ยอดหญิงลิขิตสวรรค์ - ตอนที่ 2051 เปิดประตู
ตอนที่ 2051 เปิดประตู
………………..
“เยว่เออร์!”
องค์ไท่จู่จำได้ทันทีว่าคนผู้นั้นคือฉู่หลิวเยว่ พลันตะโกนลั่นด้วยความตกใจ
ทว่าไม่ทันสิ้นเสียง สายตาของเขาก็หันไปเห็นลำแสงสายหนึ่ง ที่ส่องสว่างอยู่ทางด้านหลังของนางเสียก่อน!
ฉู่หลิวเยว่นึกเอะใจ แล้วหันขวับไปมอง
สนิมที่เกาะตัวอยู่บนห่วงเคาะประตูหลุดออก แล้วร่วงลงมาอย่างรวดเร็ว!
แรงกดดันที่เปี่ยมไปด้วยพลังปราณอันศักดิ์สิทธิ์ แผ่ขยายออกมาจากด้านบน!
ดวงตาสวยของนางพลันหรี่ลง ปากเล็กอ้าค้างราวพูดไม่ออก!
ภายในกลุ่มแสงพร่างพราวนั่น นางมองเห็นได้เลือนรางว่า ลายเส้นที่ค่อยๆ ปรากฏขึ้นบนประตูสัมฤทธิ์นั้น คล้ายคลึงกับข้อความลับบนโล่ผสานนภามาก!
เปลวเพลิงสีแดงที่รายล้อมรอบตัวซั่งกวนจิ้งทั้งหมดพลันสงบลงในครานี้
ร่างของคนทั้งสองปรากฏแก่สายตาผู้คน
เหล่าผู้ชมล้วนจ้องมองภาพนั้นอย่างตกตะลึง
แม้ว่าเว่ยเจ๋อจะไม่เคยพบฉู่หลิวเยว่มาก่อน แต่เขาก็เดาตัวตนของนางออกได้ในทันที
“ซั่งกวนเยว่!? ไยเจ้าถึงมาอยู่ที่นี่?!”
เหล่าคนที่รวมตัวกันในป่าศิลาก่อนหน้านี้เอง ก็เข้ามารวมตัวกันหมดแล้ว เหตุใดจู่ๆ นางถึงมาปรากฏตัวที่นี่ได้?
ในเมื่อตอนนี้นางอยู่ที่นี่ แล้ว… หรงซิวเล่า?
“ประมุขเว่ย ไม่เจอกันนานเลย ยังสบายดีหรือไม่”
เสียงทุ้มต่ำอันอ่อนโยนลอยแว่วมาตามสายลม
เมื่อได้ยินสิ่งนี้ หัวใจของเว่ยเจ๋อดิ่งวูบลงทันที ก่อนจะหันกลับไปมอง ร่างเงาในชุดสีขาวราวหิมะอันเย็นยะเยือกที่คุ้นเคยปรากฏตัวขึ้น!
“หรงซิว!?”
ยามนี้คนอื่นๆ ในลานกว้างเองก็ดึงสติกลับมาได้แล้ว ทุกสายตาล้วนพุ่งเป้าไปที่หรงซิวและฉู่หลิวเยว่
หรงซิว คนส่วนใหญ่เคยเห็นเขามาแล้ว
ฉะนั้นตอนนี้ พวกเขาจึงหันไปสนใจฉู่หลิวเยว่เสียมากกว่า
“ซั่งกวนเยว่? คนที่เอาชนะอี้เหวินเทาในการต่อสู้ที่ท่าเรือดอกท้อน่ะหรือ?”
ใครบางคนพึมพำออกมาอย่างเหลือเชื่อ
“ดูๆ แล้วเหมือนจะเป็นแค่ระดับเทพเอง…”
“ถึงจะเป็นระดับเทพ แต่เมื่อครู่นางช่วยซั่งกวนจิ้งหยุดเปลวเพลิงที่เกิดจากห่วงเคาะประตูสัมฤทธิ์เชียวนะ!”
“ใช่แล้ว นางได้ทำสัญญากับนายน้อยแห่งเผ่าหงส์ทองคำด้วย โดยธรรมชาติแล้ว สิ่งเหล่านี้ที่นางเผชิญอยู่ จะไม่เป็นภัยคุกคามต่อนาง…”
“เมื่อครู่พวกเขาอยู่แถวนี้รึ? ไยถึงเข้ามาได้กัน?”
หลายคนต่างออกความเห็นกันเซ็งแซ่
การปรากฏตัวของฉู่หลิวเยว่กับหรงซิว เหมือนเป็นการขว้างก้อนหินลงน้ำนิ่ง จนเกิดระลอกคลื่นนับไม่ถ้วน!
แต่ในเวลานี้ ฉู่หลิวเยว่ไม่ได้สนใจเรื่องพรรค์นั้น
เรียวขนงงามย่นเข้าหากันทีละนิด ดวงตาทั้งสองจับจ้องไปยังห่วงเคาะประตูสัมฤทธิ์ด้านหน้า
จากนั้นนางก็ยื่นมือออกไปโดยไม่ลังเล…
“เยว่เออร์! อันตราย!”
ขณะที่ซั่งกวนจิ้งกำลังจะหยุดนาง ฉู่หลิวเยว่กลับส่ายหัวเบาๆ
“องค์ไท่จู่อย่าได้กังวล ข้ามั่นใจตัวเองยิ่ง”
หลังจากได้ฟังนางเช่นนั้น ซั่งกวนจิ้งพลันชะงัก ลอยตัวนิ่งรออยู่กลางอากาศ
เขารู้ว่านางไม่เคยกระทำการโดยไร้เหตุผล ในเมื่อนางมาที่นี่ ก็หมายความว่านางต้องมีจุดประสงค์ของตัวเอง
ครั้นซั่งกวนจิ้งนึกถึงจำนวนผู้เสียชีวิตที่นี่แล้ว ก็รู้สึกไม่สบายใจเล็กน้อย แต่เปลวเพลิงสีแดงเหล่านั้น กลับถูกฉู่หลิวเยว่ระงับไว้ได้…
แต่ถ้าพบสิ่งผิดปกติเมื่อใด เขาจะลงมือทันที!
ทุกคนที่อยู่รอบด้านเองก็หันมามองเป็นตาเดียว
ครั้นเห็นการกระทำของฉู่หลิวเยว่ หลายคนล้วนจ้องมองนางด้วยสายตาเหยียดหยาม
ก่อนหน้านี้หลายคนลองแล้วแต่ก็ทำไม่ได้ แล้วนางคิดว่าตัวเองจะทำได้หรือ?
เว่ยเจ๋อเม้มปากอย่างงุ่นง่านใจ แล้วพูดว่า
“ซั่งกวนเยว่ ห่วงเคาะประตูสัมฤทธิ์นั่นอันตรายมาก ก่อนหน้านี้มีคนตายนับไม่ถ้วน เจ้าเอาตัวเข้าเสี่ยงเช่นนี้ หากเกิดอันใดขึ้นภายหลัง อย่าโทษว่าข้าไม่เตือนก็แล้วกัน”
แต่ฉู่หลิวเยว่ยังคงเคลื่อนไหวต่อ ราวกับไม่ได้ยินที่เขาพูด
การถูกละเลยต่อหน้าสาธารณชนเช่นนี้ ไม่ต่างจากการหักหน้าเว่ยเจ๋อเลย
สีหน้าของเว่ยเจ๋อดำมืดลงทันตา
“ซั่ง…“
“ชายาข้า ข้าดูแลเองได้”
หรงซิวกล่าวสั้นๆ ตัดบทเว่ยเจ๋อโดยสิ้นเชิง
สีหน้าของเขานั่งสงบราวคร้านจะคุย แต่น้ำเสียงกลับหนักแน่นอย่างมิอาจหักล้างได้
“อีกอย่าง ตอนนี้เยว่เออร์เป็นนายหญิงแห่งท่าเรือดอกท้อแล้ว พูดตามตรง ก็มีศักดิ์เท่าเทียมกับประมุขตระกูลเว่ย ประมุขเว่ย ก็น่าจะให้เกียรติยามเอ่ยนามนายหญิงเยว่ด้วยมิใช่หรือ?”
เว่ยเจ๋อโกรธจัด เส้นเลือดปูดโปนบนหน้าผากกระตุกถี่ยิบ
“จวนเยว่แห่งท่าเรือดอกท้อเพิ่งก่อตั้ง แต่ตระกูลเว่ยของข้าสืบทอดเชื้อสายมานานนับพันปี และยังเป็นตระกูลชั้นหนึ่งในอาณาจักรเสิ่นซวี่ด้วย! จะเอามาเทียบกันได้อย่างใด!?”
กล่าวได้ว่า ฉู่หลิวเยว่ไม่มีคุณสมบัติที่จะเปรียบเทียบกับเขาได้เลย
หรงซิวแสยะยิ้มบางเบา ก้านนิ้วเรียวขาวผ่อง ทำทียกขึ้นนวดหว่างคิ้วกรายๆ
“ถ้าอย่างนั้น… ข้าก็ขอถามเจ้าเรื่องหนึ่ง ในเมื่อประมุขเว่ยแข็งแกร่งเพียงนี้ เช่นนั้น เจ้ากับอี้เหวินเทา ใครเก่งกว่ากันรึ?”
คนธรรมดาอาจไม่รู้ว่าตระกูลอี้มาจากสถานภาพเช่นไร และไม่รู้ว่าอี้เหวินเทานั้นทรงอิทธิพลขนาดไหน แต่คนจากตระกูลชั้นหนึ่งเช่นพวกเขารู้ดีที่สุด
ถ้าให้ถามตัวเอง เว่ยเจ๋อรู้ว่าถ้าสู้กับอี้เหวินเทา สุดท้ายต้องเป็นเขาที่ผ่ายแพ้แน่นอน
แต่… อี้เหวินเทาพ่ายแพ้ในศึกท่าเรือดอกท้อ!
ริมฝีปากของเขาขยับอ้าหุบอยู่เช่นนั้น ดวงตาคมทอดมองไปยังร่างเพรียวบางที่อยู่ไม่ไกลอีกครั้งโดยไม่รู้ตัว
สุ้มเสียงจากบุคคลในลานแผ่วเสียงลง
พวกเขาเกือบลืมไปเลยว่า แม่นางที่อยู่เบื้องหน้านี้ คือนายหญิงเยว่แห่งท่าเรือดอกท้อ ที่บดขยี้อี้เหวินเทาเสียสิ้นลาย!
แม้แต่อี้เหวินเทายังไม่ใช่คู่ต่อสู้ของนางเลย แล้วพวกเขาเล่า…
ในขณะนั้นเอง ฉู่หลิวเยว่ก็ยื่นมือเข้าไปใกล้ห่วงประตูสัมฤทธิ์มากขึ้น จนเหลือเพียงไม่กี่ชุ่น!
หัวใจของเว่ยเจ๋ออึดอัดราวกับถูกบีบรัด
เขาจะปล่อยให้พวกนั้นได้ใจไปก่อน!
หากเกิดอันใดขึ้นในภายหลัง พวกเขาจะ…
ขณะคิดเช่นนี้ ดวงตาของเว่ยเจ๋อพลันเบิกกว้างด้วยความตกใจ
นั่นเพราะ…
ฉู่หลิวเยว่เอื้อมมือไปจับห่วงเคาะประตูได้อย่างปลอดภัย!
เรียวนิ้วขาวจับห่วงเคาะประตูไว้แน่น ด้านบนห่วงสนิมเปล่งแสงเรืองรอง จนขลับให้ผิวของนางผุดผ่องเป็นยองใยราวหยกเนื้อดี
ทุกคนเผลอกลั้นหายใจโดยพร้อมเพรียง พลางจ้องมองฉากนี้อย่างเหลือเชื่อ
ฉู่หลิวเยว่จ้องมองไปข้างหน้า
มือบางจับแน่น ประสาทสัมผัสของนางรู้สึกได้ถึงลายเส้นบนนั้นอย่างชัดเจน
แน่นอนว่าไม่รู้จักอักขระเหล่านี้ แต่… ไม่รู้ว่าเหตุใด ตอนนี้นางถึงรู้สึกคุ้นเคยกับมันนัก
ความรู้สึกเช่นนี้ ที่จริงมันผุดขึ้นมาตั้งแต่ครู่ก่อนแล้ว และตอนนี้ก็ยิ่งทวีความรุนแรงมากขึ้น
คิ้วเรียวขมวดมุ่น
เมื่อยืนอยู่ตรงนี้ นางก็ยิ่งได้ยินเสียงกุกกักที่ดังอยู่ด้านใน
ก่อนหน้านี้นางยังไม่แน่ใจ ทว่ายามนี้นางมั่นใจแล้ว เสียงที่ดังก้องอยู่ด้านในนั้น ล้วนเกี่ยวข้องกับสมบัติศักดิ์สิทธิ์สามชิ้นที่อยู่ในกายนางแน่นอน!
ง้าวว่านเฟิงของถังเคอไม่สามารถเปิดมันได้ แต่อาวุธศักดิ์สิทธิ์ที่ท่านซูทิ้งไว้ให้ กลับตอบสนองอย่างรุนแรงต่อสิ่งเหล่านี้…
ฉู่หลิวเยว่ไม่ลังเลอีกต่อไป พลันกดห่วงเคาะประตูสัมฤทธิ์เบาๆ!
“ก๊อก ก๊อก”!
ทันใดนั้น ก็มีแสงสีขาวส่องสว่างปกคลุมไปทั่ว!
แผ่นศิลาตรงหน้าพลันแตกร้าวและค่อยๆ เปิดออก กลายเป็นช่องประตูบานใหญ่!
ฉู่หลิวเยว่ออกแรงกระแทกห่วงอีกครั้ง!
เอี๊ยด…
ประตูบานใหญ่ค่อยๆ เปิดออกทีละนิด!