ยอดหญิงลิขิตสวรรค์ - ตอนที่ 2039 ตามหา
ตอนที่ 2039 ตามหา
………………..
ถังเคอ
แน่นอนว่าฉู่หลิวเยว่คุ้นเคยกับชื่อนี้เป็นอย่างมาก
เขาเคยเป็นปรมาจารย์หลอมอาวุธที่ยอดเยี่ยมที่สุดบนโลกนี้!
ไม่ ความจริงแล้วต้องบอกว่า ตลอดพันปีที่ผ่านมาหลังจากถังเคอจากไป ไม่มีใครที่สามารถเทียบเคียงเขาปรากฏขึ้นมาเลย
ตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน เขาคือคนที่แข็งแกร่งที่สุด!
แน่นอนว่า นอกจากเขาแล้วก็ยังมีท่านซูอีกคนหนึ่ง
เพียงแต่ท่านซูเข้ามาแล้วจากไปอย่างรีบร้อน นอกจากการประลองกับถังเคอและหลอมอาวุธศักดิ์สิทธิ์ห้าชิ้นแล้ว เขาก็หายไปจากโลกนี้อย่างสิ้นเชิง
แม้กระทั่งชื่อของท่านซูพวกเขาก็ยังไม่รู้เลยด้วยซ้ำ ดังนั้นจึงไม่สามารถหาเบาะแสอันใดได้เลย
เมื่อเปรียบเทียบกันแล้ว คนจะรู้จักถังเคอมากกว่า ทั้งยังให้ความเคารพเขาอย่างมากด้วย
“สุสานของถังเคอ? มันไม่ได้หายไปพร้อมกับสงครามในปีนั้นหรอกหรือ? เหตุใดจู่ๆ ถึงมาบอกว่าพบสุสานของเขาแล้วล่ะ?”
ฉู่หลิวเยว่ตะลึงมาก
องค์ปฐมกษัตริย์ถอนหายใจออกมา
“ใช่แล้ว! ถังเคอเป็นอัจฉริยะที่โลกตะลึง ฐานะของเขาในอาณาจักรเสิ่นซวี่ช่างน่าเกรงขามอย่างมาก! หลังจากสงครามสะท้านฟ้าในครั้งนั้น เขาก็ไม่มีความเคลื่อนไหวอันใดอีก หลังจากนั้นไม่นานเขาก็หายตัวไปอย่างไร้ร่องรอย ได้ยินมาว่าแม้กระทั่งตระกูลถังก็ยังไม่รู้ว่าเขาหายไปไหน จนกระทั่งตระกูลถังเกิดความวุ่นวาย เขาก็ยังไม่ปรากฏตัวออกมา หลังจากนั้นทุกคนก็เชื่อว่า เขานั้นน่าจะเสียชีวิตไปแล้ว ส่วนเขาเสียชีวิตเมื่อใดนั้น และสุสานของเขาอยู่ที่ใดก็ไม่มีใครรู้ แต่ก่อนหน้านี้ไม่นาน มีข่าวลือออกมาว่า มีคนหาสุสานของถังเคอเจอแล้ว”
ฉู่หลิวเยว่ถามขึ้นมา
“สุสาน… สุสานของคนผู้นั้นอยู่ที่ใด?”
“ตามข่าวลือบอกว่า อยู่ใกล้ลุ่มน้ำชิงกู่”
“ลุ่มน้ำชิงกู่? ฐานที่มั่นของตระกูลเว่ย?”
“ทันทีที่ข่าวลือนี้ปรากฏออกมา อาณาจักรเสิ่นซวี่ก็เกิดการสั่นสะเทือนอย่างรุนแรง ตอนนี้ปรมาจารย์หลอมอาวุธจำนวนมากก็น่าจะวางแผนเตรียมตัวไปที่นั่น”
ฉู่หลิวเยว่ขมวดคิ้ว
“คนของตระกูลเว่ยจะยินยอมหรือ?”
ท้ายที่สุดแล้วนี่ก็เป็นพื้นที่ของพวกเขา
อีกทั้ง ไม่มีใครรู้ว่าภายในสุสานของถังเคอ…จะมีสมบัติอันใดซ่อนเอาไว้อยู่บ้าง?
เรื่องนี้ก็น่าดึงดูดใจอย่างมาก สำหรับผู้บำเพ็ญเพียร
องค์ปฐมกษัตริย์เอามือไพล่หลัง เมื่อได้ยินดังนั้นก็หัวเราะออกมาเบาๆ
“แน่นอนว่าพวกเขาไม่ยอม แต่หลังจากเรื่องนี้แพร่กระจายออกไป พวกเขาก็ต้องยอมละนะ”
ฉู่หลิวเยว่เข้าใจ
สิ่งที่เขาพูดมาก็ถูก
หลังจากถังเคอหายสาบสูญไปในปีนั้น ตระกูลถังก็แตกแยก ตระกูลระดับสูงจำนวนนับไม่ถ้วนร่วมมือกันเพื่อกำจัดพวกเขา เพียงเพราะพวกเขาอยากได้สมบัติและมรดกที่ถังเคอทิ้งเอาไว้ให้
ตอนนี้สุสานของถังเคอปรากฏขึ้นมาแล้ว ใครเล่าจะไม่อยากได้?
คนที่อยากเข้าร่วมการแข่งขันครั้งนี้คงมีจำนวนไม่น้อยเลยทีเดียว
ต่อให้ตระกูลเว่ยจะแข็งแกร่ง แต่พวกเขาจะต้านทานคนหมู่มากได้อย่างใด?
“นับว่าคนของตระกูลเว่ยฉลาด เมื่อเขารู้ว่าไม่สามารถผูกขาดสุสานของถังเคอไว้เพียงคนเดียวได้ ดังนั้นจึงตัดสินใจจัดการแข่งขันขึ้น ครึ่งเดือนต่อจากนี้ทุกคนที่มีความคิดอยากจะเข้าไปสำรวจสุสานของถังเคอก็ให้ไปรวมตัวกันที่ลุ่มน้ำชิงกู่ แล้วให้ลงมือพร้อมกัน เมื่อถึงตอนนั้นคนที่สามารถเปิดสุสานของถังเคอได้ ของวิเศษและมรดกก็ถือว่าเป็นของเขา”
ฉู่หลิวเยว่หัวเราะออกมา
การเอาตัวรอดของตระกูลเว่ยนั้นแข็งแกร่งมาก
เมื่อเปรียบเทียบกันแล้ว การเปิดสาธารณะ ถือว่าเป็นวิธีที่ดีที่สุดแล้ว
“ดังนั้นข้าจึงอยากจะเดินทางไปที่นั่นสักครั้ง”
องค์ปฐมกษัตริย์พูดขึ้นอย่างจริงจัง
ฉู่หลิวเยว่เงยหน้าขึ้นมามอง
น้อยครั้งมากที่นางจะได้เห็นสีหน้าเช่นนี้ขององค์ปฐมกษัตริย์
แต่ท้ายที่สุดแล้วมันก็คือสุสานของถังเคอเชียว!
องค์ปฐมกษัตริย์ เป็นปรมาจารย์หลอมอาวุธ ดังนั้นจึงยากจะต้านทานความเย้ายวนนี้
“แต่…การเดินทางครั้งนี้มันจะอันตรายหรือไม่เจ้าคะ?”
ฉู่หลิวเยว่พูดขึ้นมาอย่างระมัดระวัง
“ผลประโยชน์น่าดึงดูด ย่อมต้องมีคนที่มีความคิดเลวร้ายแฝงตัวเข้าไป…”
“นั่นเป็นสิ่งที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ แต่ในเส้นทางการบำเพ็ญเพียร หนทางจะราบรื่นตลอดไปอย่างนั้นหรือ?”
องค์ปฐมกษัตริย์หัวเราะขึ้นเสียงดัง
“นังหนู เจ้าเองก็รู้ว่า ข้าอยู่ในระดับช่างหลอมอาวุธระดับปรมาจารย์มาเป็นเวลานานมาก…”
“นั่นเป็นเพราะว่าระหว่างนั้น…”
“ไม่ว่าจะเพราะเรื่องอันใด แต่นี่ก็เป็นความจริง”
องค์ปฐมกษัตริย์ส่ายหน้าและพูดแทรกนางขึ้นมา
“ตอนนี้เจ้าเป็นประมุขของท่าเรือดอกท้อแล้ว อีกทั้งยังสามารถรับผิดชอบด้วยตัวคนเดียวได้ ข้าเองก็วางใจ เยว่เออร์ ครั้งนี้ข้าอยากจะไปจริงๆ”
ฉู่หลิวเยว่ถอนหายใจออกมาเบาๆ
ความจริงนางก็รู้ว่าองค์ปฐมกษัตริย์กำลังคิดอันใดอยู่
ต้องหลับไปเป็นเวลาพันปี ท่ามกลางระยะเวลาที่ยาวนานนั้น เหลือเพียงแค่วิญญาณสายหนึ่งอีก อีกทั้งยังรออยู่ในความเงียบเหงา
ในที่สุดตอนนี้ก็ได้ตื่นขึ้นมาแล้ว เขาจึงอยากจะทะลวงด่านเลื่อนขั้นต่อไป
“ถ้าเช่นนั้นให้ข้าไปกับท่านดีหรือไม่?”
องค์ปฐมกษัตริย์หัวเราะเสียงดัง ก่อนปฏิเสธ
“นังหนู เจ้าเพิ่งจะกลับมา ตอนนี้ยังต้องการเวลาพักผ่อน ข้าจะให้เจ้าออกไปด้านนอกอีกได้อย่างใด? ยิ่งไปกว่านั้น ทางด้านท่าเรือดอกท้อก็มีเรื่องมากมายที่จะต้องจัดการ”
เขาตบไหล่ของฉู่หลิวเยว่
“วางใจเถอะ นอกจากข้าแล้วยังมีคนร่วมเดินทางไปกับข้าหลายคน”
ฉู่หลิวเยว่เข้าใจว่า คนเหล่านั้นจะต้องเป็นปรมาจารย์หลอมอาวุธที่มีความสัมพันธ์อันดีกับเขาอย่างแน่นอน
นางลังเลไปครู่หนึ่ง ในที่สุดก็พยักหน้า
“ถ้าเช่นนั้นท่านจะออกเดินทางเมื่อใด?”
“พรุ่งนี้”
ฉู่หลิวเยว่ไม่ได้รู้สึกแปลกใจอันใดนัก
จากท่าเรือดอกท้อเดินทางไปยังลุ่มน้ำชิงกู่ จำเป็นต้องใช้ระยะเวลาสักพักหนึ่ง หากออกเดินทางพรุ่งนี้ ก็จะไปถึงที่นั่นพอดี
“ถ้าเช่นนั้นท่านต้องระวังตัวด้วยนะเจ้าคะ”
ฉู่หลิวเยว่พูดอย่างจริงจัง
องค์ปฐมกษัตริย์มองหน้านาง ก่อนอดยิ้มแล้วส่ายหัวออกมาไม่ได้
“บรรพบุรุษของเจ้าเคยบุกเข้ามาในอาณาจักรเสิ่นซวี่มาก่อนนะ นังหนูก็วางใจเถอะ!”
นางกำชับเขาเช่นนี้ อีกทั้งยังมองเขาเหมือนเด็กคนหนึ่ง
“จริงสิ อีกสักพัก ซั่งกวนโหยวและฉู่หนิงก็น่าจะมาถึงที่นี่แล้ว”
ก่อนหน้านี้ตอนที่พวกเขามาถึงท่าเรือดอกท้อ ทั้งสองคนนั้นกำลังอยู่ในช่วงทะลวงด่านพอดี ดังนั้นจึงไม่ได้พาพวกเขาทั้งสองคนมาด้วย
ฉู่หลิวเยว่รู้เรื่องนี้ดี
นางพยักหน้าเบาๆ
โดยเฉพาะสัตว์อสูรเหล่านั้น
เนื่องจากก่อนหน้านี้สภาพแวดล้อมของท่าเรือดอกท้อสับสนวุ่นวายมาก มีทั้งคนดีและไม่ดีปะปนกัน อสูรศักดิ์สิทธิ์ก็หาได้ยากยิ่ง
แต่ฉู่หลิวเยว่พาอสูรศักดิ์สิทธิ์กลับมาในครั้งนี้เป็นการดึงดูดความสนใจของทุกคนอย่างมาก
เฉินอีได้คัดเลือกพื้นที่ภูเขาส่วนหนึ่งเอาไว้ให้กับพวกมันตามคำสั่งของฉู่หลิวเยว่แล้ว อีกทั้งยังสั่งห้ามคนเข้าใกล้เป็นเวลาหนึ่งเดือน
…ท้ายที่สุดแล้วพวกมันก็ยังต้องพักฟื้นอาการบาดเจ็บ
ความคิดของฉู่หลิวเยว่เรียบง่ายมาก หลังจากพวกมันหายดีแล้วก็จะเปิดพื้นที่บริเวณภูเขา
เมื่อถึงตอนนั้น หากมีผู้บำเพ็ญเพียรต้องการจะทำพันธสัญญากับสัตว์อสูร พวกเขาก็สามารถมาทดลองได้
หากพวกเขามีฝีมือ สัตว์อสูรเหล่านี้จะต้องยอมจำนนโดยธรรมชาติ
หลังจากได้ยินความคิดของฉู่หลิวเยว่แล้ว พวกเขาก็ระงับความตื่นเต้นของตัวเองเอาไว้ ก่อนจะกลับไปบำเพ็ญเพียรของตนเองต่อ
โดยสรุปแล้ว บรรยากาศของการบำเพ็ญเพียรทั่วทั้งท่าเรือดอกท้อก็เข้มข้นมากยิ่งขึ้น
…
ตอนหัวค่ำ ฉู่หลิวเยว่ก็มาที่ประตูม่านพลังอีกครั้ง
อู่เหยาและอวี๋จิ่วกำลังยืนเฝ้าอยู่ตรงนั้น
หลังจากที่เกิดเรื่องครั้งที่แล้ว เฉินอีก็เปลี่ยนคนอีกครั้ง
ตอนนี้มีเพียงผู้พิทักษ์สิบสามเยว่เท่านั้นที่รับผิดชอบที่แห่งนี้
ทั้งสองคนรับทราบข่าวที่ฉู่หลิวเยว่กลับมาแล้ว แต่คิดไม่ถึงเลยว่านางเพิ่งกลับมาได้ไม่นาน แต่ก็มาที่แห่งนี้แล้ว
“นายท่าน?”
สายตาของทั้งสองคนประสานกัน ในแววตามีความกังวลใจเล็กน้อย
เขาไม่อยากให้เรื่องแบบนั้นเกิดขึ้นอีกครั้ง
ฉู่หลิวเยว่โบกมือ
“ข้าแค่มาดูเท่านั้น”