ยอดหญิงลิขิตสวรรค์ - ตอนที่ 2062 ประเมินนางต่ำไปแล้ว!
ตอนที่ 2062 ประเมินนางต่ำไปแล้ว!
………………..
แต่ดูเหมือนว่ารอบตัวเขาจะมีค่ายกลที่มองไม่เห็นห่อหุ้มไว้อยู่
ร่างเนื้อที่ระเบิดออกมานั้น พุ่งกระจายออกมา พลันมลายหายไปอย่างรวดเร็ว!
จากนั้น ร่างกายเขาค่อยๆ สลายไปจนหมด
บนพื้นแข็งกระด้าง ไม่มีแม้แต่เลือดสักหยด
หากไม่เห็นด้วยตาตัวเอง คงไม่เชื่อว่าจะมีคนตายแล้วสลายไปในชั่วอึดใจเช่นนี้!
ความจริงก่อนจะหายไปจากโลกนี้ เขาแทบไม่มีเวลาได้ส่งเสียงร้องโหยหวน หรืออ้อนวอนขอชีวิตเลยด้วยซ้ำ
กลุ่มคนที่อยู่ใกล้บริเวณนั้นที่สุด มีหลายคนถึงกับหยุดเคลื่อนไหว พลางจ้องมองภาพนั้นด้วยสีหน้าแตกตื่นสุดขีด
หนึ่งในนั้นมีรอยแผลเป็นบนใบหน้า ใบหน้าซีดเผือดราวกับผี พลางสั่นสะเทาไปทั่วทั้งกายา
คนที่เสียชีวิตเมื่อครู่ คือพี่น้องของเขา
พวกเขานั้นมีสัมพันธ์ที่ดีต่อกันมาตลอด และร่วมใจเดินทางมาที่นี่ด้วยกัน คิดไม่ถึงเลยว่าเขาจะ….
ทันใดนั้น ถังเคอก็เอ่ยแทรกขึ้นมาเรียบๆ
“ก่อนหน้านี้ข้าเคยเตือนพวกเจ้าแล้วว่าอย่าทำอันใดเกินตัว หากยอมแลกแม้กระทั่งชีวิตเพื่อคว้าชัยชนะ เช่นนั้นก็ถือว่าตายไปแล้ว และไม่อาจโทษใครได้ เกิดมามีแค่ชีวิตเดียว พวกเจ้าทุกคนหัดใช้ชีวิตให้ดีเสียบ้าง!”
ท่ามกลางความเงียบสงัดที่ปกคลุมไปทั่วพื้นที่ น้ำเสียงนั้นช่างเย็นชาสะท้านใจคนฟังยิ่ง
ความเย็นเยียบคลืนคลานไปทั่วสรรพางกายของฝูงชน
ก็จริง!
ก่อนหน้านี้ถังเคอเคยกล่าวเตือนเช่นนี้แล้ว
การที่คนผู้นั้นเสียชีวิต เพียงมองปราดเดียวก็รู้แล้วว่าเป็นเพราะเขาไม่สามารถต้านทานพลังของทัณฑ์สรวรรค์ได้ แต่ก็ยังดื้อดึงจะแบกรับมันไว้ในการ
ทำตัวเองทั้งนั้น แล้วจะกล่าวโทษใครได้?
สีหน้าของหลายคนเริ่มฉายแววลังเล
ความจริงแล้วจนถึงตอนนี้ มันก็ยากกว่าที่คิดไว้แล้ว
หลายคนแทบจะรั้งสติเอาไว้ไม่อยู่ และเพียงดึงดันจนถึงเฮือกสุดท้ายเท่านั้น ชะตากรรมของพวกเขาก็จะเป็นเช่นเดียวกับชายผู้นั้น
ถังเคอเอ่ยต่อ
“ถ้าใครอยากยอมแพ้ ก็ให้บอกมาตามตรง แล้วข้าจะปล่อยไป”
บรรยากาศรอบด้านเงียบกว่าเดิมจนน่าขนลุก
ผ่านไปครู่เดียว ก็มีชายคนหนึ่งเอ่ยปากขึ้นมา
“ข้า…ยอมแพ้…”
ซึ่งคนที่พูดก็คือผู้เป็นพี่น้องร่วมสายเลือดของชายที่เสียชีวิตเมื่อครู่ บนหน้าเขามีแผลเป็นจากรอยมีดบาด
เพียงคำง่ายๆ แค่สามคำ กลับยากเกินกว่าเอื้อนเอ่ย แม้แต่เสียงในคอยังแผ่วเสียจนแทบไม่ได้ยิน
ดวงตาของเขาเต็มไปด้วยการอ้อนวอนระคนกล้ำกลืน
เห็นได้ชัดว่าการตัดสินใจครั้งนี้ ถือเป็นเรื่องยากสำหรับเขามาก
แต่เขารู้จักประมาณตนดี
ความแข็งแกร่งของเขาด้อยกว่าญาติผู้นั้นเล็กน้อย ขนาดอีกฝ่ายยังเอาตัวไม่รอด แล้วอย่างเขาจะเหลือหรือ?
ถ้าเขาเป็นอะไรไปอีกคน แล้วจักหาผู้สืบสกุลมาจากไหน…
ดังนั้น ไม่ว่ายังไงเขาต้องรอดกลับไปให้ได้
ถึงเขาจะไม่อยากแพ้ แต่ก็จำเป็นต้องทำ
ถังเคอเข้าใจเจตนารมณ์นั้นดี
“ผู้ชนะจักอยู่รอด ผู้แข็งแกร่งจักได้รับการเยินยอ เดิมทีก็เป็นธรรมเนียมพื้นฐานของอาณาจักรเสิ่นซวี่อยู่แล้ว ทว่า การประเมินสถานการณ์ล่วงหน้า รู้หลบเป็นปีก รู้ปลีกเป็นหาง รู้จังหวะสู้จังหวะหลบนั้น ถือว่าฉลาดกว่า”
ภายในคำพูดนั้นราวแฝงไว้ด้วยการปลอบใจและเห็นพ้องต้องกัน
หากมีการเสียชีพ ย่อมเป็นเรื่องใหญ่
ส่วนตัวถังเคอแค่ต้องการหาทายาทที่เหมาะสม หากได้มีเจตนาเข่นฆ่าผู้ใดไม่
การถอนตัวออกจากการแข่งขันนั้น ถือเป็นเรื่องยากที่จะตัดสินใจ
โดยเฉพาะสำหรับช่างหลอมอาวุธที่เปี่ยมไปด้วยเกียรติศักดิ์เหล่านี้
เมื่อชายเจ้าของรอยบาดบนใบหน้าได้ยินที่ถังเคอกล่าว ก็พลันสูดหายใจเข้าเฮือกใหญ่ ก่อนจะสงบสติลงทีละน้อย
“ผู้อาวุโสถังเคอ ผู้น้อยมีข้อสงสัยบางประการ มิทราบว่าท่านจักให้คำตอบได้หรือไม่?”
“ว่ามา”
“แม้ว่า…ผู้น้อยจักถอนตัวแล้ว แต่ถ้าขออยู่ดูการแข่งขันที่นี่ต่อ ท่านจะ…ว่าอันใดหรือไม่?”
ชายหน้าบากกล่าวด้วยความลังเล
แต่ถังเคอกลับหัวเราะร่า ราวไม่ได้ใส่ใจ
“เหตุใดจะไม่ได้ล่ะ! เจ้าเพียงถอยไปรอดูอยู่ตรงทางเข้าก็พอ”
ชายหน้าบากตื้นตันใจยิ่ง ในใจลิ่งโล้ดพลันกล่าวขอบคุณเขา แล้วลุกขึ้นเดินไปทันที
แม้จะถอนตัวออกไป แต่แค่ได้อยู่ดูการแข่งขันอยู่ที่นี่ต่อ ก็ถือว่าดีมากแล้ว
อย่างแรกมันถือเป็นการเปิดประสบการณ์ใหม่ๆ ทำให้เขาได้เรียนรู้และพัฒนาความแข็งแกร่งตัวเอง และอีกอย่างเป็นการหาคำตอบให้กับข้อสงสัยในใจด้วย
ใครจะไม่อยากรู้ล่ะ ว่าสุดท้ายแล้วผู้สืบทอดของถังเคอจะเป็นใคร?
ชายหน้าบากรีบล่นถอยกลับไป แล้วถอนหายใจออกอย่างโล่งอก
ดูๆ แล้วถึงการถอนตัวจะทำให้เขาลำบากใจ แต่การปกป้องชีวิตของตัวเองไว้ได้ ก็ทำให้เขาภูมิใจอยู่ไม่น้อยเช่นกัน
เมื่อมีคนเปิดทาง หลายคนก็เริ่มเดินตามไป
สุดท้ายแล้ว ไม่นานก็เริ่มมีคนถอนตัวมากขึ้นเรื่อยๆ
และยังมีบางกลุ่มที่ลอบมองฉู่หลิวเยว่เงียบๆ
นางยังคงนั่งสมาธิอยู่ที่เดิม ไม่ขยับเลยสักนิด นัยน์ตากลมเอาแต่มองหม้อน้ำเทวศักดิ์สิทธิ์ตรงหน้าเงียบๆ
ทัณฑ์สวรรค์เหล่านั้นยังคกระหน่ำลงมา ความเร็วของมันเพิ่มขึ้นอย่างไม่ทันได้สังเกต
หลายคนมองภาพนั้นพลางแอบเย้ยหยันในใจ แต่เพราะการเตือนของหรงซิว จึงได้แต่เก็บงำความไม่พอใจไว้ ไม่กล้าพูดอะไรออกไปมากกว่านี้
และทำได้เพียงรอดูอยู่เงียบๆ
ทุกคนต่างสงสัยว่าฉู่หลิวเยว่จะทนได้สักกี่น้ำ?
…
เพียงพริบตาเดียว ก็ผ่านไปอีกสามวัน
มีคนที่นั่งอยู่ตรงกลางสองคนเสียสมดุล และระเบิดชีพไปแล้ว
นอกจากนี้ ยังมีคนถอนตัวเพิ่มอีกสิบกว่าคน
ย้อนรอยไปตอนแรก มีคนรุดหน้ามายังสุสานของถังเคอมากมาย แต่บางกลุ่มเสียชีวิตในป่าศิลา ทำให้จำนวนคนที่เข้ามาเหลือไม่มากนัก และตอนนี้ก็มีคนตายเพิ่มอีก ถอนตัวอีกเป็นสิบชีวิต ฉะนั้นการแข่งขันในครานี้ เหลือผู้ท้าชิงอยู่สิบกว่าคนเท่านั้น
ทว่าฉู่หลิวเยว่ก็ยังยืนหยัด ไม่แม้แต่จะขยับตัว!
นางนั่งอยู่ที่เดิมเงียบๆ เสมือนวันแรกที่เข้ามา ขณะเดียวกันทัณฑ์สวรรค์มากมายก็ล้วนพุ่งลงไปในหม้อน้ำเทวศักดิ์สิทธิ์เรื่อยๆ
ราวกับว่า…
ทุกอย่างราบรื่น ไม่มีอะไรให้นางต้องกังวลเลย!
หากทุกคนไม่ได้สังเกตเห็นว่าพลังปราณรอบตัวนางลดลงอย่างรวดเร็วแล้วล่ะก็ พวกเขาคงคิดว่านางแอบใช้วิธีใดคดโกงแน่ๆ
แต่นั่นยิ่งทำให้พวกเขาสงสัยมากขึ้น
ผู้เข้าร่วมการแข่งขันคนอื่นไม่ได้มีเวลามาสนใจเรื่องนี้ แต่คนดูที่ยืนด้านข้างล้วนจับจ้องฉู่หลิวเยว่ตาไม่กระพริบ
บางคนรวมตัวกันซุบซิบนินทา
“ข้านึกออกแล้ว ได้ยินว่าทักษะของซั่งกวนเยว่ผู้นั้นเหนือชั้นมาก ถึงขั้นทะลวงสู้ผู้แข็งแกร่งระดับเทพศักดิ์สิทธิ์ได้เลยทีเดียว! แต่ก็…ไม่เคยมีใครกล่าวถึงทักษะด้านช่างหลอมอาวุธของนางเลย! พูดก็พูดเถิด เจ้าว่ามันไม่แปลกไปหน่อยหรือ?”
“เหอะ ไม่แปลกหรอก! ที่ยืนหยัดได้ถึงตอนนี้ แสดงว่าทักษะด้านนี้ของนาง เหนือชั้นกว่าพวกเราที่ถอนตัวออกมาอย่างใดเล่า! ข้าว่า…พวกเราประเมินนางต่ำไป!”
“ข้าได้ยินมาว่า ระดับของนางกับหรงซิวบนตารางจัดอันดับชิงอวิ๋นนั้น แทบจะไล่เลี่ยกันตลอด ด้านช่างหลอมอาวุธ หรงซิวได้ที่หนึ่ง ส่วนนางได้ที่สอง! ยิ่งไปกว่านั้น นางยังเป็นทายาทของซั่งกวนจิ้งอีก! ไม่แน่ว่า…ครั้งนี้นางอาจเขย่าขวัญสั่นประสาทคนดูได้จริงๆ”
………………..