ยอดหญิงลิขิตสวรรค์ - ตอนที่ 2054 ฝุ่นจับ
………………..
เบื้องหน้าที่อยู่ห่างออกไปไม่ไกลมีปากทางเข้าสายหนึ่ง
ทางเข้านี้ปรากฏให้เห็นในรูปของประตูโค้งบานหนึ่งที่นำทางตรงไปสู่ด้านใน
ภายในนั้นมืดสนิท
ผู้ใดก็มิอาจทราบได้ว่าด้านในนั้นมีสิ่งใดบ้าง หรือภาพฉากด้านหลังจะเป็นเช่นไร
มีลมหนาวเย็นยะเยือกเสียดแทงถึงกระดูกพวยพุ่งออกมาจากด้านใน
ปอยผมที่อยู่บริเวณหน้าผากของฉู่หลิวเยว่สะบัดไหวเบาๆ ยามกระทบบนดวงหน้าจึงชวนรู้สึกคันยุบยิบอยู่ไม่น้อย
นางทัดปอยผมไว้ข้างหู ก่อนจะก้าวเดินไปข้างหน้า
“เดี๋ยวก่อนเยว่เออร์!”
ซั่งกวนจิ้งรีบเข้ามารั้งนางเอาไว้
“ที่แห่งนี้แปลกประหลาดยิ่งนัก ต้องระแวดระวังเหนือสิ่งใด“
ฉู่หลิวเยว่หัวเราะเบาๆ พลางตบแขนเขา
“ท่านวางใจเถิด ในเมื่อข้าเปิดประตูนี่ออกได้ ก็ไม่ต้องกลัวอันตรายแล้ว อีกอย่าง ยังมีท่านกับหรงซิวอยู่ด้วยมิใช่หรือไร?”
ซั่งกวนจิ้งจึงรู้สึกผ่อนคลายลงไปหลายส่วน
ความจริงแล้วพอลองคิดดูอย่างถี่ถ้วน พลังต่อสู้ของแม่หนูเยว่เออร์ตอนนี้น่าจะพอๆ กับเขาแล้ว
หากนางอัญเชิญถวนจื่อกับจื่อเฉินออกมาอีก ย่อมชนะแน่นอนอย่างไม่ต้องสงสัย
ก็เป็นถึงพลังที่ใช้จัดการอี้เหวินเทาจนราบคาบนี่นะ…
ความจริงแล้วหากเป็นเขาที่มาเอง กลับกันอาจไม่ต้องคอยวิตกกังวลเช่นนี้ก็เป็นได้
หลักๆ แล้วเป็นเพราะเขาตัดใจให้เลิกกังวลเรื่องฉู่หลิวเยว่ไม่ได้
แม้จะรู้ว่าบัดนี้นางมีพลังแกร่งกล้า แต่ยามคิดว่านางต้องเผชิญกับอันตราย ในใจก็ยังคงรู้สึกกระวนกระวายอย่างเลี่ยงไม่ได้อยู่ดี
ปากทางเข้าที่มีลักษณะเหมือนประตูโค้งราวกับมีค่ายกลล่องหนชั้นหนึ่งตัดผ่านพื้นที่ว่างออกเป็นสองส่วนโดยสมบูรณ์
ฉู่หลิวเยว่เดินไปถึงด้านหน้าประตูบานนั้น ก่อนจะหยุดยืนนิ่ง
หึ่งหึ่ง!
เมื่อยืนอยู่ด้านใน เสียงร้องอื้ออึงที่ดังแผ่วๆ ยิ่งทวีความชัดเจนมากขึ้น
เห็นได้ชัดเลยว่าการเคลื่อนไหวทั้งหมดล้วนส่งเสียงดังมาจากด้านในทั้งสิ้น!
เสียงฝีเท้าจากด้านหลังดังขึ้นมาให้ได้ยินอย่างต่อเนื่อง
เห็นได้ชัดว่ามีผู้คนจำนวนมากที่กำลังพากันลงมาด้านล่าง
สายตาของทุกคนล้วนจับจ้องไปที่ฉู่หลิวเยว่เป็นตาเดียว
เงียบกริบ
นัยน์ตาของฉู่หลิวเยว่ฉายแววหนักแน่นออกมา หลังจากผ่อนลมหายใจแผ่วเบาออกมาแล้ว นางก็กำกระบี่ชื่อเซียวในมือไว้มั่น แล้วสาวเท้ารุดไปยังเบื้องหน้า!
ในไม่ช้า ร่างของนางครึ่งซีกก็จมหายไปในความมืดมิด
ทุกคนล้วนกลั้นลมหายใจ ตาจ้องมองไม่กะพริบด้วยกลัวว่าจะพลาดอันใดไป
“ตึก”
เสียงฝีเท้าที่กระทบกับพื้นดินดังแว่วขึ้นมาให้ได้ยิน
เงาร่างของฉู่หลิวเยว่หายวับไปจากสายตาของบรรดาฝูงชนโดยสมบูรณ์ในที่สุด!
ความมืดสีดำสนิทเข้าปกคลุมทุกสิ่งทุกอย่างที่อยู่ต่อหน้านาง
นางรู้ว่าตัวเองผ่านทางเข้าเข้ามาภายในความมืดมิดที่ว่างเปล่าอันแปลกประหลาดนี้เรียบร้อยแล้ว
แต่…
บริเวณโดยรอบยังคงเงียบสนิท
ฉู่หลิวเยว่ถึงขั้นได้ยินเสียงหัวใจเต้นและเสียงหายใจของตัวเองเลยด้วยซ้ำ
ลมสายหนึ่งพัดวูบมา นำพาความรู้สึกเย็นยะเยือกมากระทบ
เสียงอื้ออึงสายนั้นราวกับดังแว่วขึ้นมาจากทั่วทุกทิศทางก็มิปาน
ฉู่หลิวเยว่ตั้งใจฟังอยู่พักหนึ่งก็ยังแยกไม่ออกว่าเสียงนั่นดังมาจากทิศทางใดกันแน่
นางเงื้อกระบี่ขึ้นหมายคิดจะเสกลูกไฟออกมาให้ความสว่าง
ทว่าเปลวเพลิงสีทองบริสุทธิ์เพิ่งจะพวยพุ่งออกมา มันก็มอดดับลงไปอย่างรวดเร็ว
ฉู่หลิวเยว่ตื่นตะลึงโดยพลัน
ราวกับว่า… มีกระแสพลังบางอย่างที่อยู่โดยรอบคอยยับยั้งมันเอาไว้
จากนั้น ประหนึ่งว่ามีแรงกดดันมหาศาลแผ่วจางค่อยๆ เข้าปกคลุมตัวนางอยู่อย่างใดอย่างนั้น
“อาเยว่ ข้าอยากออกไป!”
สุ้มเสียงนุ่มนวลของถวนจื่ออันแฝงความใคร่รู้และคาดหวังไว้รางๆ แว่วดังขึ้น
ฉู่หลิวเยว่แปลกใจอยู่ไม่น้อย “ตอนนี้หรือ?”
“ใช่แล้ว!”
แม้ถวนจื่อจะกระตือรือร้นและวู่วาม แต่ก็รู้ความมาแต่ไหนแต่ไร รู้ว่าตัวเองควรทำอันใดไม่ควรทำอันใดเมื่อหน้าสิ่วหน้าขวาน
หาได้ยากที่นางจะเป็นฝ่ายเอ่ยปากก่อน ฉู่หลิวเยว่ไตร่ตรองเพียงชั่วครู่ก็ตอบตกลง
“ได้ แต่วิ่งซนไม่ได้ ต้องตามติดข้าตลอดเวลาที่อยู่ที่นี่ เข้าใจหรือไม่?“
ถวนจื่อรีบรับปาก
“อืมอืม! ถวนจื่อเชื่อฟังที่อาเยว่บอกอยู่แล้ว!”
ฉู่หลิวเยว่จึงวางใจลงไปได้
ไวเท่าความคิด เงาร่างของถวนจื่อก็ปรากฏออกมาอยู่ข้างกายทันที
บนร่างของนางมีเปลวเพลิงสีทองแผดเผาลุกโชน แต่ราวกับเพราะถูกพลังบางอย่างยับยั้งไว้ เปลวเพลิงจึงอ่อนกำลังลงไปไม่น้อย
ต่อให้เป็นตัวอี้เหวินเทาก่อนหน้านี้เองก็มิอาจผงาดขึ้นมาได้เปรียบภายใต้กำมือของนางเลยแม้แต่น้อย
ทว่าพออยู่ที่นี่ ลมปราณของถวนจื่อกลับเสียเปรียบทั้งแบบนั้น
มิรู้ว่าท่ามกลางความมืดมิดนี้มีอันใดรออยู่กันแน่…
ในตอนนั้นเอง พลันมีแรงกระเพื่อมประหลาดพิกลสายหนึ่งแล่นปราดอยู่ภายในร่างของนาง
นางตื่นตะลึงไปเล็กน้อย
แรงกระเพื่อมนี้… มาจากโล่ผสานนภา!
ตอนที่ความคิดนี้แล่นวาบขึ้นมาในสมองของนาง ประกายแสงที่สว่างไสวพลันสาดส่องไปทั่วตั้งแต่บนจรดล่าง!
เมื่อแสงสว่างปรากฏ ความมืดมิดสีเข้มสนิทที่ล้อมอยู่บริเวณโดยรอบก็สลายหายไปในบัดดล!
ทุกสิ่งทุกอย่างค่อยๆ ปรากฏคืนสู่สภาพเดิมของมัน ราวกับกองฝุ่นที่ทับถมกองกันปีแล้วปีเล่าถูกปัดกวาดออก
ภาพฉากทั้งหมดเผยสู่ครรลองสายตาของฉู่หลิวเยว่ทีละนิด
ที่นี่เป็นพื้นที่วงกลมที่กว้างขวางอย่างยิ่ง กำแพงผนังสูงใหญ่มีสีดำเข้มสนิท ดูคล้ายคลึงกับโล่ผสานนภาทีเดียว
อีกทั้งยังมีประตูสำริดบานหนาหาสิ่งใดเปรียบอยู่บนผนังวงกลม
หลังคาทรงกลมที่อยู่เหนือศีรษะขึ้นไปมีเพียงแสงที่สาดส่องลงมา ทำให้มองเห็นได้ไม่ชัดนัก
ฉู่หลิวเยว่กำลังยืนอยู่ตรงปากทางเข้าพื้นที่ว่างอันกว้างขวางที่ว่า
หากเอาตัวนางเป็นจุดศูนย์กลาง บริเวณสองข้างซ้ายขวาแต่ละฝั่งจะมีประตูอยู่ห้าบานด้วยกัน
พอนำมารวมกันแล้ว ทั้งหมดจะมีประตูอยู่สิบบาน
แรงกดดันมหาศาลอันไร้ที่สิ้นสุดแผ่ขยายออกมาจากประตูสำริดเหล่านั้น!
นางจดจ้องภาพฉากตรงหน้าอย่างเหม่อลอย
ก่อนหน้านี้จะอย่างใดก็คิดไม่ถึงว่าที่แท้ด้านในจะมีลักษณะเช่นนี้
นี่คือสุสานของถังเคอจริงๆ งั้นหรือ?
แต่ดูไปแล้ว ที่นี่ไม่เหมือนสุสานเลยหนา…
คนด้านนอกเองก็รับรู้ได้ถึงความเปลี่ยนแปลงภายในเช่นกัน
พวกหรงซิวทยอยเดินเข้ามาข้างใน
ซั่งกวนจิ้งกวาดตามองโดยรอบคราหนึ่ง ก่อนจะตกตะลึงจนหยุดอยู่กับที่
“นี่…”
โชคดีเสียจริงที่ก่อนหน้านี้เขากังวลอยู่นานสองนาน พอมาตอนนี้แล้วมันกลับต่างจากที่เขาคาดคิดไว้ราวฟ้ากับเหว
เขาอดทนรอพักหนึ่ง แต่ก็ไม่มีอันตรายใดบังเกิดขึ้น
“เยว่เออร์ เจ้ามองอันใดออกบ้างหรือไม่”
นางจดจ้องไปยังประตูสำริดสิบบานนั้นด้วยท่าทีคล้ายกำลังเหม่อลอย
“ไม่เลย”
นางพอรับรู้ได้รางๆ ว่าประตูพวกนั้นมีบางอย่างที่แตกต่างออกไป แต่ตอนนี้ยังไม่มีอันใดเกิดขึ้น จึงมิอาจเดาได้
ซั่งกวนจิ้งมองตามครรลองสายตาของนาง ก่อนจะขมวดคิ้วเช่นกัน
“เหตุใด… ที่นี่ถึงได้มีประตูมากมายปานนี้”
ในตอนนั้นเอง เมื่อฝั่งของเว่ยเจ๋อเห็นว่ายังไม่มีอันใดเกิดขึ้นกับพวกฉู่หลิวเยว่ก็ทยอยพากันเดินเข้ามา
เมื่อได้ยินคำพูดของซั่งกวนจิ้ง บรรดาฝูงชนล้วนจมดิ่งสู่ห้วงความคิด
ทันใดนั้น นัยน์ตาของเว่ยเจ๋อพลันสว่างเรืองรอง
“สิบบาน? การต่อสู้ของถังเคอและท่านซูในครานั้นก็ตีหลอมสมบัติศักดิ์สิทธิ์ออกมาได้สิบชิ้นพอดีมิใช่หรือ? เท่ากับประตูสิบบานพอดิบพอดีเลยนี่?“
คำพูดนี้นำพาให้ผู้คนจำนวนไม่น้อยเห็นด้วยโดยพลัน
คาดเดาออกมาเช่นนี้ก็ใช่ว่าจะไร้เหตุผลเสียทีเดียว
มิเช่นนั้นแล้ว ผู้ใดจะสร้างประตูของที่นี่ทิ้งไว้ตั้งสิบบานกัน?
“อาเยว่ ข้าอยากไปตรงนั้น!”
ถวนจื่อดึงมือของฉู่หลิวเยว่พลางกระซิบเสียงเบา
ฉู่หลิวเยว่ตวัดสายตามองตามทางที่นางชี้
“เจ้าอยากไปตรงกลางนั่นหรือ?“
ถวนจื่อผงกศีรษะสุดแรงเกิด
“อืม!”
ฉู่หลิวเยว่ครุ่นคิดครู่หนึ่ง
“ได้ ข้าจะไปกับเจ้า”