ยอดหญิงลิขิตสวรรค์ - ตอนที่ 2061 เจ้านายมองการไกล!
ตอนที่ 2061 เจ้านายมองการไกล!
………………..
ทัณฑ์สวรรค์สายนั้นสายนั้นฟาดลงไปด้วยความเร็ว หลั่งไหลเข้าไปในหม้อน้ำเทวศักดิ์สิทธิ์ และอันตรธานไปในพริบตา
ตั้งแต่หัวจรดสาย ไม่หลงเหลือแรงกดดันใดใดให้เห็นเลยสักนิด
ทุกคนพลันตกตะลึงกันพักใหญ่ ก่อนจะดึงสติกลับมาอย่างรวดเร็ว
สมกับเป็นสมบัติศักดิ์สิทธิ์ แค่กักเก็บทัณฑ์สวรรค์ไม่กี่สาย ย่อมมิใช่เรื่องยากอยู่แล้ว
หากแต่เมื่อเวลาผ่านไป และมีทัณฑ์สวรรค์มากขึ้นเรื่อยๆ จะเป็นร่างกายของฉู่หลิวเยว่เองต่างหากที่ทนไม่ไหว และยอมแพ้ไปในที่สุด
แต่ขณะที่สมองกำลังครุ่นคิด ก็มีทัณฑ์สวรรค์อีกสายผ่าลงมา!
เช่นเดียวสายแรกเมื่อครู่ มันหลุบหายเข้าไปในหม้อน้ำเทวศักดิ์สิทธิ์อย่างเงียบเชียบและเร็วไว เพลิงแห่งกรรมอันโปร่งใสลุกโชน พลันกลืนกินมันลงไปทันที
ผู้ชมหลายคนตอบสนองด้วยท่าท่างที่ต่างกันไป
บางคนอิจฉา บางคนริษยา บางคนถอนสายตาจากภาพนั้น แล้วหันมาสนใจตัวเอง
สุดท้ายแล้วถึงจะมองต่อไป ก็ไม่ได้ทำให้ศักยภาพของตนพัฒนาขึ้นแบบก้าวกระโดดได้หรอก
หากมีเวลาและพละกำลังเช่นนั้น สู้ลองเรียกทัณฑ์สวรรค์ออกมาให้ได้มากที่สุด ไม่ได้กว่าหรือ
เมื่อมีคนเปิด คนที่เหลือก็ทยอยทำตาม
ไม่นานก็มีทัณฑ์สวรรค์นับไม่ถ้วนปรากฏขึ้นจากทั่วทุกสารทิศ!
ซั่งกวนจิ้งยืนหยัดอยู่ข้างฉู่หลิวเยว่ ในมือกำกริดเล่มเล็กไว้ด้ามหนึ่ง
“หึหึ กริดหยกวิญญาณนี้มีค่ามหาศาล ยังดีที่ก่อนหน้านี้ข้าไม่ได้ทำมันพังเสียก่อน ไม่อย่างนั้น โอกาสดีๆ เช่นวันนี้ คงสูญเปล่าแน่!”
ทัณฑ์สวรรค์ ณ ที่แห่งนี้ ต่างพรวดเข้ามาจากทุกทิศทาง ราวกับมิอาจควบคุมได้!
แต่ถ้าหากสามารถนำทัณฑ์สวรรค์ที่นี่มาใช้ ก็จะสิ่งสะดวกต่อการหล่อหลอมอาวุธศักดิ์สิทธิ์ และทำให้คุณภาพของมันดีขึ้นกว่าเดิม!
ไม่ว่าจะได้รับมรดกของถังเคอหรือไม่ แต่ถ้าหากได้ฝึกตนอยุ่ท่ามกลางทะเลสายฟ้าเหล่านี้ ก็ถือได้รับพรที่มีค่าที่สุดในใต้หล้ามาแล้ว
สองเท้าของซั่งกวนจิ้งเขย่งขึ้น กริดหยกวิญญาณเล่มเล็กลอยล่องออกไปเบื้องหน้า
ทว่าสิ่งที่น่าตกใจที่สุดก็คือ ทัณฑ์สวรรค์เหล่านี้ล้วนฟาดลงไปที่จุดเดียวกันบนกริดหยกวิญญาณ!
แม้แต่คนที่เห็นภาพนี้จากระยะไกล ก็ยังอึ้งกิมกี่กันทั้งบาง
“ได้ยินมานานแล้วว่าซั่งกวนจิ้งนั้นถือเป็นช่างหลอมอาวุธชั้นยอด วันนี้ได้มาเห็นกับตา ช่างยิ่งใหญ่เกรียงไกรเสียจริง! พลังในการควบคุมและความไวว่องเช่นนี้ มิอาจเทียบนักพรตตาสีตาสาได้เลย…”
“สุดท้ายแล้ว เขาก็เป็นถึงคนที่ครั้งหนึ่งเคยประมือกับช่างหลอมอาวุธระดับปรมาจารย์ทั้งเจ็ดมาแล้ว แถมยังชระขาดลอยด้วย ถึงจะหลับไหลมานานนับพันปี แต่ความแข็งแกร่งก็ไม่ได้ลดลงเลย”
“นับเป็นคู่ต่อสู้ที่แข็งแกร่งจริงๆ…”
หรงซิวยังคงยืนอยู่ที่เดิม พลางเอนพิงง้าวว่านเฟิง สองแขนยกขึ้นกอดอกมองภาพตรงหน้าอย่างเหนื่อยหน่าย
ราวกับไม่ได้อยากมีส่วนร่วมในการแข่งขันครั้งนี้จริงๆ
เยี่ยนชิงและเชียงหว่านโจวยืนอยู่ด้านข้าง เงียบเสียงไม่พูดไม่จากันทั้งคู่ และทำเพียงเฝ้ามองสถานการณ์โดยรวม
ท่ามกลางพื้นที่อันกว้างใหญ่นี้ ครั้นกวาดสายตามอง ก็จะมีเพียงสามชีวิตเท่านั้นที่ไม่ได้เคลื่อนไหว
สุ่มเสียงผรุสวาทนานาอรรถรสเริ่มเจือจางลงทีละนิด ก่อนจะเหลือเพียงห้ำหั่นของทัณฑ์สวรรค์ที่ดังกังวานเต็มสองหู
ฉู่หลิวเยว่ไม่ได้สนใจเรื่องที่เกิดขึ้นด้านนอกเสียเท่าไร สองตากลมโตทำเพียงจ้องมองไปยังหม้อน้ำเทวศักดิ์สิทธิ์ที่อยู่ตรงหน้าตนเท่านั้น
เมื่อจำนวนของทัณฑ์สวรรค์ที่ตกลงสู่หม้อน้ำเทวศักดิ์สิทธิ์เพิ่มขึ้น แรงกดดันก็ค่อยๆ เพิ่มขึ้นเช่นกัน หม้อทั้งใบส่องแสงเรืองรอง แจ่มแจ้งชัดเจนเต็มๆ ตา
และพลังปราณดั้งเดิม รวมทั้งจิตวิญญาณของฉู่หลิวเยว่เองก็ถูกดึงออกไปใช้อย่างต่อเนื่อง
หากแต่ใบหน้างามยังคงนั่งสงบ ตั้งมั่นในสมาธิอยู่เนืองนิตย์
…
เวลาผ่านไปอย่างรวดเร็ว
เพียงพริบตา ก็หมดไปแล้วอีกหนึ่งวัน
ยามทอดสายตามองแล้ว นอกจากพวกของหรงซิวสามคน และถวนจื่อที่วิ่งวุ่นไปมาแล้ว คนที่เหลือล้วนเพ่งจิตพุ่งตั้งมั่นกับการแข่งขันท่าเดียว
ต่างจากถวนจื่อที่มีความสุขสุดๆ
นับตั้งแต่หลังจากได้ดื่มด่ำความสุขจากตาน้ำบนเขาหมื่นเมรัย นางก็ไม่ได้มีความสุขแบบนี้มานานแล้ว!
นี่มันสวรรค์ของนางชัดๆ!
ที่แห่งนี้มีทัณฑ์สวรรค์อยู่ล้นหลาม รวมทั้งพลังปราณอันมากล้น คนธรรมดาอาจทนรับแรงกดดันไม่ไหว แต่สำหรับคนที่เพิ่งเปิดสัมผัสทั้งห้าอย่างถวนจื่อแล้ว ถือว่าสบายมาก
นางวิ่งไปข้างหน้าด้วยปลายเท้าเปลือยเปล่า กระโดดขึ้นลง เลี้ยวซ้ายเลี้ยวขวาไปเรื่อยๆ สรรพางกายเปล่งประกายแสงสีเงินระบิบระยับ ตั้งแต่เริ่มต้นจนถึงตอนนี้ ก็ยังเปล่งแสงออกมาเช่นนั้นไม่หยุดหย่อน
หรงซิวส่ายหัวเบาๆ พลางเหลือบมองนางปราดเดียว ก่อนจะโบกมือสองที
พลันมีร่างเงาสีขาวราวหิมะปรากฏขึ้นแก่ครรลองสายตา!
มันคือเสวี่ยเสวี่ย
“โอกาสดีๆ เช่นนี้ เจ้าก็ออกไปเล่นด้วยซี”
น้อยครั้งที่หรงซิวจะใจดีเช่นนี้ เสวี่ยเสวี่ยชะงักด้วยความตกใจระคนตื่นเต้น มันคำรามเสียงต่ำแผ่วเบา พลันกระโจนออกไป
คนกลุ่มนี้ได้ยินเสียงการเคลื่อนไหว และหันมามอง
เมื่อเห็นหรงซิวเรียกอสูรในพันธสัญญาออกมา หลายคนก็พากันทำหน้าแตกตื่น
แม้สิงโตขาวเองก็เป็นอสูรศักดิ์สิทธิ์ แต่ระดับของมันก็ยังด้อยกว่าอสูรศักดิ์สิทธิ์ระดับบรรพกาลอยู่ไม่น้อย
มิฉะนั้น เหล่าผู้คนในสุสานแห่งนี้ก็คงเรียกอสูรในพันธสัญญาของพวกเขาออกมาตั้งนานแล้ว
ถึงมันจะไม่รวมอยู่ในการแข่งขัน แต่ถ้าใช้โอกาสนี้เพิ่มระดับของอสูรในพันธสัญญาได้ ก็คงจะดีกว่าที่คิด
แต่ถึงอย่างนั้นก็ไม่มีใครเรียกออกมาสักตัว เพราะพวกเขารู้ดีว่าอสูรธรรมดานั้น ไม่อาจทนต่อพลังของทัณฑ์สวรรค์เหล่านี้ได้!
แล้วที่หรงซิวทำอยู่ตอนนี้…
“กรรร์!”
เสวี่ยเสวี่ยกระโจนเข้าไปในทะเลทัณฑ์สวรรค์เบื้องหน้าด้วยความลิงโลด บนกายเปล่งประกายด้วยประกายสายฟ้า!
และมันยังกลืนกินพลังของทัณฑ์สวรรค์เข้าไปอีก!
เมื่อถึงตรงนี้ หลายคนก็ยิ่งรู้สึกหายใจไม่ทั่วท้อง
แค่หรงซิวผู้นั้นแข็งแกร่งเกินใครก็ว่าเกินหน้าเกินตาแล้ว แม้แต่อสูรในพันธของเขาก็แข็งแกร่งกว่าอสูรศักดิ์สิทธิ์ของคนอื่นอีก!
น่าหมั่นไส้เกินไปแล้ว!
ครั้นสัมผัสได้ถึงสายตาเหล่านั้น เสวี่ยเสวี่ยพลันยืดอกยกคออย่างภาคภูมิใจ มันเชิดหน้าขึ้นแล้วหมุนตัวกลางอากาศสามร้อยหกสิบองศาด้วยความเบิกบานใจขั้นสุด
จากนั้นมันก็โฉบลงมาข้างล่าง ก่อนจะหยุดอยู่เบื้องหน้าหรงซิว ที่นานๆ ที่จะใจกว้างแลอ่อนโยนเช่นนี้
“โฮก…”
ตอนนี้มันเข้าใจที่เจ้านายพร่ำเพียรสอนสั่งมันหนักหนาแล้ว!
แค่เรื่องเล็กๆ เช่นนี้น่ะหรือ?
เมื่อเทียบกับตอนที่มันต้องทนทุกข์ทรมานในทะเลทรายสีชาดสมัยนโน้นแล้ว เทียบกันไม่ได้เลยด้วยซ้ำ!
เจ้านายของมันช่างมีวิสัยทัศน์กว้างไกล ถ้าก่อนหน้านี้เขาไม่สั่งให้มันเข้าไปในทะเลทรายสีชาดซ้ำๆ ตอนนี้มันจะเล่นสนุกสนานแบบนี้ได้หรือ?
หรงซิวกระตุกยิ้มมุมปาก
เสวี่ยเสวี่ยปลื้มปริ่มราวได้รับการปลอบขวัญ มันวิ่งวนเป็นวงกลมอยู่ที่เดิมพักหนึ่ง ก่อนจะวิ่งแจ้นออกไปด้วยความสุข
ภาพนี้ทำเอาคนมองแทบกระอักเลือดด้วยความริษยา แต่ก็ทำอะไรไม่ได้นอกจากจำใจมองดูเท่านั้น
…
สามวันผ่านไปราวพริบตา
ชั่วขณะหนึ่ง ท่ามกลางความเงียบในสุสานอันกว้างใหญ่ จู่ๆ ก็มีเสียงบางอย่างดังขึ้นมา
ตุบ!
ราวกับมีบางสิ่งหล่นกระแทกพื้น
หรงซิวเหลือบมองไปด้านข้าง
ชายวัยกลางคนล้มลงกับพื้น หยาดโลหิตไหลออกมาจากมุมปาก
ดวงตาสองข้างปิดสนิท ใบหน้าซีดเผือด ดูเหมือนกำลังจะหมดสติอยู่รอมร่อ
แต่มือของเขายังคงกำดาบสั้นไว้แน่น แสงสีเงินบนตัวดาบพลันสว่างวาบขึ้นมา
และต่อมา แสงสีเงินนั่นก็แพร่กระจายไปทั่วร่างกายของเขาอย่างรวดเร็ว
“ไม่…”
เสียงตื่นตระหนกสายหนึ่งดังมาจากด้านข้าง ราวกับสังหรณ์ว่าจะเกิดเรื่องไม่ดีขึ้น
หรงซิวดึงสายตากลับมาด้วยสีหน้าเรียบเฉย
ตู้ม!
ร่างของชายคนนั้นพลันระเบิดตูม!
………………..