ยอดหญิงลิขิตสวรรค์ - ตอนที่ 2033 ฝีมือ
ตอนที่ 2033 ฝีมือ
………………..
หรงซิวหยิบไม้บรรทัดสีดำออกมา
บนไม้บรรทัดสีดำนั้นมีแสงสว่างวาบ เงาร่างมายาร่างหนึ่งปรากฏแก่สายตา
เมื่อเปรียบเทียบกับก่อนหน้านี้ เงาร่างที่อยู่ตรงหน้าเขานี้ดูโปร่งแสงอย่างมาก ลมปราณก็แผ่วเบา
หากมีลมกระโชกแรง เงาร่างนี้อาจจะถูกพัดปลิวไปได้
เขามองไปด้านหน้าด้วยสีหน้าจริงจัง แล้วขมวดคิ้วแน่น
“ผู้อาวุโสห้า”
หรงซิวประสานหมัดทำความเคารพ
“เส้นทางนี้อันตรายมาก อย่างใดก็ให้ข้าเป็นคนไปส่งท่านเถอะ”
ผู้อาวุโสห้าส่ายหน้า
“ไม่จำเป็น เจ้ามาส่งข้าที่นี่แล้ว ไม่จำเป็นต้องมาเสี่ยงอันตรายอีก ด้วยระยะทางเท่านี้ ข้าสามารถหาทางกลับไปเองได้ ยิ่งไปกว่านั้น ข้าเป็นเพียงแค่ลมปราณสายหนึ่ง ต่อให้กลับไปไม่ได้แล้ว มันก็ไม่มีอันใดเสียหาย หลังจากถูกขังอยู่ในกระจกโลหิตสวรรค์เป็นพันปี ข้าก็ไม่เคยคิดว่าจะได้ออกมาอีกครั้ง”
ริมฝีปากบางของหรงซิวยกขึ้นเป็นรอยยิ้ม
“ท่านแค่บาดเจ็บสาหัส หากลมปราณสายนี้ได้พักฟื้น อาการของท่านก็จะดีขึ้น”
ต้องบอกก่อนว่า เมื่อไม่มีกายเนื้อ และพลังของเขาถูกใช้ไปอย่างต่อเนื่องจนแทบจะหมดลงแล้ว
มีแต่การอาศัยอยู่ที่ทะเลทรายจันทราสีชาดเท่านั้นถึงจะสามารถทำให้เขาอยู่รอดได้
แต่ครั้งนี้ภัยบุหลันกำลังคืบคลานเข้ามา สถานการณ์ของพวกเขาทั้งสามคน น่าจะไม่ได้ดีเท่าไร
ผู้อาวุโสห้ายังคงส่ายหน้าเช่นเดิม พร้อมจ้องหน้าเขาตาเขม็ง
“ปกป้องนังหนูเยว่เออร์ให้ดี”
ในดวงตาหงส์ที่ลึกล้ำของหรงซิวมีแสงสว่างวาบขึ้นมา
“หรงซิวทราบ”
“กลับไปเถอะ!”
ผู้อาวุโสห้าโบกมือ จากนั้นก็สาวเท้าขึ้นเดินไปด้านหน้า
แผ่นหลังของเขาจางหายไปอย่างรวดเร็ว
หรงซิวยืนนิ่งเงียบอยู่ที่เดิมครู่หนึ่ง คลื่นความร้อนที่หอบมาพร้อมกับลมจากทะเลทรายก็สาดซัดเข้าใส่
เขาเลิกคิ้วกระบี่ขึ้น แล้วหมุนตัวเดินจากไป
…
อีกด้านหนึ่ง ฉู่หลิวเยว่พาทุกคนเดินผ่านม่านประตูมาแล้ว ตอนนี้พวกเขากำลังจะเข้าไปในอาณาจักรเสิ่นซวี่!
ทันทีที่ก้าวผ่านเข้ามา พลังแห่งสวรรค์และโลกที่เข้มข้นก็พวยพุ่งขึ้น
ทุกคนประหลาดใจมาก
“อาณาจักรเสิ่นซวี่นี่สมคำร่ำลือจริงๆ !”
“ใช่แล้ว! หากข้าสามารถบำเพ็ญเพียรในสถานที่เช่นนี้ได้ เกรงว่าใช้เวลาแค่ไม่นานก็สามารถทะลวงด่านเลื่อนขั้นได้แล้ว!”
“เมื่อพูดถึงตรงนี้ ข้ารู้สึกโชคดีมากที่ได้เจอกับองค์หญิง…”
ฉู่หลิวเยว่ยิ้มออกมาเล็กน้อย
พรสวรรค์ของคนเหล่านี้ไม่เลวเลยจริงๆ เพราะพวกเขาติดอยู่ในสภาพแวดล้อมอย่างก่อนหน้านี้ ดังนั้นจึงทำให้ไม่สามารถทะลวงด่านได้
ตอนนี้เมื่อมาถึงอาณาจักรเสิ่นซวี่แล้ว ขอเพียงพวกเขาตั้งใจบำเพ็ญเพียร ไม่ว่าช้าหรือเร็วพวกเขาก็จะได้ทะลวงด่านเลื่อนขั้นแน่นอน
นางมองไปด้านหน้าด้วยสายตาแน่วแน่ ภาพทิวทัศน์ทั้งหมดสะท้อนเข้ามาในสายตาของนาง
ภาพตรงหน้าเป็นเทือกเขาสลับซับซ้อน
ภูเขาสูงตระหง่าน
เพียงแค่กวาดสายตามองก็จะเห็นว่า ทุกพื้นปกคลุมด้วยต้นไม้สูงเสียดฟ้า เขียวชอุ่ม
มีคนถามขึ้นมา
ดวงตาของฉู่หลิวเยว่วูบไหว ทันใดนั้นนางก็ยกมือขึ้น!
เปลวเพลิงสีทองคำชาดพุ่งออกมาจากกลางฝ่ามือของนาง!
โครม!
ตามด้วยเสียงกึกก้องกัมปนาท ทุกคนมองมาด้วยความตกใจ คาดไม่ถึงว่าม่านพลังโปร่งแสงที่อยู่ด้านบนจะสั่นสะเทือนอย่างรุนแรง!
… เทือกเขาแห่งนี้ถูกม่านพลังปกคลุมเอาไว้อย่างแน่นหนา!
แต่อย่างใดก็ตามม่านพลังนั้นไม่ได้มั่นคงมาก หลังจากผ่านไปสักพัก รอยร้าวสายหนึ่งก็ปรากฏขึ้น
จากนั้นตามมาด้วยเสียง “ตึง” ของม่านพลังที่แตกกระจาย!
พรึ่บ!
ทันใดนั้นเงาร่างจำนวนมากก็พุ่งตัวออกมาจากเทือกเขา!
ฉู่หลิวเยว่หรี่ตาลงเล็กน้อย จากนั้นก็เห็นว่าเงาร่างจำนวนมากเหล่านั้นกำลังพุ่งมาทางนี้!
“มันคือสัตว์อสูร!”
กลุ่มคนที่อยู่ด้านหลังตะโกนขึ้นอย่างตกใจ
“ไม่ใช่! มันคืออสูรศักดิ์สิทธิ์!”
อสรพิษทมิฬเจ็ดแฉก หงส์ฟ้าไป๋ฉี จิ้งจอกเทพพายุเหมันต์…
สัตว์เหล่านั้นคืออสูรศักดิ์สิทธิ์จริงๆ !
ส่วนสัตว์อสูรที่อยู่ด้านหลัง ฉู่หลิวเยว่กวาดสายตามองผ่านๆ คาดไม่ถึงว่าระดับต่ำสุดจะอยู่ในระดับเก้า
“อันตราย!”
ทุกคนตื่นตระหนกขึ้นมาในทันที
สัตว์อสูรจำนวนมากขนาดนี้ อย่างน้อยต้องมีร้อยกว่าตัว!
“ช้าก่อน”
เชียงหว่านโจวมองมาทางนางด้วยความประหลาดใจ เขาไม่เพียงแค่ไม่เห็นความกังวลใจบนใบหน้าของนาง แต่มุมปากของนางกลับเผยเป็นรอยยิ้มด้วย
ดูเหมือนว่านางมีแผนอยู่ในใจอยู่แล้ว…
หัวใจของเชียงหว่านโจวรู้สึกสงบขึ้นมา เขาจึงเดินถอยหลังกลับไปด้านหลังอีกครั้ง
ตอนที่สัตว์อสูรเหล่านั้นกำลังเข้ามาใกล้มากขึ้นเรื่อย!
บรรยากาศก็ตึงเครียดมากขึ้น
ทุกคนเงียบเสียงลงทันที พร้อมจดจ้องภาพเหตุการณ์ข้างหน้าตาเขม็ง
ด้านนอกอาณาจักรเสิ่นซวี่ สัตว์อสูรระดับเก้าถือว่าหาได้ยากมาก ส่วนอสูรศักดิ์สิทธิ์นั้นไม่จำเป็นต้องพูดถึงเลย
ตอนนี้พวกเขาเห็นว่าอสูรศักดิ์สิทธิ์จำนวนมากกำลังจะเข้ามาโจมตี ทุกคนจึงรู้สึกตื่นตระหนกมาก
แต่ในตอนที่เขาคิดว่าจะต้องถูกอสูรศักดิ์สิทธิ์เหล่านั้นล้อมโจมตีแน่นอน เขากลับเห็นว่าพวกมันหยุดชะงักไป
ในตอนนั้นระยะห่างของพวกมันกับฉู่หลิวเยว่ ห่างเพียงแค่สิบก้าวเท่านั้น
หลังจากนั้น…
สัตว์อสูรเหล่านั้นก็คุกเข่าลงกับพื้น!
ทุกคนรู้สึกมึนงงไป
นี่… นี่มันเกิดอันใดขึ้นอย่างนั้นเหรอ?
สัตว์อสูรเหล่านี้เหตุใดดูเหมือนจะเคารพและนับถือฉู่หลิวเยว่มาก?
“สัตว์อสูรเหล่านี้ถูกเลี้ยงดูจากถ้ำปีศาจทมิฬ”
ฉู่หลิวเยว่พูดขึ้นเสียงเบา
ทุกคนชะงักไป
ฉู่หลิวเยว่เดินขึ้นมาด้านหน้า
ฉู่หลิวเยว่หยุดยืนอยู่ตรงหน้าร่างสีโลหิตของเสือดาวลายเมฆสีชาด
มันคือเสือดาวตัวเมีย
ในปากของมันยังคาบก้อนกลมเอาไว้อยู่
คราบเลือดสีแดงไหลหยดลงมา
ฉู่หลิวเยว่คุกเข่าลงกับพื้นแล้วยื่นมือออกมา
เสือดาวลายเมฆสีชาดผงะถอยหลังไปหนึ่งก้าว แล้วเงยหน้ามองฉู่หลิวเยว่ด้วยความรวดเร็ว ในแววตาของมันมีความหวาดกลัวแฝงอยู่
ฉู่หลิวเยว่ชะงักไปเล็กน้อย แล้วหันกลับมามอง
ถวนจื่อมายืนอยู่ด้านข้างของนางตั้งแต่เมื่อใดไม่ทราบ ในตอนนี้นางกำลังซ่อมสิ่งที่อยู่ในปากของเสือดาวลายเมฆสีชาดด้วยความสงสัย
ฉู่หลิวเยว่กระแอมไอ
“ถวนจื่อ เจ้าถอยหลังออกไปหน่อย”
“อ่า? เหตุใดหรือ?”
ถวนจื่อหันมามองด้วยแววตากลมโตดำขลับราวกับองุ่น แล้วถามขึ้นอย่างไร้เดียงสา
ฉู่หลิวเยว่กุมหน้าผากของตัวเองอย่างช่วยไม่ได้
“เสือดาวลายเมฆสีชาดเป็นแค่อสูรศักดิ์สิทธิ์ธรรมดา เจ้ามายืนใกล้ขนาดนี้ มันก็ต้องตกใจน่ะสิ”
ถวนจื่อเป็นอสูรศักดิ์สิทธิ์ระดับบรรพกาล ต่อให้กลายร่างเป็นมนุษย์แล้ว ทั้งยังควบคุมลมปราณของตัวเอง แต่แรงกดดันที่แฝงอยู่ในสายเลือดก็ไม่สามารถปิดบังได้
เหตุผลที่สัตว์อสูรเหล่านี้เคารพนางมากขนาดนี้ หนึ่งเป็นเพราะเป็นคนเปิดม่านพลัง แล้วปล่อยพวกมันออกมา ส่วนอีกด้านหนึ่ง เพราะว่ามีถวนจื่ออยู่
ถวนจื่อ “…อ่า”
นางบุ้ยปากเล็กน้อย
“…ข้าก็แค่อยากดูเท่านั้น…”
เห็นได้ชัดว่านางพยายามระงับลมปราณของตัวเองมากที่สุดแล้ว!
ฉู่หลิวเยว่ไม่ได้สนใจนาง
ในฐานะที่นางเป็นนายน้อยเผ่าหงส์ทองคำทั้งยังสามารถเปิดเส้นชีพจรเส้นที่ห้าได้ แต่จนตอนนี้ยังไม่รับรู้ถึงความแข็งแกร่งและฐานะของตัวเอง ในเวลาส่วนใหญ่นางก็ยังทำตัวเป็นเด็กไม่รู้ความอยู่
แต่ว่าต่อให้เป็นแบบนั้นก็ไม่เป็นไร
ตอนนี้ถวนจื่อยังเด็กนัก นางควรจะไร้เดียงสาและบริสุทธิ์เช่นนี้
เมื่อเห็นว่าถวนจื่อถอยหลังไปแล้ว เสือดาวลายเมฆสีชาดจึงอ้าปากออกมา
ก้อนกลมๆ นุ่มนิ่มตกลงที่กลางฝ่ามือของฉู่หลิวเยว่
มันคือลูกเสือดาว เหมือนว่าจะเพิ่งคลอดได้ไม่นาน
ทว่าตรงคอของมันนั้นมีรอยบาดแผล
เลือดที่หยดลงมาเมื่อครู่นี้ก็หยดลงมาจากที่นั่น
ฉู่หลิวเยว่ขมวดคิ้ว
นี่คือฝีมือของคนจากถ้ำปีศาจทมิฬ