ยอดหญิงลิขิตสวรรค์ - ตอนที่ 2044 ห่วงประตูสัมฤทธิ์
ตอนที่ 2044 ห่วงประตูสัมฤทธิ์
………………..
สิ้นคำพูด บริเวณโดยรอบเงียบกริบลงในบัดดล
ทุกคนต่างพากันเสสายตามองมาทางนี้เป็นตาเดียว
บัดนี้นาม “ซั่งกวนเยว่” นับว่าชื่อเสียงดังสนั่นเป็นที่เลื่องลือ ดุจเสียงสายฟ้าฟาดดังเสียดหูมิปาน
ก็แล้วมีใครบ้างไม่รู้ ไม่เคยได้ยินเรื่องที่ท่าเรือดอกท้อมาก่อนบ้างเล่า?
บรรดาผู้คนจำนวนมากในหมู่พวกเขาต่างสอดส่องมองไปที่อีกฝ่ายด้วยความใคร่รู้เต็มประดา
ซั่งกวนจิ้งหรี่ตาลงน้อยๆ
เว่ยเจ๋อผู้นี้ดูแปลกไม่น้อยทีเดียว
คนมากเพียงนั้นเขาไม่ถาม กลับมาถามหาแม่หนูเยว่เออร์กับหรงซิวเอาเสียอย่างนั้น?
อีกอย่าง คนมาที่นี่ก็มีตั้งมากมาย ทั้งยังเป็นช่างหลอมอาวุธระดับสูงสุดเสียส่วนใหญ่ สองคนนั้นไม่มาก็ไม่ได้ส่งผลอันใดกระมัง?
ความคิดของซั่งกวนจิ้งแล่นพล่าน หากแต่มิได้แสดงออกทางสีหน้าแต่อย่างใด เขาเพียงหัวเราะร่าออกมาคำรบหนึ่ง
“ขอบคุณประมุขเว่ยที่เป็นห่วง เพียงแต่ระยะนี้ท่าเรือดอกท้อมีเรื่องยุ่งวุ่นวายไม่เว้นวัน เยว่เออร์มีเรื่องต้องสะสางไม่น้อย จึงปลีกตัวออกมาไม่ได้สักพักหนึ่ง หรงซิวเองก็ชอบคลุกคลีอยู่กับนางมาแต่ไหนแต่ไร ดังนั้น…”
บรรดาฝูงชนได้ยินดังนั้นต่างก็เกิดอารมณ์ซับซ้อนอยู่ในใจ
เรื่องยุ่งวุ่นวายไม่เว้นวัน…
มีเรื่องต้องสะสางไม่น้อย…
จะเป็นเรื่องอันใดไปได้อีก?
แน่นอนว่าเป็นเพราะครองท่าเรือดอกท้อทั้งหมดไว้คนเดียว ถึงมีเรื่องพวกนี้ให้ทำอย่างใดเล่า!
นี่เป็นการป่าวประกาศออกไปให้รู้กันอย่างโจ่งแจ้งเลยมิใช่หรือ!
กลัวผู้อื่นไม่รู้ว่าพวกเจ้าได้เป็นนายคนใหม่ของท่าเรือดอกท้อกันแล้วหรือไร!
ทั้งคำพูดและการกระทำ การเลือกใช้คำแต่ละอย่างล้วนแสดงออกถึงความภาคภูมิใจอย่างไม่คิดปิดบัง!
แต่พอออกมาจากปากของซั่งกวนจิ้ง เขากลับกลายเป็นสามีที่คอยปกป้องดูแลภรรยาอยู่ที่บ้านไปเสียอย่างนั้น…
นี่นับเป็นเรื่องอันใดได้!
เว่ยเจ๋อเองก็สำลัก ในใจลอบก่นด่าตาเฒ่าหัวหมอไปยกใหญ่
แค่ประโยคสองประโยคก็ทำให้อารมณ์เบิกบานหายวับกับตา ทั้งยังสะอึกจนพูดไม่ออก!
เขาพูดออกมาเช่นนี้แล้ว จะให้ผู้อื่นตอบรับว่าอย่างใดเล่า
ริมฝีปากของเว่ยเจ๋อสั่นระริก เขาหัวเราะออกมาคราหนึ่ง
“ฮ่าฮ่า ที่แท้ก็เป็นเช่นนี้นี่เอง! ผู้อาวุโสซั่งกวนโปรดอย่าเข้าใจผิด ข้าเองก็ได้ยินชื่อเสียงเรียงนามมานาน จึงอยากพบทั้งสองท่าน…”
“ตัวหรงซิวน่ะไม่ต้องพูดถึง ส่วนเยว่เออร์บัดนี้ขึ้นเป็นนายท่านเยว่แล้วเรียบร้อย ภายภาคหน้าคงได้มีการติดต่อกับทุกท่านบ่อยๆ หากประมุขเว่ยอยากพบ ย่อมมีโอกาสได้พบแน่นอน”
ซั่งกวนจิ้งเอ่ยแทรกเขาพลางยิ้มตาหยี
เว่ยเจ๋อรู้สึกคับข้องใจในอกนัก
คำพูดนี้บอกเป็นนัยว่า ต่อไปฉู่หลิวเยว่คือผู้มีศักดิ์เทียบเท่ากับบรรดาประมุขตระกูลชั้นสูง มิใช่คนที่ใครพูดว่าอยากเจอแล้วจะเจอได้ตามใจชอบ!
“ฮะฮะ ผู้อาวุโสซั่งกวนกล่าวได้ถูกต้องแล้ว”
ลำดับอาวุโสของซั่งกวนจิ้งในที่นี้นับว่าสูงมาก ดังนั้นกระทั่งตัวเว่ยเจ๋อเองยังต้องเกรงใจเขาอยู่หลายส่วน
ทั้งสองฝ่ายเชือดเฉือนกันด้วยคำพูด มิได้ถามคำถามที่ตนอยากถามออกไป เว่ยเจ๋อเองก็ไม่คิดจะซักไซ้ต่อ จึงเบนสายตาออกไปมองบรรดาฝูงชนพลางเปลี่ยนหัวข้อสนทนา
“ทุกท่านล้วนแต่เป็นผู้ปราดเปรื่อง เราจึงขอพูดแบบเปิดอก วันนี้ทุกท่านต่างมาถึงที่นี่ก็เพราะสุสานของถังเคอ ผู้อาวุโสถังเคอเป็นช่างหลอมอาวุธชั้นยอดที่โดดเด่นเหนือใคร ตั้งแต่เขาหายตัวไปอย่างไร้ร่องรอยครานั้น ก็ไม่ได้ยินข่าวคราวใดของเขาอีก ในที่สุด ตอนนี้เราก็พบที่ตั้งของสุสานเขาแล้ว! นี่เป็นโชคดีของตระกูลเว่ย ทั้งยังเป็นโอกาสอันดีแก่ช่างหลอมอาวุธในยุคสมัยนี้! ดังนั้นวันนี้จึงเชิญทุกท่านมาเปิดสุสานของผู้อาวุโสถังเคอร่วมกัน หากสามารถส่งหรือสืบทอดสมบัติล้ำค่าของเขาต่อไปให้คงอยู่ในโลกหล้า ก็จะเป็นความดีความชอบอันยิ่งใหญ่ของพวกเราด้วย!”
คำพูดในประโยคนั้นแสดงอารมณ์ยินดีต้อนรับการร่วมมือของบรรดาฝูงชนอย่างยิ่ง
“ได้ยินว่าหลังตระกูลเว่ยเจอว่าสุสานของถังเคอซ่อนอยู่ที่นี่ก็ดีใจจนเนื้อเต้น แต่ใช้กลวิธีทุกอย่างแล้วก็ยังเปิดสุสานไม่ได้ กลับกันคนในตระกูลบาดเจ็บล้มตายสาหัส ยิ่งไปกว่านั้น ข่าวที่ว่าเจอสุสานยังหลุดรอดออกไปสู่ภายนอก เช่นนี้แล้วจึงพากันเปลี่ยนแผน เริ่มเสาะหาคนมาร่วมมือกันแทน”
ซั่งกวนจิ้งยกมุมปาก
“นึกไว้แล้วเชียว”
คนในที่แห่งนี้ล้วนแต่ฉลาดเฉลียว มิมีใครเก็บคำพูดเช่นนี้ของเว่ยเจ๋อมาใส่ใจ เพียงฟังให้มันผ่านหูไปเท่านั้น
พูดกันตามตรง หากใครที่ได้เข้าไปข้องเกี่ยวกับเรื่องนี้แล้ว เกรงว่าคงเลือกจะทำเช่นนี้เหมือนกัน
โอกาสดีงามสะท้านฟ้าขนาดนี้ ใครจะไม่อยากอุบไว้ผู้เดียวบ้าง?
ตระกูลเว่ยกลับอุบไม่ลง ปิดไว้ไม่มิด จึงต้องถอยร่นมาเลือกตัวเลือกรองลงมาที่ดีที่สุด
พูดตามเนื้อผ้าแล้ว แท้จริงก็เป็นเรื่องที่เข้าใจได้
ซั่งกวนจิ้งพูดพลางตวัดสายตามองเว่ยเจ๋ออีกครา
สายตาที่จ้องเขม็งมาถึงเขาเมื่อครู่ดูจะไม่ได้มาจากเว่ยเจ๋อ…
แต่เว่ยเจ๋อเองก็พุ่งเป้าบางอย่างมาที่พวกเขาอย่างไม่ต้องสงสัย
ค่อนข้างแปลกประหลาดเลยทีเดียว
เว่ยเจ๋อแหงนหน้ามองผืนฟ้า แล้วกล่าวว่า
“…คำพูดที่เหลือข้าไม่พูดต่อแล้ว จะได้ไม่รบกวนเวลาของทุกคน ข้าไม่ขอปิดบังทุกท่าน ป่าหินแห่งนี้อันตรายอย่างมาก กระทั่งยามปกติคนตระกูลเว่ยเองก็ไม่ใคร่จะเข้าไป หลังเข้าไปแล้ว ขอให้ทุกท่านระมัดระวังตัวเพิ่มขึ้นมากเข้าไว้”
พูดจบ เขาก็หมุนกายหันไปมองทางป่าหิน
ตั้งแต่รู้ว่าสุสานของถังเคออยู่ข้างในนั้น คนจำนวนมากที่ตระกูลเว่ยส่งไปบาดเจ็บล้มตายกันถ้วนหน้า กระนั้นก็มิอาจสืบข่าวที่เป็นประโยชน์กลับมาไม่ได้แม้แต่น้อย
ครั้งนี้มีคนมามากมายปานนี้ ไม่รู้ว่า… จะมีความคืบหน้าอันใดบ้าง
คนตระกูลเว่ยที่อยู่ด้านหลังเองก็เดินตามเข้าไปเช่นกัน
บรรดาฝูงชนที่เหลือเองก็ทยอยเคลื่อนไหว เงาร่างค่อยๆ หายลับไปภายในป่าหิน
…
หลังเข้าไปในป่าหินแล้ว บรรดาฝูงชนล้วนเดินตามหลังคนตระกูลเว่ยที่นำอยู่ด้านหน้า
ก้อนหินภายในนี้มีสีเทาทั้งก้อน มีรูปร่างประหลาดแปลกตา ทั้งยังใหญ่โตมโหฬารยิ่งนัก
ทั่วทั้งสี่ทิศเงียบกริบไร้สุ้มเสียง มีเพียงเสียงฝีเท้าของผู้คนที่ก้าวฉับไปข้างหน้าอย่างต่อเนื่องเท่านั้น
ฝั่งพวกซั่งกวนจิ้งเดินไปพลางกวาดตาสำรวจบริเวณโดยรอบอย่างละเอียด ไม่นานก็มีคนจับสังเกตเรื่องผิดปกติขึ้นมาได้
“… พวกเจ้ารู้สึกหรือไม่ว่าหินพวกนั้นเหมือนจะกำลังขยับอยู่?”
ใครคนหนึ่งเอ่ยขึ้นอย่างแปลกใจ
คำพูดนั้นดึงดูดความสนใจคนจำนวนไม่น้อยที่เห็นด้วยในทันที
“เจ้าเองก็รู้สึกหรือ?”
“ข้าเองยังคิดว่ามีแค่ตัวเองที่รู้สึกแบบนั้น… ที่แท้ทุกคนก็รู้สึกเหมือนกันหมดสินะ?”
“หินพวกนี้ที่อยู่ด้านนอกเปลี่ยนรูปแบบไม่หยุดจนแยกตำแหน่งของตัวเองไม่ได้… สภาพแวดล้อมแบบนี้แทบจะเหมือนเขาวงกตอยู่รอมร่อ หากคิดจะออกไปหลังหลงเข้าไปในส่วนลึกของป่าแล้ว เกรงว่าต้องลำบากไม่น้อยเป็นแน่…”
ยามได้ยินคำวิพากษ์วิจารณ์เหล่านี้แล้ว เว่ยเจ๋อก็หัวเราะขึ้นมาคำรบหนึ่งพลางกล่าวว่า
“ทุกท่านไม่ต้องตื่นตระหนกไป ป่าหินแห่งนี้เป็นเช่นนี้นับแต่วันที่มันปรากฏขึ้นมา จะบอกว่าเป็นภาพมายาก็ดี จะพูดว่าเป็นเขาวงกตก็ช่าง สุดท้ายแล้วมันก็สร้างความสับสนให้แก่ผู้คนได้จริงๆ แต่ทุกท่านพลังแกร่งกล้า หากคิดจะออกไป พุ่งทะยานไปทางด้านบนก็ออกได้แล้ว”
เขาชี้นิ้วขึ้นไปพลางเอ่ย
ประกายแสงสีรุ้งสายหนึ่งที่ปรากฏขึ้นอยู่บ่อยๆ พาดผ่านให้เห็นจากด้านบน
เมื่อครู่พวกเขาเองก็ผ่านมาจากตรงนั้นเช่นกัน
บรรดาฝูงชนได้ยินดังนั้นก็ทยอยผ่อนลมหายใจอย่างโล่งอก
ซั่งกวนจิ้งกลับขมวดคิ้วน้อยๆ ในใจพลันบังเกิดความรู้สึกกระวนกระวายอย่างอธิบายไม่ถูกขึ้นมาหลายส่วน
หากหนีออกไปได้ว่องไวปานนั้นจริงๆ เช่นนั้นเหตุใดก่อนหน้านี้ตระกูลเว่ยถึงบาดเจ็บล้มตายสาหัสกันเล่า?”
พวกเขาต้องสูญเสียไปมากแน่ ถึงได้ยอมให้คนอื่นเข้ามาเช่นนี้
ทว่าหลังจากบรรดาฝูงชนเคลื่อนพลไปได้ประมาณครึ่งชั่วยาม ก็ไม่มีเรื่องที่มิคาดคิดอันใดเกิดขึ้น
ซั่งกวนจิ้งยับยั้งอารมณ์วิตกกังวลในใจลงไป ก่อนเดินตามฝูงชนไปด้วยสีหน้าเรียบนิ่ง
ขออภัย
เกิดเหตุขัดข้องในการเชื่อมต่อ กรุณาลองใหม่อีกครั้ง
ในที่สุด คนตระกูลเว่ยที่อยู่ด้านหน้าก็หยุดฝีเท้าลง
ลองใหม่อีกครั้ง
ซั่งกวนจิ้งจดจ้องไปยังเบื้องหน้า
พื้นที่ด้านในนี้เป็นลานเปิดโล่งและกว้างขวางอย่างหาได้ยาก มีเพียงก้อนหินขนาดยักษ์ก้อนหนึ่งที่ตั้งอยู่บริเวณตรงกลางของลานเท่านั้น
รูปร่างลักษณะของก้อนหินยักษ์แปลกประหลาดอย่างยิ่ง หินทั้งก้อนฉาบทับปรากฏให้เห็นเป็นสีแดงชาด
สิ่งที่ดึงดูดความสนใจของคนที่สุดก็คือ ใจกลางของหินก้อนนั้นมีห่วงประตูสัมฤทธิ์อันหนึ่งประดับเอาไว้!
………………..