ยอดหญิงลิขิตสวรรค์ - ตอนที่ 2038 สุสาน
………………..
ด้านหลังของฉู่หลิวเยว่มีฝูงสัตว์อสูรจำนวนมากมาปรากฏกายตั้งแต่เมื่อใดไม่ทราบ!
สัตว์อสูรหลากหลายชนิดจำนวนนับไม่ถ้วน สายตาที่มองมาทางนี้เต็มไปด้วยความสงสัย ประหลาดใจ ตื่นเต้น ยินดี…
อาจจะเป็นเพราะถวนจื่อยังยืนอยู่ตรงนี้ พวกมันจึงไม่กล้าเข้ามาใกล้มาก พวกมันจึงได้แต่ยืนรวมตัวกันอยู่ด้านหลัง
แต่ก็สามารถมองออกได้ว่า พวกมันมีจำนวนเยอะมาก!
มุมปากของซานซานกระตุกอย่างแรง
“นายท่าน ครั้งนี้ท่าน…ทำอันใดลงไปกันแน่?”
เหตุใดถึงพาสัตว์อสูรจำนวนมากขนาดนี้มาด้วย?
อีกทั้งในจำนวนนั้นยังมีอสูรศักดิ์สิทธิ์จำนวนมากด้วย!
ฉู่หลิวเยว่หันกลับไปมอง น้ำเสียงของนางสูงขึ้นเล็กน้อย
“เกิดอันใดขึ้นหรือ? ข้าบอกให้พวกเจ้ารออยู่ข้างนอกไม่ใช่หรือ?”
เมื่อได้ยินดังนั้น สัตว์อสูรทุกตัวก็ถอยหลังหนึ่งก้าวอย่างเชื่อฟัง
หลังจากอยู่ด้วยกันมาสักพักหนึ่ง พวกมันก็รู้จักฉู่หลิวเยว่มากขึ้น และรู้ว่านางไม่ได้โกรธจริงๆ กอปรกับเหตุผลหลายประการ พวกมันจึงรู้สึกสนิทสนมกับฉู่หลิวเยว่เป็นพิเศษ ต่อให้ได้ยินคำตำหนิจากนาง พวกมันก็ยังรู้สึกยินดีเช่นเดิม และยังคิดจะขยับเข้ามาใกล้
แม้ว่าตอนนี้สัตว์อสูรหลายตัวจะสงบลงแล้ว แต่พวกมันก็ยังรวมตัวกันอยู่ไม่จากไปไหน
“นายท่าน ข้าได้จัดเตรียมที่พักสำหรับคนเหล่านั้นเรียบร้อยแล้ว”
ในตอนนั้นเอง เฉินอีก็เดินเข้ามา
ฉู่หลิวเยว่พยักหน้าอย่างเข้าใจ
“ถ้าอย่างนั้นก็ดีแล้ว”
พวกเขาทั้งหมดมีเพียงสิบกว่าคน และพื้นที่ว่างภายในท่าเรือดอกท้อก็มีจำนวนมาก ดังนั้นจึงจัดสรรให้พวกเขาได้โดยตรง
อีกทั้งพวกเขามีฝีมือและพรสวรรค์ที่ไม่เลว หลังจากมาถึงที่นี่พวกเขาก็สามารถปรับตัวได้อย่างรวดเร็ว ดังนั้นจึงไม่จำเป็นต้องกังวลอันใดมาก
“พี่ใหญ่!”
เมื่อซานซานเห็นเฉินอี น้ำตาคลอเบ้า ท่าทางไม่ได้รับความเป็นธรรมมาก
เฉินอีเหลือบสายตามามอง สีหน้าของเขาดูไม่แยแสสนใจ
“ถ้ายังไม่อาบน้ำ ห้ามเข้าใกล้ข้าแม้แต่ครึ่งก้าว”
ซานซาน “???”
พี่ใหญ่!
เจ้าเป็นพี่ใหญ่ของข้านะ!
น้องสามของเจ้าโดนรังแก แต่เจ้าไม่เพียงไม่ถามไม่สนใจ แต่กลับยังรังเกียจข้าอีกด้วย?
เมื่อสัมผัสได้ถึงสายตาที่ไม่พอใจของซานซาน เฉินอีก็เหลือบสายตามองเขาอีกครั้ง แล้วหรี่ตาลง
“คัดลอกสมุดบัญชีอีกครั้ง”
นายท่านยังต้องการดูบัญชีอยู่
มือที่ถือสมุดบัญชีของซานซานสั่นสะท้าน ในที่สุดเขาก็ตะโกนออกมาอย่างอดทนไม่ไหว
“มือของข้าสะอาดแล้ว!”
แววตาของเฉินอีราบเรียบ
“งั้นหรือ”
ซานซาน “…”
สือซานกระซิบเสียงเบา
“พี่สาม พี่ไปก่อนเถอะ? ไม่อย่างนั้นพี่ไม่สามารถผ่านด่านพี่ใหญ่ไปได้แน่นอน…”
ซานซานรู้สึกเสียใจมาก
“โลกใบนี้กว้างใหญ่ แต่คาดไม่ถึงว่าจะไม่มีที่ยืนให้กับคนอย่างข้า!”
“ไสหัวออกไป!”
ซานซานสูดลมหายใจเข้าลึกๆ แล้วหมุนตัววิ่งออกจากที่แห่งนี้ด้วยความเร็วสูง
สือฟังถอนหายใจอย่างเสียดาย
“มูลของอสูรศักดิ์สิทธิ์อย่างเสือดาวลายเมฆสีชาดเป็นสิ่งที่ล้ำค่ามากเลยนะ เหตุใดพี่สามถึงสิ้นเปลืองขนาดนี้…”
ฉู่หลิวเยว่ “…เฉินอี ในเมื่อตอนนี้ซานซานกำลังยุ่งอยู่ ถ้าอย่างนั้นเรื่องนี้ก็ยกให้เจ้าเป็นคนดูแลก็แล้วกัน ต้องน่าจะคุ้นเคยกับสถานที่แห่งนี้พอสมควรแล้ว”
ด้วยนิสัยของเฉินอี ในตอนที่นางตัดสินใจเลือกสถานที่แห่งนี้ เขาก็น่าจะทำความเข้าใจกับพื้นที่แห่งนี้ทุกตารางส่วนแล้ว
จะว่าไปแล้ว ซานซานอาจจะรู้จักที่นี่ไม่ดีพอเท่ากับเฉินอีก็ได้
เฉินอีพยักหน้า
“ขอรับ”
สัตว์อสูรจำนวนหลายร้อยตัวมารวมตัวกันอยู่ที่นี่ มันจึงค่อนข้างแออัดเล็กน้อย
แต่ยังดีที่พวกมันให้ความเคารพนายท่านและถวนจื่อมาก ดังนั้นจึงไม่ก่อความวุ่นวายอันใดขึ้นมา
ภายใต้การนำทางของเฉินอี สัตว์อสูรเหล่านี้ก็จากไปอย่างรวดเร็ว
ถวนจื่ออยากจะไปเข้าร่วมความสนุกด้วย ฉู่หลิวเยว่จึงปล่อยให้นางติดตามไป
ในที่สุดเรือนแห่งนี้ก็เงียบสงบลง
ฉู่หลิวเยว่หันกลับมามอง และพบว่าสือซานยังยืนอยู่ที่เดิม
ในมือของเขายังมีลูกเสือลายเมฆสีชาดที่นอนอยู่
“สือซาน?”
ฉู่หลิวเยว่เดินเข้ามาหา
“นายท่าน เหมือนว่ามันกำลังนอนอยู่ขอรับ”
สือซานพูดขึ้นอย่างกังวลใจ
นางหัวเราะออกมาหนึ่งเสียง
“เจ้าก็เอามันไปให้แม่มันสิ”
สือซานพยักหน้า แล้วรีบเดินเข้าไป
นางมองตามแผ่นหลังของเขา จากนั้นรอยยิ้มก็ปรากฏขึ้นเล็กน้อย
เหมือนว่า… สือซานใกล้จะทะลวงด่านอีกแล้ว?
“เยว่เออร์”
เสียงทุ้มต่ำที่คุ้นหูดังขึ้น
ฉู่หลิวเยว่หันกลับมามอง
“องค์ไท่จู่? ท่านกลับมาแล้วหรือ?”
แม้ว่าในวันปกติองค์ปฐมกษัตริย์จะอาศัยอยู่ในจวนเยว่ แต่ก่อนหน้านี้เขาได้บอกว่าจะไปหลอมอาวุธ ดังนั้นจึงออกไปจากจวนสักระยะหนึ่งแล้ว
องค์ปฐมกษัตริย์ยิ้มแล้วลูบเคราของตัวเอง
“เดิมทีเมื่อวานนี้ข้ายังลังเลอยู่ว่าจะต้องไปตามหาเจ้าหรือไม่ แต่คิดไม่ถึงเลยว่าเจ้าจะกลับมาแล้ว”
เมื่อพูดจบ เขาก็กวาดสายตาไปโดยรอบ
“หรงซิวไม่ได้กลับมากับเจ้าด้วยหรือ?”
“อื้อ เขามีธุระเล็กน้อย ดังนั้นจึงกลับไปที่ทะเลทรายจันทราสีชาด”
ฉู่หลิวเยว่ตอบรับ
องค์ปฐมกษัตริย์พยักหน้าอย่างเข้าใจ
เมื่อเห็นว่าฉู่หลิวเยว่ไม่ได้รับบาดเจ็บ เขาจึงรู้สึกโล่งใจขึ้นไม่น้อย
“ช่วงที่ผ่านมานี้พวกเจ้าไปไหนกันมาบ้าง?”
ฉู่หลิวเยว่เล่าเรื่องของถ้ำปีศาจทมิฬให้องค์ปฐมกษัตริย์ฟังคร่าวๆ
องค์ปฐมกษัตริย์รู้สึกตกใจมาก ต้องใช้เวลาสักพักกว่าจะดึงสติกลับคืนมาได้
“อย่างนี้นี่เอง… เช่นนั้นก็หมายความว่า ถ้ำปีศาจทมิฬคนอื่นๆ ได้ตายไปหมดแล้ว เหลือเพียงแค่มั่วสือเชียนคนเดียว?”
สีหน้าของฉู่หลิวเยว่ตึงเครียดขึ้นเล็กน้อย
“คนผู้นี้เจ้าเล่ห์มาก อีกทั้งยังมีความโหดเหี้ยมยากจะต่อกร แต่ว่าตอนนี้เขาไม่มีกายเนื้อแล้ว เขาน่าจะทำอะไรยากลำบาก”
องค์ปฐมกษัตริย์พยักหน้า และลังเลที่จะพูดอะไรบางอย่าง
ฉู่หลิวเยว่รู้สึกประหลาดใจเล็กน้อย
“องค์ไท่จู่ ท่านมีอันใดอยากจะพูดหรือ?”
องค์ปฐมกษัตริย์ลังเลอยู่สักพักแล้วพูดขึ้นมาว่า
“เยว่เออร์ ข้าคิดว่าจะออกจากท่าเรือดอกท้อไปสักระยะหนึ่ง”
ฉู่หลิวเยว่ชะงักไป
“ท่านจะไปที่ไหน?”
องค์ปฐมกษัตริย์พูดขึ้นด้วยสีหน้าแน่วแน่
“ก่อนหน้านี้เจ้าไม่อยู่จึงน่าจะยังไม่รู้ มีคนพบ…สุสานของถังเคอแล้ว”