ยอดหญิงลิขิตสวรรค์ - ตอนที่ 2040 เจ้าตามหาคนผู้นั้นเจอหรือยัง
ตอนที่ 2040 เจ้าตามหาคนผู้นั้นเจอหรือยัง
………………..
อู่เหยาและสหายจึงรู้สึกโล่งใจขึ้นมา
ฉู่หลิวเยว่เดินขึ้นมาด้านหน้าสองสามก้าว และยืนอยู่ห่างประตูม่านพลังนั้นประมาณสามก้าว
นางเพ่งสายตามอง เหมือนกับสามารถมองทะลุผ่านม่านพลังนั้นได้
นางมั่นใจว่า ในวันนั้นนางไม่ได้ตาฝาด
ภายในม่านพลังแห่งนั้นมีกระจกอยู่บานหนึ่งจริงๆ
และภายในกระจกบานนั้นได้สะท้อนเงาร่างของหรงซิว
แต่รูปร่างลักษณะหน้าตานางรู้สึกไม่คุ้นเคยเลย
อีกทั้งการแต่งกายของคนที่อยู่ในกระจกนั้นก็แตกต่างจากหรงซิวโดยสิ้นเชิง
เห็นได้ชัดว่าไม่ใช่กระจกธรรมดา
ทันใดนั้นเอง ระลอกคลื่นหนึ่งก็ปรากฏเกิดขึ้น
เงาร่างหนึ่งปรากฏขึ้นอย่างเลือนราง
ฉู่หลิวเยว่ขมวดคิ้วเล็กน้อย
จากนั้นนางก็มองเห็นใบหน้าที่คุ้นเคยอีกครั้ง
นั่นคือใบหน้าของนาง
แต่… มันก็ไม่เหมือนกันสักทีเดียว
แม่นางที่อยู่ในกระจกนั้น มีใบหน้าราบเรียบ ดวงตาดำขลับเฉยชา ระหว่างคิ้วเต็มไปด้วยความเย่อหยิ่งและสูงศักดิ์ไม่อาจเอื้อม
สายตาคู่นั้นเหมือนปกคลุมด้วยน้ำแข็งพันปี ความหนาวเหน็บชั่วนิจนิรันดร์
ในหัวใจของฉู่หลิวเยว่รู้สึกปั่นป่วนขึ้นมา
แต่สีหน้าของแม่นางที่อยู่ภายในกระจกนั้นกลับไม่ได้เปลี่ยนแปลงเลยแม้แต่น้อย
น้ำเสียงของอู่เหยาเหมือนดังก้องมาจากในระยะไกล ในที่สุดก็สามารถเรียกสติฉู่หลิวเยว่ได้
นางดึงสติกลับคืนมาแล้วหลับตาลง ก่อนจะหันไปมองทั้งสองคน จากนั้นถึงพบว่าอีกฝ่ายกำลังมองหน้านางด้วยความตื่นตระหนก
“… เกิดอันใดขึ้นหรือ?”
ฉู่หลิวเยว่ขมวดคิ้วขึ้นเล็กน้อย
อู่เหยาพูดขึ้นอย่างเป็นกังวล
“นายท่าน เมื่อครู่นี้… เหมือนว่าท่านกำลังจะเหม่อมองอันใดบางอย่าง พวกเราเรียกอยู่หลายครั้ง แต่ท่านก็ไม่ได้ยินเลย”
“ใช่แล้ว นายท่านไม่เป็นไรใช่หรือไม่ขอรับ?”
อวี๋จิ่วที่อยู่ด้านข้างก็มีสีหน้ากังวล
ฉู่หลิวเยว่ขมวดคิ้วมุ่น
“ไม่เป็นไร ข้าก็แค่… คิดอันใดบางอย่างอยู่เท่านั้นจึงไม่ได้สังเกต”
เมื่อได้ยินฉู่หลิวเยว่พูดเช่นนี้ ทั้งสองคนก็มองหน้ากัน
ความจริงแล้วพวกเขาสามารถสังเกตเห็นถึงสีหน้าและท่าทางของนางได้
ท่าทางของฉู่หลิวเยว่ในตอนนี้แตกต่างออกไปจริงๆ
แต่เมื่อตรวจสอบอย่างละเอียดแล้วก็เหมือนว่านางจะไม่ได้รับบาดเจ็บใดๆ
อาจจะเป็นเพราะ…นางมึนงงไปชั่วขณะจริงๆ ?
“นายท่านไม่เป็นอันใดก็ดีแล้ว”
ฉู่หลิวเยว่สาวเท้าเดินออกมาหนึ่งก้าว แล้วถามว่า
“ช่วงนี้มีอันใดผิดปกติหรือไม่”
“เรียนนายท่าน หลังจากที่ท่านและฝ่าบาทหายตัวไปจากที่แห่งนี้ ลมปราณและพลังของประตูม่านพลังแห่งนี้ก็เหมือนว่าจะไม่มีอันใดเปลี่ยนแปลงเลย แต่เมื่อพิจารณาจากสถานการณ์ปัจจุบันแล้ว ตอนนี้ก็ยังไม่สามารถเดินทางผ่านเข้าไปได้…”
“เพิ่มการคุ้มกันให้แน่นหนา หากไม่ได้รับการอนุญาตจากข้า ห้ามคนเข้ามาใกล้สถานที่แห่งนี้โดยเด็ดขาด”
“ขอรับ!”
เมื่อปัญหายังไม่ได้รับการแก้ไข ดังนั้นจึงจำเป็นจะต้องระมัดระวังอย่างมาก
ฉู่หลิวเยว่หันกลับไปมองอีกครั้ง
เงาร่างของนางนั้นจางหายไปตั้งนานแล้ว
นางเม้มริมฝีปาก ก่อนหมุนตัวเดินจากไป
…
ฉู่หลิวเยว่เดินทางกลับมาที่จวนเยว่ ก่อนจะเข้าไปในห้องตัวเองทันที
นางนั่งสมาธิหลับตาลง แล้วเริ่มบำเพ็ญเพียร
พลังแห่งสวรรค์และโลกที่อยู่โดยรอบหลั่งไหลเข้าภายในร่างกายของนางอย่างต่อเนื่อง
ด้วยความแข็งแกร่งทางร่างกายและระดับของนางในตอนนี้ แทบจะไม่ต้องให้ความสนใจกับเรื่องนี้เลย ร่างกายของนางสามารถดูดกลืนพลังและนำมาใช้งานได้ในทันที
เวลาผ่านไปอย่างรวดเร็ว
ชั่วพริบตาเดียวก็ถึงเวลาพลบค่ำ
ค่ำคืนนี้ไม่มีพระจันทร์
เกล็ดหิมะถูกลมพัดผ่านหน้าต่างเข้ามาภายในห้อง
ฉู่หลิวเยว่ลืมตาขึ้นมา
ภายในห้องนั้นยังไม่ได้จุดไฟ ทุกอย่างจึงมืดสนิท
แต่ดวงตาของนางกลับสว่างเป็นพิเศษเหมือนดวงดาวยามราตรีที่ส่องสว่างเจิดจ้า
ตอนนี้คิ้วของนางขมวดขึ้นเล็กน้อย ราวกับกำลังกังวลอันใดบางอย่าง
หลังจากผ่านไปสักพัก นางก็ลุกขึ้นยืนแล้วเดินไปที่หน้าต่าง
เดิมทีนางคิดจะปิดหน้าต่าง แต่ลมอันหนาวเหน็บกลับพัดเข้ามาจนทำให้นางชะงักไป
ไม่ว่าอย่างใดก็สลัดไม่หลุด
“เสี่ยวโจว”
ทันใดนั้นนางก็พูดขึ้นเสียงเบา
รอบข้างเงียบกริบไร้เสียง
หลังจากผ่านไปครู่หนึ่ง เงาร่างหนึ่งก็ปรากฏขึ้นที่กลางเรือนอย่างไร้สุ้มไร้เสียง
เงาร่างผอมบาง สวมเสื้อฝ้ายตัวโคร่ง
แสงเรืองรองจากหิมะด้านนอกตกลงที่ใบหน้าของเขาจนยากจะแยกออก
คนผู้นั้นคือ เชียงหว่านโจว
เขากลับมาที่จวนเยว่พร้อมกับฉู่หลิวเยว่
เพียงแต่เขามีนิสัยไม่ชอบความครึกครื้น หลังจากมาถึงแล้ว เขาก็ซ่อนตัวอยู่ตลอด
แม้ว่าฉู่หลิวเยว่จะจัดที่อยู่ให้เขาเรียบร้อยแล้ว แต่นางก็รู้ว่า เขาน่าจะติดตามมาอารักขานาง
และก็เป็นเช่นนั้นจริงๆ เมื่อนางเรียกหนึ่งครั้ง อีกฝ่ายก็ปรากฏตัวขึ้นมา
“เสี่ยวโจว เข้ามาคุยกันหน่อย”
เมื่อฉู่หลิวเยว่พูดจบ หน้าต่างก็ถูกปิดลง ก่อนเดินไปจุดตะเกียงไฟ แล้วเปิดประตูเข้ามาในห้อง
เชียงหว่านโจวเดินผ่านหิมะหนาทึบเข้ามาโดยไม่ได้ทิ้งรอยเท้าเอาไว้เลย
ตอนนี้เขาเป็นผู้แข็งแกร่งระดับเทพขั้นสูงแล้ว สำหรับเขาแล้วเรื่องแค่นี้ไม่ใช่เรื่องยากอันใด
เขาเดินเข้ามาภายในห้อง แล้วนั่งลงที่โต๊ะด้านข้างฉู่หลิวเยว่
“นายท่าน”
เขาโค้งคำนับ
ฉู่หลิวเยว่ไม่ได้บอกให้เขาลุกขึ้นยืนตามปกติ แต่กลับรินชาให้ตัวเองอย่างไม่รีบไม่ร้อน
ต่อให้เขาไม่เงยหน้าขึ้นมองก็รู้ว่าเกิดอันใดขึ้น
ประสาทสัมผัสของเขานั้นเฉียบคมอยู่เสมอ
“ไม่ต้อง”
ฉู่หลิวเยว่จับถ้วยชาในมือของตนเองเบาๆ
“ไม่ว่าอย่างใดข้าก็ไม่ได้จะดื่มอยู่แล้ว”
เชียงหว่านโจวตอบรับหนึ่งเสียง และไม่พูดอันใดต่อ
ภายในห้องถูกปกคลุมด้วยความเงียบ
หลังจากผ่านไปสักพัก ฉู่หลิวเยว่ก็ถามขึ้นว่า
“เสี่ยวโจว เจ้าเลื่อนขั้นเป็นระดับเทพขั้นสูงตั้งแต่เมื่อใด?”
เชียงหว่านโจวตอบ
“ไม่นานก่อนหน้านี้ขอรับ”
“ประมาณวันไหน?”
“…สามสิบเอ็ดวันที่แล้วขอรับ”
“สามสิบเอ็ดวัน… ก็ถือว่านานมากแล้ว เจ้าไม่เคยคิดว่าจะเดินทางมาอาณาจักรเสิ่นซวี่เพื่อมาตามหาข้าหรือ?”
ฉู่หลิวเยว่มองทางเขา แล้วถามเสียงเรียบ
เชียงหว่านโจวชะงักไป
“เคยคิดขอรับ แต่สำหรับคนธรรมดาแล้ว การผ่านเข้ามาที่อาณาจักรเสิ่นซวี่เป็นเรื่องยุ่งยากมาก ข้าน้อยเคยได้ยินมาว่าหากเดินทางผ่านเมืองอวิ๋นโจวก็จะสามารถมาถึงอาณาจักรเสิ่นซวี่ได้ ดังนั้นจึงเดินทางไป แต่คิดไม่ถึงเลยว่าจะได้เจอกับท่านและฝ่าบาทที่นั่น”
“ก่อนหน้านี้ เจ้าหลับอยู่ตลอดเลยหรือ?”
“ขอรับ… ตอนที่ข้าตื่นขึ้นมานั้น ข้าก็พบว่าตัวเองได้เลื่อนขั้นเป็นระดับเทพขั้นสูงแล้ว”
แม้ว่าเวลาจะผ่านไปนานมาก แต่หลังจากที่เขาตื่นขึ้นมาก็สามารถเลื่อนระดับเทพขั้นสูงได้ทันที นี่ก็ถือว่าเป็นกำไร
ฉู่หลิวเยว่เลิกคิ้วขึ้นเล็กน้อย
“เช่นนั้นหมายความว่า เจ้าเองก็ไม่รู้ว่าตนเองสามารถเลื่อนขั้นเป็นระดับเทพขั้นสูงได้อย่างใดน่ะหรือ?”
“ข้าน้อยไม่ทราบ”
ฉู่หลิวเยว่หัวเราะออกมาหนึ่งเสียง
“เจ้านี่โชคดีจริงๆ เลย”
จากนั้นนางก็เงียบไปสักพักหนึ่ง
ในที่สุดเชียงหว่านโจวก็เงยหน้าขึ้นมามองนางอย่างอดทนไม่ไหว
“นายท่าน…”
“ปึก”
ฉู่หลิวเยว่วางถ้วยชาลง เสียงกระแทกไม่หนักไม่เบา
หัวใจของเชียงหว่านโจวเต้นกระหน่ำอย่างรุนแรง
ฉู่หลิวเยว่ขยับเข้ามาใกล้มากขึ้น แล้วจ้องไปที่ดวงตาของเชียงหว่านโจว ก่อนถามขึ้นว่า
“ข้าจำได้ว่า ก่อนหน้านี้จะบอกว่าต้องการไปตามหาสหายเก่าที่อยู่ในเทียนลิ่ง ตอนนี้เจ้าหาคนผู้นั้นเจอแล้วหรือยัง?”
………………..