้
ส่วนถ้ำปีศาจทมิฬแห่งนี้ ผู้แข็งแกร่งระดับเทพศักดิ์สิทธิ์กลับคล้ายว่าจะพบเห็นได้บ่อยเป็นอย่างมาก
“แต่ ความสามารถของคนเหล่านี้ เหมือนว่าจะอ่อนแอกว่าผู้ฝึกตนทั่วไปในระดับเดียวอยู่เล็กน้อยขั้นหนึ่ง…”
ฉู่หลิวเยว่นึกถึงเหตุการณ์ตอนที่ประมือกับคนเหล่านี้ก่อนหน้านี้ขึ้นมา
หงอันนั้นช่างเถิด แต่โต้วหมิ่นผู้นั้น แม้เป็นผู้แข็งแกร่งระดับเทพศักดิ์สิทธิ์ แต่พลังที่สำแดงออกมานั้น กลับอ่อนด้อยกว่าที่คิด
ไม่ต้องพูดถึงตัวตนระดับหัวกะทิอย่างอี้เหวินเทาเช่นนั้น ก็เป็นระดับเทพศักดิ์สิทธิ์ทั่วไป เขาคล้ายว่าจะไม่อาจเทียบกันได้เท่าไรนัก
“ผู้ฝึกตนที่แท้จริงหรือ”
ความหมายนี้…หรือว่ากำลังหมายถึงคนเหล่านั้นของถ้ำปีศาจทมิฬ…
หรงซิวเชิดคางขึ้นเล็กน้อย
ตรงหน้าของพวกเขา มีกำแพงอันมโหฬารอยู่ผืนหนึ่ง
“ที่แท้แล้วเกิดเรื่องอันใดขึ้นกันแน่ เข้าไปก็รู้แล้ว”
สองด้านข้างของกำแพงนี้ มีประตูอยู่บานหนึ่ง
ประตูไม่ได้ลงกลอน เพียงผลักก็เปิด
ทว่าหากคิดให้ถี่ถ้วน กลับเข้าใจได้ไม่ยาก
เวลาส่วนใหญ่ ที่นี่น่าจะมีเพียงมั่วสือเชียนคนเดียว
เขาก็ไม่จำเป็นต้องกังวลว่าจะมีคนมายังที่นี่ ลอบบุกเข้าประตูหลัง
แอ๊ด…
ประตูบานนั้นเปิดออก หรงซิวเป็นฝ่ายเดินเข้าไปก่อน
ผู้อาวุโสลำดับห้าและฉู่หลิวเยว่ตามหลังไปติดๆ
ในตอนที่เห็นภาพฉากตรงหน้าชัดเจน ฉู่หลิวเยว่พลันตะลึงงัน
พื้นที่อยู่ด้านหลังกำแพง กว้างขวางอย่างยิ่ง ไม่มีสิ่งของเกินความจำเป็นใดๆ เลย
นอกเสียจาก…แผนผังแบบจำลองทรายถาดหนึ่งที่ตั้งอยู่ตรงกลาง!