ยอดหญิงลิขิตสวรรค์ - ตอนที่ 2041 มีเขาอยู่
ตอนที่ 2041 มีเขาอยู่
………………..
ภายในห้องปกคลุมด้วยความเงียบ
เชียงหว่านโจวเงยหน้าขึ้นมาแล้วเห็นแววตาที่เปล่งประกายราวกลับสามารถมองทุกสิ่งออกอย่างทะลุปรุโปร่ง
หัวใจของเขาเต้นกระหน่ำอย่างรุนแรง เหมือนกับมีอันใดบางอย่างมาบีบรัด
ปราณเย็นแผ่กระจายออกมาจากร่างของเขา
หลังจากผ่านไปสักพัก เขาก็ได้ยินเสียงของตัวเอง
“…ยังขอรับ”
ฉู่หลิวเยว่จ้องหน้าเขาตาเขม็ง
“จริงหรือ?”
“จริงขอรับ”
“ในเมื่อเป็นเช่นนั้น…เหตุใดเจ้าไม่ไปตามหาคนผู้นั้นล่ะ เหตุใดต้องมาติดตามข้า?”
“… นายท่านเคยบอกว่าจะช่วยข้าหาคนผู้นั้น อีกทั้ง…”
เชียงหว่านโจวสูดลมหายใจเข้าลึกๆ
“ข้าสัมผัสได้ว่า นางอยู่ที่อาณาจักรเสิ่นซวี่”
ฉู่หลิวเยว่หัวเราะขึ้นมา
“ดังนั้น เจ้าจึงอยากให้ข้าช่วยตามหาคนผู้นั้นหรือ?”
“ขอรับ”
ฉู่หลิวเยว่ถอยหลังไปเล็กน้อย
บรรยากาศเย็นลงหลายส่วนทันที
นางลุกขึ้นยืน จากนั้นก็มองไปที่ด้านหน้าของเชียงหว่านโจว
“…เหมือนว่าก่อนหน้านี้ ข้าเคยมาที่อาณาจักรเสิ่นซวี่แล้ว ในความทรงจำของข้าบอกว่า ในตอนนั้นข้าก็ทะลวงด่านสู่ระดับเทพขั้นสูงไปแล้ว”
รูม่านตาของฉู่หลิวเยว่ขยับเล็กน้อย
“ก่อนหน้านี้? มันคือเมื่อใดกัน?”
เชียงหว่านโจวส่ายหน้า
“เรื่องนี้ข้าไม่ทราบจริงๆ”
“ยื่นมือออกมา”
เชียงหว่านโจวได้ยินดังนั้นก็ยื่นมือออกไปโดยไม่ลังเล
ฉู่หลิวเยว่วางนิ้วบนข้อมือของเขาพร้อมถ่ายทอดพลังปราณดั้งเดิมลงไปสายหนึ่งเพื่อตรวจสอบสภาพร่างกายของเขา
เห็นได้ชัดว่าปราณเย็นภายในร่างกายของเขาลดจำนวนลงไปกว่าเดิม
ท่ามกลางปราณเย็นมีพลังที่น่าตกใจแฝงเอาไว้อยู่
และด้วยเหตุผลนี้ ตอนที่เขารวบรวมพลังเพื่อบำเพ็ญเพียร เขาก็สามารถเลื่อนขั้นได้อย่างรวดเร็ว
หากปราณเย็นภายในร่างกายของเขานั้นถูกกำจัดจนหมดสิ้น… เกรงว่าจะต้องเป็นพลังที่น่ากลัว!
ฉู่หลิวเยว่ดึงมือกลับมา
“เจ้ากลับไปก่อนเถอะ”
เชียงหว่านโจวลังเลอยู่ครู่หนึ่ง
“แล้วชาของนายท่าน…”
ฉู่หลิวเยว่หัวเราะออกมา
“นี่มันเรื่องเล็กเจ้าไม่จำเป็นต้องใส่ใจ ข้าก็กำลังจะไปพักผ่อนแล้ว”
เชียงหว่านโจวทำความเคารพแล้วขอตัวจากไป
เมื่อเขาเดินออกไปแล้วก็ปิดประตูให้นางเป็นอย่างดี
ฉู่หลิวเยว่เคาะนิ้วลงบนโต๊ะเบาๆ
แต่เหมือนว่าเขาจะไม่ค่อยเข้าใจสภาพร่างกายของตัวเองสักเท่าไร
บางทีเขาอาจจะมีเรื่องราวบางอย่างที่ตัวเขาเองก็ยังไม่แน่ชัด…
ฉู่หลิวเยว่ครุ่นคิด โล่ผสานนภาก็ปรากฏอยู่ตรงหน้านาง
นางลูบโล่อย่างแผ่วเบา
นางไม่เคยเห็นอักขระลึกลับเช่นนี้ที่สลักอยู่ด้านบนแบบนี้มาก่อนเลย
เหตุใดนางถึงยังทิ้งสมุดบันทึก…
นางคิดอยู่สักพักแต่ก็ไร้ประโยชน์
หากในตอนนั้นนางสามารถจับมั่วสือเชียนได้ นางจะได้ถามเขา
หลังจากได้รับคำยั่วยุของอี้เหวินเทา นางก็สามารถสัมผัสได้ว่าอีกฝ่ายให้ความสนใจกับโล่ผสานนภามาก
และเขาน่าจะรู้เรื่องนี้เป็นอย่างดี
อีกทั้งยังมีเนื้อเพลงฉินนั้น…
เห็นได้ชัดว่ามั่วสือเชียนให้ความสำคัญกับเนื้อเพลงฉินเป็นอย่างมาก
ไม่อย่างนั้นเขาคงไม่ทุ่มเทหาหนทางมาต่อสู้กับนางอยู่หลายต่อหลายครั้ง
จากคำพูดของคนผู้นั้นในตอนแรก เนื้อเพลงฉินถูกแบ่งออกเป็นสามส่วน ตอนนี้อยู่กับนางสองส่วนแล้ว ยังขาดอีกส่วนสุดท้าย…
แต่น่าเสียดายที่เวลาผ่านมานานขนาดนี้แล้ว นางไปในสถานที่หลากหลาย แต่กลับไม่ได้พบเบาะแสอันใดเลย
อาณาจักรเสิ่นซวี่กว้างใหญ่ขนาดนี้ การที่จะตามหาของสิ่งหนึ่งนั้น ก็เหมือนกับงมเข็มในมหาสมุทร
ตอนที่ฉู่หลิวเยว่กำลังคิดค้น ระลอกคลื่นสายหนึ่งก็ปรากฏขึ้นจากด้านหลังของนาง
ในขณะที่นางกำลังจะเคลื่อนไหว นางกลับได้กลิ่นหอมเย็นอันคุ้นเคย
“ดึกขนาดนี้แล้ว เจ้ายังไม่นอนอีก?”
เสียงทุ้มต่ำไพเราะดังขึ้น
“เจ้ากลับมาเร็วมาก”
หรงซิวเดินเข้ามาหา เขากวาดสายตามองโล่ผสานนภาที่อยู่ตรงหน้านาง เขาคว้ามือของนางไปจับก่อนโน้มตัวเข้าไปจุมพิศ
“ข้ารู้ว่าเยว่เออร์กำลังรออยู่ ดังนั้นสามีจึงรีบกลับมาให้เร็วที่สุด”
ฉู่หลิวเยว่มองค้อนเขา ก่อนกวาดสายตามองไปโดยรอบ
“เป็นอย่างใดบ้าง? ได้รับบาดเจ็บอันใดหรือไม่?”
มุมปากของหรงซิวยกยิ้มขึ้น
“ข้าไม่ได้บาดเจ็บ แต่ข้านั้นคิดถึงเยว่เออร์มาก ในใจรู้สึกเหมือนมีอันใดขาดหายไป”
ใบหน้าของฉู่หลิวเยว่คล้ายยิ้มคล้ายไม่ยิ้ม ลมปราณอันอุ่นร้อนแผ่กระจายออกมา
ความคลุมเครือแผ่กระจาย
“สามีเดินทางมาอย่างยากลำบาก เยว่เออร์ควรจะปรนนิบัติข้าให้ดีสิ”
หรงซิวหรี่ตาลงเล็กน้อย มือข้างหนึ่งก็โอบเอวนางไว้
“หื้อ?”
แววตาของฉู่หลิวเยว่เปล่งประกาย
“สามีคงเหนื่อยมากแล้ว วันนี้ก็ต้องพักผ่อนให้เยอะๆ นะ เยว่เออร์ไม่รบกวนแล้ว”
เมื่อพูดจบนางก็ขยับฝีเท้าแล้วหมุนตัวจากไป
หรงซิวเลิกคิ้วขึ้น ก่อนจะคว้าตัวคนกลับมา ใบหน้าคล้ายยิ้มคล้ายไม่ยิ้ม
“อีกไม่นานเจ้าก็จะรู้ว่าสามีเหนื่อยหรือไม่”
เมื่อพูดจบเขาก็อุ้มอีกฝ่ายไปที่เตียง
เมื่อสัมผัสได้ถึงความอันตรายก็รีบพูดขึ้นมาว่า
“คือว่า! ข้ายังมีเรื่องที่อยากจะถาม!”
นางพูดยังไม่ทันจบ แต่ภายหลังก็กระทบกับผ้าฝ้ายบนเตียงแล้ว
น้ำเสียงของหรงซิวทุ้มต่ำแหบพร่า แฝงด้วยแรงกดดัน
เมื่อเห็นว่าเขากำลังจะเข้ามา ฉู่หลิวเยว่ก็รีบถามขึ้นมาว่า
“ผู้…ผู้อาวุโสห้าเป็นอย่างใดบ้าง?”
หรงซิวชะงักไปครู่หนึ่ง จากนั้นก็เมินเฉยไม่สนใจใยดี แต่กลับปลดกระดุมเสื้อของนางอย่างแผ่วเบา
“ข้าไปส่งผู้อาวุโสห้าที่ด้านนอกของทะเลทรายจันทราสีชาด ข้าไม่ได้ติดตามเขาเข้าไปด้วย ภัยบุหลันมาถึงแล้ว ผู้อาวุโสห้ายืนยันว่าจะกลับไปด้วยตัวเอง ข้าจึงได้แต่ยอมรับ”
ฉู่หลิวเยว่เม้มริมฝีปาก
ความจริงแล้วนางก็คาดเดาเรื่องนี้เอาไว้ก่อนอยู่แล้ว
ตอนนี้เหมือนว่าผู้อาวุโสห้าไม่อยากจะให้พวกเขาเข้าไปด้านใน แต่ที่เขาให้หรงซิวไปส่งในครั้งนี้ เพราะเขาไม่มีทางเลือกอื่นแล้ว
“ไม่รู้ว่าภัยบุหลันที่ว่าคืออันใด… คาดไม่ถึงว่าเขาจะรู้สึกหวาดกลัวกันขนาดนี้”
ฉู่หลิวเยว่พึมพำขึ้นมาเสียงต่ำ
นางกลืนคำพูดที่เหลือลงคอไปในทันที เหลือเพียงคำพูดพึมพำเท่านั้น
หลังจากผ่านไปสักพัก นางก็ได้ยินเสียงหัวเราะอันแหบพร่าของหรงซิวดังขึ้นมา
“…เจ้าอยากจะรู้อันใดหรือ สามีจะไปช่วยสืบหา เจ้าอยากได้อันใด สามีจะไปแย่งชิง แต่ทุกอย่างต้องรอวันพรุ่งนี้…ยิ่งไปกว่านั้น เยว่เออร์จะต้องมีของตอบแทน…”
…
เดิมทีฉู่หลิวเยว่ยังรู้สึกวุ่นวายใจ แต่เมื่อถูกหรงซิวรบกวนเช่นนี้ หลังจากนั้นไม่นานนางก็โยนเรื่องเหล่านี้ทิ้งเอาไว้ด้านหลัง
จนกระทั่งวันรุ่งขึ้นนางรู้สึกปวดเอวและขาอ่อนแรง ก่อนฝืนดึงสติกลับคืนมา
แต่ว่าในตอนนี้ นางอารมณ์ดีขึ้นกว่าก่อนหน้านี้มาก
เรื่องหลายอย่างจำเป็นจะต้องค่อยๆ จัดการ
ต่อให้นางรีบร้อนไป มันก็ไม่สามารถแก้ไขปัญหาเหล่านั้นได้ทันที
แทนที่จะทำอย่างนั้น สู้รออย่างใจเย็นเตรียมตัวให้ดีจะดีกว่า
เมื่อดูจากตอนนี้แล้ว ด้านหน้ายังเต็มไปด้วยเมฆหมอกบดบัง แต่สักวันหนึ่งความจริงจะปรากฏ
เมื่อคิดถึงตรงนี้ ฉู่หลิวเยว่ก็ซบตัวเองลงไปในอ้อมกอดของหรงซิวอีกครั้ง
เดิมทีหรงซิวยังคงหลับตาอยู่ แต่เมื่อสัมผัสได้ถึงความเคลื่อนไหวของนาง เขาจึงลืมตาขึ้นมา
แววตาของเขาลึกล้ำ
“หื้ม?”
ฉู่หลิวเยว่รีบถอยห่างออกอย่างรวดเร็ว
นางเกือบลืมไปเลยว่าห้ามยั่วยุผู้ชายคนนี้แต่เช้า!
หรงซิวหัวเราะออกมาอย่างอดไม่ได้ แล้วไม่ได้แกล้งนางอีกก่อนจะเปลี่ยนเรื่องพูดว่า
“ได้ยินมาว่าผู้อาวุโสซั่งกวนจะไปที่ลุ่มน้ำชิงกู่หรือ?”
………………..