ยอดหญิงลิขิตสวรรค์ - ตอนที่ 2036 กลับมาแล้ว
ตอนที่ 2036 กลับมาแล้ว
………………..
หากจำไม่ผิดละก็ ก่อนหน้านี้เชียงหว่านโจวอยู่ที่ด้านนอกอาณาจักรเสิ่นซวี่มาโดยตลอด
เหตุใดตอนนี้ถึงอยู่ในระดับเทพขั้นสูงแล้วล่ะ?
ตามหลักการแล้ว มันไม่ควรจะเป็นเช่นนี้…
ริมฝีปากของเชียงหว่านโจวเม้มลงเล็กน้อย แต่เหลือบสายตามองเฉินอีโดยที่ไม่พูดอันใด
ฉู่หลิวเยว่หัวเราะขึ้นมา
“ใช่แล้ว ข้าเองก็แปลกใจเช่นกัน คิดไม่ถึงเลยว่าภายในระยะเวลาสั้นๆ เสี่ยวโจวจะสามารถทะลวงด่านสู่ระดับเทพขั้นสูงได้”
เขาเก็บซ่อนลมปราณของตัวเองเอาไว้อย่างดี หากเขาไม่ได้ต่อสู้กับมั่วสือเชียน เขาคงไม่เปิดเผยสถานะที่แท้จริงออกมา และฉู่หลิวเยว่คงคิดว่าเขาอยู่ในระดับเก้าขั้นสูงสุด
“แต่ว่าพรสวรรค์ของเสี่ยวโจวนั้นยอดเยี่ยมมาก อีกทั้งเขายังได้รับโอกาส ซึ่งข้าก็คิดอยู่แล้วว่าเขาจะสามารถทำเรื่องเหล่านี้ได้”
ฉู่หลิวเยว่พูดเสียงเบา
ความจริงแล้วนางก็รู้ว่าเหตุใดเฉินอีถึงสงสัยเช่นนี้ เพราะนางเองก็รู้สึกสงสัยด้วยเช่นกัน
แต่นางรู้ว่า ร่างกายของเชียงหว่านโจวแตกต่างจากคนผู้อื่น
ภายในร่างกายของเขามีพลังที่น่าสะพรึงกลัวถูกปิดผนึกอยู่
ก่อนหน้านี้นางเคยช่วยปลดปล่อยไปได้เพียงบางส่วนเท่านั้น แต่ความแข็งแกร่งของเขาก็เพิ่มขึ้นสูงมาก และเขาน่าจะพึ่งพลังนี้จนสามารถทะลวงด่านสู่ระดับเทพขั้นสูง
หลังจากกลับไปแล้ว นางจะต้องถามอีกฝ่ายให้ละเอียด
เฉินอีพยักหน้า และไม่ได้ซักไซ้อันใดต่อ
“นายท่านพูดมีเหตุผล ถ้าอย่างนั้นพวกเรากลับกันเถอะ”
ฉู่หลิวเยว่หันกลับไปมอง
คนเหล่านั้นยังพอทำเนา แต่สัตว์อสูรเหล่านี้… พวกมันมีจำนวนมากเกินไป
เหมือนกับสามารถเห็นความกังวลใจของนาง เฉินอีจึงกล่าวขึ้นมาว่า
“นายท่านวางใจเถอะ แม้ว่าค่ายกลเคลื่อนย้ายนี้พวกเราทั้งสองคนเพิ่งจะสร้างมันขึ้นมา แต่มันก็แข็งแรงเพียงพอ ทั้งยังสามารถส่งทุกคนกลับไปได้ โดยไม่น่าจะมีปัญหา”
เมื่อได้ยินดังนั้น ฉู่หลิวเยว่ก็รู้สึกโล่งใจ
“ได้”
…
คนกลุ่มหนึ่งพร้อมสัตว์อสูรจำนวนมาก เดินก้าวเข้าไปในค่ายกลเคลื่อนย้าย
และก็เป็นอย่างที่เฉินอีพูดจริงๆ แม้ว่าค่ายกลเคลื่อนย้ายนี้เพิ่งถูกสร้าง แต่มันก็แข็งแรงมาก
สามารถขนส่งคนและสัตว์อสูรจำนวนมากกลับมาได้อย่างมั่นคงปลอดภัย
ภายในพื้นที่ที่มืดมน ไข่มุกประธีปหลายเม็ดค่อยๆ สว่างขึ้นอย่างเงียบเชียบ แสงสว่างจางๆ สาดกระจายออกมา
ฉู่หลิวเยว่หันไปมองทางเฉินอีอย่างครุ่นคิด
เมื่อสัมผัสได้ถึงสายตาที่จ้องมองมา เฉินอีก็หันกลับมามอง
“นายท่านอยากจะถามอันใดหรือ?”
ฉู่หลิวเยว่พยักหน้า แล้วพูดขึ้นมาอย่างลังเล
“เฉินอี ข้าจำได้ว่าเจ้าถนัดค่ายกลฉีเหมินตุ้นเจี่ย*ไม่ใช่หรือ? เจ้ามาศึกษาค่ายกลอย่างลึกซึ้งแบบนี้ตั้งแต่เมื่อใด”
มันไม่ใช่แค่เรื่องเหล่านี้
เฉินอียิ้มออกมาบางๆ
ใบหน้าที่เคยสงบราบเรียบ ตอนนี้ประดับด้วยรอยยิ้มบางๆ ทำให้ใบหน้าของเขาดูมีชีวิตชีวาขึ้น
“นายท่าน ข้าก็เป็นผู้บำเพ็ญเพียรแบบนายท่านเช่นเดียวกัน”
หากจะบอกว่านั่นเป็นสิ่งที่เขาถนัดก็ไม่ใช่เรื่องโกหก
แต่เขาก็ไม่เคยพูดว่า เขาถนัดเพียงอย่างเดียว
นางชะงักไปเล็กน้อย
คำพูดของเฉินอีนั้นถูกต้อง
เมื่อลองคิดดูดีๆ แล้ว เขาก็เป็นคนสอนสือซานเกี่ยวกับเรื่องเหล่านี้ไม่ใช่หรือ?
ในบรรดาผู้พิทักษ์สิบสามเยว่ พวกเขาก็ให้ความเคารพเฉินอีที่สุด
นี่คือโลกที่คู่แข่งแกร่งเป็นผู้นำ พวกเขาไม่ได้คำนับกันแค่ความอาวุโส ดังนั้นพวกเขาจึงเคารพเฉินอีมาก
เพราะว่าเขาคนนั้นแข็งแกร่งมากเพียงพอ!
ฉู่หลิวเยว่ลูบปลายคางตัวเอง
นางเคยคิดว่านางรู้จักเฉินอีดีมากพอ แต่ดูจากตอนนี้แล้ว… บางทีสิ่งที่นางเห็นอาจจะเป็นแค่ส่วนปลายยอดภูเขาน้ำแข็งก็ได้
แต่ว่าความจงรักภักดีที่เฉินอีมีต่อนางนั้นก็ไม่อาจโต้แย้งได้
นางยิ้มออกมาอย่างปล่อยวาง ดวงตาเปล่งประกาย
“จะว่าไปแล้วก็ใช่ วันหน้าพวกเราต้องมาเรียนรู้กันเพิ่มมากขึ้น!”
เฉินอีพยักหน้า
“เฉินอีจะรอคำชี้แนะจากนายท่าน”
…
ท่าเรือดอกท้อ
หลังจากที่หิมะตกหนัก ทุกพื้นที่ของท่าเรือดอกท้อก็ถูกปกคลุมด้วยสีเงิน
แต่ว่า ดอกท้อที่อยู่นอกเมืองกลับบานสะพรั่ง
กลีบดอกไม้สีชมพูขาวสวยสด ตัดกับสีหิมะเป็นอย่างมาก มันช่างงดงามราวภาพวาด
เรือนหลัง จวนเยว่
ซานซานกำลังนั่งอยู่ในห้อง มือข้างหนึ่งถือพู่กัน ตรงหน้าคือสมุดบัญชี และเขากำลังตรวจสอบมันอยู่
ใบหน้าเจ้าเนื้อประดับด้วยรอยยิ้มสดใส ดวงตาตี่เล็กคู่นั้นหยีลงด้วยความยินดี
“พี่สาม มีเรื่องอันใดน่าดีใจหรือ?”
ความจริงแล้ว เมื่อเห็นว่าซานซานกำลังถือสมุดบัญชีอยู่ สือซานก็สามารถคาดเดาได้แล้วว่าเหตุใดเขาถึงเป็นเช่นนี้ นี่ก็เป็นแค่คำถามเชิงนัยยะเท่านั้น
ซานซานได้ยินดังนั้นก็หัวเราะขึ้นมา ทั้งที่หน้ายังไม่เงยขึ้น
“เอ๋ สือซานเข้ามาแล้วหรือ? รีบนั่งสิ! พี่สามของเจ้ากำลังคิดบัญชีอยู่เลย!”
เขาพูดไปพลาง ถอนหายใจไปพลาง
“จุ๊ๆ พวกคนตระกูลใหญ่นี่มือเติบจริงๆ! แค่กำไรของช่วงไม่กี่วันนี้ก็ดีกว่าช่วงสามเดือนที่ผ่านมาเสียอีก!”
ไม่มีสำนักกระบี่ทมิฬคอยกดทับ กำไรทั้งหมดในตอนนี้จึงน่าประทับใจมาก!
แม้ว่านายท่านจะเลือกไปแค่ไม่กี่ร้าน แต่พวกเขาก็มาเจรจาด้วยความเป็นมิตร กอปรกับคุณภาพโอสถของท่าเรือดอกท้อนั้นยอดเยี่ยมมาก ดังนั้นจึงทำให้คนเหล่านั้นใจกว้างขึ้นเป็นพิเศษ
ช่วงนี้ซานซานจึงยุ่งมาก แต่เมื่อได้เห็นบัญชีเล่มนี้ เขาก็หายเหนื่อยเลย
สือซานถามขึ้นอย่างสงสัยว่า
“พี่สามไม่ต้องใช้ลูกคิดหรือ?”
“ใช้ลูกคิดแล้วมันช้าเกินไป!”
ในที่สุดซานซานก็ถอนสายตากลับออกมา แล้วหัวเราะขึ้น
“สือซานน้อยเอ้ย เจ้าอาจจะไม่รู้ ยิ่งข้าอ่านบัญชีมากเท่าไร ก็ยิ่งไม่ชอบใช้ลูกคิดมากเท่านั้น”
สือซานไม่รู้เรื่องนี้จริงๆ
แม้ว่าเขาจะติดตามนายท่านมานาน แต่เวลาส่วนใหญ่แล้วเขาก็จะอยู่แต่กับเฉินอี
ในบรรดาสิบสามผู้พิทักษ์เยว่ มีแค่ซานซานคนเดียวเท่านั้นที่ชอบทำบัญชีและหาเงิน
เขากับสือซานจึงไม่มีเวลาอยู่ร่วมกันมากนัก อีกทั้งสือซานยังเด็ก ซานซานจึงไม่อยากพูดเรื่องเรานี้ต่อหน้าเขา
ส่วนคนอื่นๆ …เขาก็ขี้เกียจเกินกว่าจะพูดมันออกมา
สือซานตอบสนองอย่างรวดเร็ว แววตาเต็มไปด้วยความชื่นชม
ซานซานชอบสายตาแบบนี้มาก
“ฮ่าๆ ความจริงแล้วก็ไม่ได้สุดยอดอันใดขนาดนั้น ของสิ่งนี้มันเป็นพรสวรรค์น่ะ พรสวรรค์!”
เขาลูบสมุดบัญชีในมือเบาๆ แล้วยิ้มตาหยีเล็กน้อย
“สือซานน้อย หลังจากทำกิจการเหล่านี้แล้ว ต่อจากนี้ไปจวนเยว่ของพวกเราต้องสามารถตั้งหลักภายในอาณาจักรเสิ่นซวี่ได้ ทั้งยังสามารถยืนได้อย่างมั่นคง! หลังจากนี้เจ้าอยากจะทำอันใดก็มาบอกพี่สามได้เลย!”
ซานซานพูดได้มีมาดคนรวยมาก
แต่นั่นก็เป็นเพราะว่าเขามีความมั่นใจ
การต่อสู้ของฉู่หลิวเยว่และอี้เหวินเทาเป็นการเชือดไก่ให้ลิงดู ทำให้ทุกคนรู้ว่าไม่ควรมายั่วโมโหท่าเรือดอกท้อ
ส่วนกิจการของเขานั้นก็เอื้ออำนวยต่อการสร้างความสัมพันธ์กับตระกูลระดับสูง
มีเพื่อนมากขึ้น ก็มีลู่ทางมากขึ้น
ไม่รู้ว่าจะมีอีกสักกี่คนที่ต้องการปีนเข้ามาในจวนเยว่
ท้ายที่สุดแล้วแม้จวนเยว่จะเพิ่งก่อตั้งขึ้นมา แต่เบื้องหลังกลับยิ่งใหญ่มาก
ตอนนี้ในอาณาจักรเสิ่นซวี่มีใครจะกล้ามายั่วโมโหพวกเขาบ้าง?
อีกทั้งเพื่อให้พัฒนาไปเป็นตระกูลระดับสูง นอกจากจะมีผู้แข็งแกร่งก็ยังต้องมีทรัพยากรที่เพียงพอ
ก่อนหน้านี้ซานซานยังคงเก็บเงินเอาไว้เล็กน้อย แต่คิดไม่ถึงว่านายท่านจะเคลื่อนไหวอย่างยิ่งใหญ่เช่นนี้
ขณะนี้ภายในจวนเยว่มีคนจำนวนมาก แต่ละฝ่ายล้วนจะต้องมีค่าใช้จ่าย ซึ่งค่าใช้จ่ายนั้นก็ไม่น้อยเลย
แต่ยังดีที่ตอนนี้มีอนาคตสดใส
“เอ๋ จริงสิ สือซาน เจ้ามาหาพี่สามเหตุใดน่ะ?”
สือซานนึกขึ้นได้ในทันที
“อ่า จริงสิ! ข้ามาที่นี่เพื่อจะแจ้งกับพี่สามว่า… นายท่านกลับมาแล้ว!”