ยอดหญิงลิขิตสวรรค์ - ตอนที่ 2029 เพียงเจ้าต้องการ
ตอนที่ 2029 เพียงเจ้าต้องการ
………………..
เห็นผู้อาวุโสลำดับห้ายืนกรานเช่นนี้ ฉู่หลิวเยว่ก็ทำได้เพียงตอบรับ
“เช่นนั้น… ข้าจะรอข่าวจากพวกท่าน”
ผู้อาวุโสลำดับห้าลอบผ่อนลมหายใจ
“อืมๆ และก็เป็นช่วงเวลานี้พอดี ที่เจ้าสามารถเตรียมของไว้ก่อนได้ ตัวข้านั้นยังดี ทว่าหลานเซียวมีปัญหาเล็กน้อย เจ้าก็รู้ว่าเขาจู้จี้เรื่องใบหน้าของตนเองอย่างมากมาโดยตลอด หากเขาหลอมร่างศักดิ์สิทธิ์ละก็ วัตถุดิบที่จำเป็นต้องใช้นั้นไม่น้อยเลยจริงๆ…”
จากนั้น เขาก็เอ่ยชื่อวัตถุดิบสมุนไพรที่จำเป็นจำนวนหนึ่ง
หัวคิ้วของฉู่หลิวเยว่คลายออก
“ท่านวางใจ ของเหล่านี้ ล้วนมีอยู่ที่ท่าเรือดอกท้อฝั่งนั้น”
ผู้อาวุโสลำดับห้าในเวลานี้ถึงได้พยักหน้าน้อยๆ อย่างวางใจลงได้อย่างใดอย่างนั้น
“เช่นนั้นเรื่องนี้ ก็ตกลงตามนี้ไปก่อนแล้วกัน”
ฉู่หลิวเยว่ก็ย่อมเห็นด้วยเช่นกัน ทว่าเวลานี้ยังมีเรื่องน่าปวดเศียรเวียนเกล้าอยู่อีกเรื่องหนึ่ง
“แล้วลมปราณสายนี้ของท่าน…”
ต่อให้เขาเป็นสุดยอดผู้แข็งแกร่ง ลมปราณสายหนึ่งเช่นนี้ ก็จำเป็นต้องพึ่งพาวัตถุบางอย่าง ถึงจะเก็บรักษาเอาไว้ได้โดยสมบูรณ์
แดนสวรรค์โลหิตไม่มีแล้ว ก็จำเป็นต้องเสาะหาของชิ้นถัดไปให้เร็วที่สุด
ผู้อาวุโสลำดับห้าโบกมือเล็กน้อยอย่างค่อนข้างจะไม่ใส่ใจ
“เรื่องนี้ไม่สำคัญ เพียงแค่เป็นอาวุธศักดิ์สิทธิ์ระดับเทพศักดิ์สิทธิ์ก็ได้แล้ว”
เขารู้ว่า ด้วยชาติตระกูลของฉู่หลิวเยว่และหรงซิว อาวุธศักดิ์สิทธิ์ระดับเทพศักดิ์สิทธิ์ชิ้นหนึ่งนั้น ย่อมหามาได้
แต่สิ่งที่ฉู่หลิวเยว่กังวลมิใช่เรื่องนี้
นางลังเลครู่หนึ่ง แต่ก็ยังเอ่ยออกมา
“ผู้อาวุโสห้า อาวุธศักดิ์สิทธิ์ระดับเทพศักดิ์สิทธิ์ ทางข้าฝั่งนี้มีไม่น้อย แต่ว่า… ต่อให้ท่านซ่อนตัวอยู่ภายในนั้น แล้วจะกลับไปยังทะเลทรายจันทราสีชาดได้อย่างใดเล่า”
“นี่…”
เขาขมวดหัวคิ้วขึ้นมาอย่างปวดศีรษะอยู่บ้าง
“ให้ข้าคุ้มกันท่านกลับไป”
เสียงอันทุ้มต่ำไพเราะของหรงซิวลอยมา
ฉู่หลิวเยว่และผู้อาวุโสลำดับห้ามองไปยังเขาพร้อมกัน
หรงซิวแย้มยิ้มอ่อนบาง
“น่าจะไม่มีผู้ที่เหมาะสมยิ่งกว่าข้าให้เลือกแล้ว ผู้อาวุโสห้า ท่านว่าอย่างใด”
ฉู่หลิวเยว่ตระหนักได้ในบัดดล
ใช่แล้ว
หรงซิวในตอนนี้ก็เป็นผู้แข็งแกร่งระดับเทพศักดิ์สิทธิ์แล้ว เขาสามารถไปทะเลทรายจันทราสีชาดได้แน่นอน
ผู้อาวุโสลำดับห้าพลันพยักหน้า
“ใช่ๆ! เจ้าไปด้วยกันได้!”
หัวใจที่กำลังเป็นห่วงอยู่ของฉู่หลิวเยว่เองก็วางลงแล้วเช่นกัน
มีหรงซิวร่วมทาง น่าจะไม่เกิดปัญหาอันใด
หากนางคิดจะไปทะเลทรายจันทราสีชาด ก็ต้องรอให้ภัยบุหลันพ้นไป หรือไม่ก็ต้องทะลวงระดับขั้นเทพศักดิ์สิทธิ์
เทียบกันแล้ว อย่างแรกทำสำเร็จได้ง่ายกว่า
ก่อนหน้านี้ไม่นานนางเพิ่งหลอมร่างศักดิ์สิทธิ์ออกมาได้ เวลานี้หากคิดอยากจะข้ามธรณีประตูของระดับขั้นเทพศักดิ์สิทธิ์ มันก็เป็นการพูดเกินจริงไปหน่อยจริงๆ
เนื่องจากมองออกว่านางยังไม่สงบใจลงดีอยู่บ้าง ผู้อาวุโสลำดับห้าจึงเอ่ยปลอบ
“นังหนูเยว่เออร์ อันที่จริงแล้วเจ้าก็ไม่ต้องกังวลเกินไปนัก อาศัยพรสวรรค์ของเจ้า ใช้เวลาเพียงไม่นาน ก็ทะลวงระดับขั้นเทพศักดิ์สิทธิ์ได้แน่!”
ฉู่หลิวเยว่พลันยกยิ้มคราหนึ่งอย่างอดไม่ได้
“ท่านประเมินค่าข้าสูงจริงๆ”
แต่ไหนแต่ไร พวกพี่เป่าล้วนเอ็นดูนางเป็นพิเศษ เช่นเดียวกัน ความคาดหวังก็สูงล้ำ
เรื่องมากมายที่คนอื่นดูแล้วไม่อาจทำได้เลย พวกเขากลับคล้ายคิดว่านางสามารถทำได้
แน่นอน นางก็ล้วนทำได้ทั้งหมดจริงๆ
แม้ระหว่างนั้นจะได้รับความลำบากไม่น้อย แต่เวลานี้คิดๆ ดูแล้ว ก็ได้ประโยชน์อย่างยิ่ง
นางผินหน้าเล็กน้อย มองหรงซิวคราหนึ่งอย่างราวกับว่ากำลังคิดอันใดอยู่
จะว่าไปแล้ว ตลอดเส้นทางการฝึกตนนี้ของหรงซิว ก็ล้วนคล้ายว่าจะราบรื่นเป็นอย่างมากมาแต่ไหนแต่ไรแล้ว
เมื่อหลายปีก่อน เขาก็ทะลวงระดับเหนือเทพแล้ว ทั้งยังครอบครองร่างศักดิ์สิทธิ์สองสาย
และก่อนหน้านี้ไม่นาน เขาก็ทะลวงระดับขั้นเทพศักดิ์สิทธิ์ได้ที่สุสานสังหารเทพ!
ช่วงอันยากลำบากดั่งขึ้นสวรรค์สำหรับผู้ฝึกตนนับหมื่นพัน ล้วนถูกเขาข้ามผ่านไปได้อย่างสบาย
ฉู่หลิวเยว่ยังไม่เคยเห็นหรงซิวเป็นกังวลในฐานะผู้ฝึกตนมาก่อน
ราวกับว่าเพียงแค่เขาต้องการ เขาก็สามารถทะลวงระดับได้!
ความคิดนี้เพิ่งจะวาบผ่านห้วงความคิดไป ฉู่หลิวเยว่ก็หัวเราะเสียงหนึ่งอย่างอดไม่ได้
หรงซิวเอ่ยถามอย่างสนใจ
“เยว่เออร์กำลังหัวเราะเรื่องอันใดหรือ”
ดวงตาของฉู่หลิวเยว่พร่างประกายสุกใส เอ่ย
“ข้ากำลังคิดว่า… เวลานี้ทุกคนล้วนบอกว่าพรสวรรค์ข้าล้ำเลิศ ระดับเหนือเทพสามารถรบกับระดับเทพศักดิ์สิทธิ์ได้! แต่พวกเขากลับไม่รู้ว่า พรสวรรค์ของเจ้าเทียบกับข้าแล้ว… เกรงว่าจะมีแต่แข็งแกร่งไม่อ่อนด้อย”
นางพลันเข้าประชิดเขาเล็กน้อย ยิ้มเย้าขณะเอ่ยถาม
รอยยิ้มของหรงซิวลึกขึ้นเล็กน้อย ลูบศีรษะของนางอย่างแผ่วเบา
“พูดไร้สาระอันใดกัน”
เดิมฉู่หลิวเยว่ก็เพียงอยากหลอกล้อเท่านั้น พลันยักไหล่เล็กน้อย คิ้วตาเองก็โค้งขึ้นเล็กน้อย
แววตาของหรงซิววาวโรจน์ มองไปยังแผนผังแบบจำลองทรายถาดนั้นใหม่อีกครา แล้วเอ่ย
“ก็ไม่รู้ว่าครั้งนี้มั่วสือเชียนหนีไปที่ใดอีก…”
ฉู่หลิวเยว่ได้ยินวาจานี้ ในใจก็เคร่งขรึมขึ้นเล็กน้อย
กายเนื้อของมั่วสือเชียนแหลกสลายไปแล้ว เหลือเพียงดวงวิญญาณสายหนึ่ง นี่ยิ่งสืบหาได้ยากเลย
ภายนอกอาณาจักรเสิ่นซวี่ ฟ้าดินไพศาล ผู้ใดจะรู้ว่าก้าวต่อไปจะไปทำอันใด
นางมองตามสายตาของหรงซิวไป จู่ๆ แววตาก็ชะงักค้างเล็กน้อย
“นี่คือ…”
นางเดินเข้าไปเล็กน้อย ถึงได้มองเห็นว่าเหนือยอดเขาที่ถูกถล่มลูกนั้น ดวงแสงสีโลหิตที่เดิมทีกะพริบวาบเรืองรอง อ่อนจางลงแล้ว
ส่วนด้านข้างยังมีอีกจำนวนหนึ่ง ก็เป็นเช่นเดียว
แสงเรืองรองอ่อนจาง ไร้โอกาสรอดชีวิต
“พลังยุทธ์ของมั่วสือเชียน น่าจะขึ้นอยู่กับผังจำลองทรายนี้ด้วย”
ผู้อาวุโสลำดับห้าก็เดินเข้ามาด้วย แล้วเอ่ยเสียงต่ำ
“พูดให้ถูกก็คือ คนทั้งถ้ำปีศาจทมิฬ ล้วนเป็นเช่นนี้”
ฉู่หลิวเยว่ย้อนนึกไปถึงทุกสิ่งที่เกิดขึ้นก่อนหน้านี้ ราวกับว่ากำลังคิดอันใดอยู่
“พวกเขาวางค่ายกลเอาไว้ทุกที่ ใช้ลูกไม้ต่างๆ ดึงดูดผู้ฝึกตนเหล่านั้นเข้ามาภายใน สุดท้ายก็กลืนกินพลังของพวกเขาอีกครา เพื่อเพิ่มพูนพลังยุทธ์ของตนเองอย่างนั้นหรือ”
ผู้อาวุโสลำดับห้าพยักหน้าด้วยสีหน้าจริงจัง
“ไม่ผิด พลังของพวกเขา แทบจะล้วนมีต้นกำเนิดมาจากเรื่องนี้!”