ยอดหญิงลิขิตสวรรค์ - ตอนที่ 2058 ขอแค่เจ้าเอ่ยมาประโยคเดียว
ตอนที่ 2058 ขอแค่เจ้าเอ่ยมาประโยคเดียว
………………..
“ถูกต้อง! ที่เจ้าเปิดประตูเข้ามาที่นี่ได้เป็นเพราะตัวข้าอนุมัติให้! แต่ตอนแรกตัวข้าคิดว่าเจ้าจะเข้ามาด้วยตัวเอง คิดไม่ถึงว่าเจ้าจะพาคนมาเยอะขนาดนี้”
สุรเสียงทุ้มต่ำมากประสบการณ์ของถังเคอกังวานไปทั่วโถงว่างกว้างโอ่อ่า
บรรดาฝูงชนได้ยินดังนั้นต่างมีสีหน้าแตกต่างกันออกไป
คำพูดนี้… ฟังแล้วเหตุใดชวนให้รู้สึกอึดอัดอย่างใดชอบกล
ดังนั้นก็แปลว่าถังเคอจับตาดูแค่ฉู่หลิวเยว่คนเดียวมาตั้งแต่แรก
ที่พวกเขาเข้ามาได้ก็ล้วนแต่พึ่งบารมีของฉู่หลิวเยว่กันทั้งนั้นหรือ
นี่ทำให้พวกคนที่แต่เดิมมองดูฉู่หลิวเยว่เป็นตัวตลกอับจนคำพูดกันถ้วนหน้าในใจรู้สึกขุ่นข้องหมองมัวยิ่ง
ไม่ว่าใครได้ยินเช่นนี้ เกรงว่าอารมณ์เองก็อาจจะแปรเปลี่ยนเป็นไม่ค่อยดีเท่าไร
ซั่งกวนจิ้งกลับยินดีปรีดายิ่ง
อย่างใดเสียหากแม่หนูเยว่เออร์เติบโตไปมีอนาคตก้าวไกล เขาก็จะได้หน้าด้วยอย่างใดเล่า!
ถ้าท้ายที่สุดแล้วแม่หนูเยว่เออร์สืบทอดขุมทรัพย์ของถังเคอขึ้นมาได้จริงๆ เขาก็จะยิ่งมีความสุขและตื่นเต้นมากกว่าตนได้มันมาเองเสียอีก!
หรงซิวยืนเอามือไพล่หลังอยู่ข้างกัน
เมื่อได้ยินคำพูดเช่นนี้ เขาก็เอนหน้าน้อยๆ ไปมองฉู่หลิวเยว่แวบหนึ่ง ดวงหน้าที่แต่เดิมเย็นชากลับประดับด้วยรอยยิ้มจางๆ อยู่หลายส่วน
มุมปากของฉู่หลิวเยว่หยักยกขึ้นน้อยๆ
“เป็นผู้น้อยที่โง่เขลาเบาปัญญา หาได้เข้าใจเจตนาของผู้อาวุโสไม่“
แม้จะพูดออกไปเช่นนี้ แต่สีหน้าของนางกลับผ่อนคลายสบายอารมณ์ มองไม่เห็นแววเศร้าโศกรู้สึกผิดอันใดเลยแม้แต่น้อย
ถังเคอดูจะประหลาดใจอยู่ไม่น้อย
“เจ้าไม่รู้สึกเสียดายเลยรึ”
“เสียดาย… ที่เดิมทีโอกาสดีงามปานนี้เจ้าจะได้เชยชมคนเดียวไงเล่า! นังหนู ตอนนี้ตัวข้าจะให้โอกาสเจ้าอีกครั้ง ขอแค่เจ้าพยักหน้า ตัวข้าจะส่งคนอื่นออกไปด้านนอกทั้งหมดให้เหลือแค่เจ้าคนเดียว ส่วนมรดกทั้งหมดของตัวข้า พอถึงเวลาอันเหมาะสมก็จะยกทุกสิ่งทุกอย่างมอบให้เจ้าสืบทอดต่อ!“
ทันทีที่คำพูดนี้หลุดลอดออกมา บรรดาฝูงชนต่างก็ตื่นตกใจ บรรยากาศตกอยู่ในความจ้าละหวั่นทันใด
“ท่านผู้อาวุโสถังเคอ!”
ในที่สุดท่ามกลางกลุ่มคนก็มีคนสาวเท้าก้าวขึ้นมาเอ่ยด้านหน้าอย่างอดไม่ได้
“ผู้อาวุโสโปรดใคร่ครวญให้ดีด้วยเถิด! แม้พวกเราจะเปิดประตูบานนั้นไม่ได้ แต่พูดกันตามตรงแล้ว พรสวรรค์และความสามารถด้านช่างหลอมอาวุธของพวกเราก็พอๆ กับซั่งกวนเยว่ ถึงขั้นมีมากกว่าด้วยซ้ำ! หากท่านคิดจะเลือกใครสักคนมาสืบทอดมรดกจริงๆ เช่นนั้นก็ต้องแน่ใจว่าคนผู้นั้นโดดเด่นจับตาเหนือใคร ซั่งกวนเยว่นาง… ไม่สมควรได้รับสิ่งนี้หรอกขอรับ!“
”นั่นซี! การฝึกปรือด้านจอมยุทธ์ของฉู่หลิวเยว่ไม่ธรรมดาโดยแท้ ระดับพลังปราณอยู่ระดับเทพขั้นสูงแต่สู้กับผู้แข็งแกร่งระดับเทพศักดิ์สิทธิ์ได้! ทว่าในด้านช่างหลอมอาวุธแล้ว มิแน่ว่านางจะเป็นตัวเลือกที่ดีที่สุดของท่านหรอกหนา ขอให้ท่านโปรดคิดตรึกตรองให้ละเอียดถี่ถ้วนด้วยเถิด!“
“ท่านผู้อาวุโสถังเคอ…”
สุรเสียงหลากหลายรูปแบบดังแว่วขึ้นมาอย่างต่อเนื่องเพื่อโน้มน้าวให้ถังเคอไม่ตัดสินใจเช่นนี้
สำหรับพวกเขาแล้ว หากถังเคอเลือกฉู่หลิวเยว่ขึ้นมาจริงๆ เช่นนั้นก็นับว่าไร้เหตุผลโดยสิ้นเชิง เป็นความผิดพลาดยิ่งใหญ่อันร้ายแรง
คนเหล่านี้ที่อยู่ในที่แห่งนี้มีใครบ้างที่ทักษะด้านช่างหลอมอาวุธสู้นางไม่ได้?
หากพูดถึงพละกำลังและประสบการณ์… นางล้วนไร้ซึ่งศักยภาพในด้านนี้โดยสิ้นเชิง!
ไม่รู้จริงๆ ว่าถังเคอเป็นอันใดกันแน่ถึงได้เลือกคนเช่นนี้!
ถังเคอกล่าวถามว่า
“นังหนู เจ้าคิดอย่างใด?”
ฉู่หลิวเยว่ลอบแค่นหัวเราะอยู่ในใจ
ผู้อาวุโสถังเคอผู้นี้ช่างต่อกรด้วยไม่ง่ายเลยจริงๆ
หากเขาคิดจะส่งต่อมรดกให้นางจริงๆ ก็ปล่อยให้นางเข้ามาคนเดียวตั้งแต่แรก แล้วทิ้งผู้คนที่เหลือเอาไว้นอกประตูให้หมดก็ได้แล้ว
เหตุใดตอนนี้ต้องมาทำเช่นนี้อยู่อีก?
แต่สำหรับนาง นี่ย่อมสร้างปัญหาให้ไม่น้อยเลยทีเดียว
ต่อให้นางไม่กลัว แต่ก็ไม่คิดจะแบกรับความเสี่ยงไว้โดยไร้เหตุผล
ดังนั้น นางจึงเหลือบเปลือกตาขึ้นน้อยๆ หัวเราะคิกคักพลางกล่าว
“ผู้อาวุโสถังเคอ การได้สืบทอดมรดกของท่านช่างเป็นเกียรติสูงสุดอย่างยิ่ง แต่ในเมื่อข้าพาคนพวกนี้มาเอง เช่นนั้นย่อมไม่มีเหตุผลใดที่จะส่งพวกเขาออกไป ดังนั้น…”
“ดังนั้น เจ้าหมายความว่าจะให้พวกเขาอยู่ต่อ?” ถังเคอเอ่ยถาม “เจ้ารู้ไหม หากเป็นเช่นนี้ นั่นย่อมหมายถึงว่าเจ้าจะต้องแย่งชิงกับพวกเขาต่อ ไม่ต้องให้ตัวข้าสาธยายความลำบากของตัวเลือกนี้ ตัวเจ้าเองก็น่าจะเข้าใจกระมัง?”
ฉู่หลิวเยว่พยักหน้า
“ผู้น้อยเข้าใจ ผู้น้อยจึงอยากให้ทุกคนได้แข่งขันกันอย่างยุติธรรม ผู้ที่มีทั้งความสามารถและวาสนาถึงจะควรได้สืบทอดมรดกของท่าน เช่นนี้แล้วนี่ต่างหากจึงเป็นตัวเลือกที่เหมาะสมที่สุดมิใช่หรือท่าน?”
สิ้นเสียงคำพูดของฉู่หลิวเยว่ บริเวณโดยรอบพลันจมดิ่งสู่ความเงียบงันอันประหลาดพิกล
บรรดาฝูงชนที่เพิ่งเสนอความเห็นอย่างร้อนแรงเมื่อครู่บัดนี้ทยอยเงียบเสียงลง ก่อนหันมองฉู่หลิวเยว่ด้วยสายตาแตกต่างกันไป
หากยืนอยู่ในตำแหน่งเดียวกับพวกเขา คำพูดที่กล่าวออกมาเมื่อครู่ย่อมเป็นเรื่องปกติมาก อย่างใดเสียโอกาสก็อยู่ตรงหน้าแล้ว ต้องลองต่อสู้แย่งชิงมันมาดูสักตั้ง
แต่หากพวกเขาเป็นฉู่หลิวเยว่ ก็อาจจะพูดประโยคเหล่านี้ออกมาให้เหมือนนางเลยไม่ได้
มรดกของถังเคอเลยหนา!
ในใต้หล้า มีช่างหลอมอาวุธไม่รู้กี่มากน้อยที่เฝ้าใฝ่ฝันถวิลหา ทำได้แค่คาดหวังแต่มิอาจไขว่คว้า!
ตอนนี้ขอแค่นางเอ่ยปาก ก็จะได้มันมาครองอย่างง่ายดายแล้วแท้ๆ
แต่นางกลับปฏิเสธลงอย่างสุภาพเสียนี่?
แล้วยังเอ่ยอีกว่าจะสู้แย่งชิงเหมือนกับพวกเขา
สมองมีปัญหาไปแล้วใช่หรือไม่ ยังคิดว่าตัวเองจะชนะแน่นอนงั้นหรือ?
“นายท่านเยว่ทำเช่นนี้ ดูมีความมั่นใจมากว่าท้ายที่สุดแล้วจะชนะเหลือรอดเป็นคนสุดท้ายได้?”
ฉู่หลิวเยว่ตวัดสายตามองเขาแวบหนึ่ง ก่อนยิ้มตาหยี
”หากเทียบกับผู้อาวุโสทุกท่านแล้ว ประสบการณ์ของข้ายังอ่อนด้อย ช่างไม่คู่ควรให้กล่าวถึงโดยแท้ วันนี้มีวาสนาได้รับความโปรดปรานจากผู้อาวุโสถังเคอ ทั้งยังได้วัดฝีมือกับผู้อาวุโสทุกท่าน ก็นับว่าเป็นโชคดีที่หาได้ยากแล้ว”
คำพูดเมื่อครู่ค่อนข้างถ่อมตัวอยู่มากทีเดียว
ทันทีที่คำพูดนี้หลุดลอดออกมา พลันทำให้คนจำนวนไม่น้อยมีสีหน้าอ่อนลงมาก
ซั่งกวนเยว่ผู้นี้ดูจะไม่หยิ่งทระนงแลถือตัว มองว่าตัวเองดีที่สุดอย่างในข่าวลือเลยหนา?
อีกอย่างการที่นางทำแบบนี้ ก็เท่ากับมอบโอกาสให้ผู้อื่นด้วย
ทุกคนจึงมีความรู้สึกดีต่อนางไปโดยปริยาย
สู้กันอย่างยุติธรรม ใช้ความสามารถเป็นตัววัด นี่ล่ะจึงจะดีต่อทุกฝ่าย
บรรยากาศที่แต่เดิมตึงเครียดผ่อนคลายลงหลายส่วน
เว่ยเจ๋อลอบก่นด่าอยู่ในใจ
เจ้าเล่ห์เพทุบายนัก!
ก็แค่พูดให้ฟังดูดีไปเท่านั้น!
หากมิใช่หวาดกลัวแลวิตกกังวลว่าหลังออกไปแล้วต้องเผชิญการล้อมโจมตีจากคนพวกนี้ นางจะยังพูดว่าเลือกเช่นนี้ได้เต็มปากอยู่อีกหรือ
แต่บัดนี้ลมเปลี่ยนทิศเรียบร้อยแล้ว เว่ยเจ๋อรู้แก่ใจว่ามิอาจเกทับยู่หลิวเยว่ได้ตลอด จึงเพียงแค่สะบัดชายเสื้อคลุมเท่านั้น
“เช่นนั้นพวกข้าก็จะรอดูวาจาสัตย์ของนายท่านเยว่แล้วกัน!”
ถังเคอกล่าวถามว่า
“เจ้าแน่ใจแล้วรึ?”
ฉู่หลิวเยว่พยักหน้า
“ผู้น้อยตัดสินใจไปแล้ว ขอให้ผู้อาวุโสถังเคอ…ชี้แนะด้วย!”
ถังเคอได้ยินดังนั้นก็หัวเราะร่าออกมาเสียงลั่น
“ดี! ในเมื่อเจ้าพูดเช่นนี้แล้ว ตัวข้าก็จะปฏิบัติต่อพวกเจ้าอย่างเท่าเทียมกัน! อยากสืบทอดมรดกของตัวข้านั้นเรียบง่ายมาก ทัณฑ์สวรรค์ที่นี่เป็นสิ่งที่ตัวข้าเก็บสะสมมากว่าหมื่นปี! นับแต่นี้เป็นต้นไป พวกเจ้าสามารถใช้ทุกวิถีทางดูดซับมันเข้าไป! การแข่งขันครานี้ไม่จำกัดเวลา! ใครดูดซับเข้าไปได้มากที่สุด ก็จะนับว่าเป็นผู้ชนะคนสุดท้าย!”
“แน่นอนว่า หากในหมู่พวกเจ้ามีคนร่างระเบิดตายเพราะรับพลังทัณฑ์สวรรค์ไม่ไหว ตัวข้าจะไม่มีส่วนรับผิดชอบแม้แต่นิดเดียว เรื่องปริมาณนี้พวกเจ้าต้องควบคุมกันเอาเองแล้ว!”
“ผู้ชนะคนสุดท้ายจะสามารถเปิดประตูสำริดทั้งสิบบาน แล้วรับเอามรดกตัวข้าไปได้เลย!”