ยอดหญิงลิขิตสวรรค์ - ตอนที่ 2063 การแข่งขัน เพิ่งจะเริ่มขึ้นเท่านั้น
ตอนที่ 2063 การแข่งขัน เพิ่งจะเริ่มขึ้นเท่านั้น
………………..
“เขย่าขวัญสั่นประสาทหรือ? ข้าไม่เห็นคิดเช่นนั้น ถึงนางจะทักษะโดนเด่น แต่ตอนนี้นางอายุเท่าใดเชียว? มากสุดก็น่าจะเป็นแค่ช่างหลอมอาวุธระดับสูงเท่านั้น”
แน่นอนว่ามีคนชม ก็ต้องมีคนติ
สุดท้ายแล้วคนที่ปรามาสในตัวฉู่หลิวเยว่ ก็ยังมีอยู่มากมาย
“ข้ายังได้ยินอีกว่า ตอนนี้หรงซิวหลอมอาวุธศักดิ์สิทธิ์แห่งราชาได้แล้ว และเหมือนว่าเขาจะทะลวงขึ้นสู่ช่างหลอมอาวุธระดับราชาแล้วด้วย! แต่กระนั้น หากต้องการเป็นที่หนึ่งในการแข่งขันครานี้ ก็ยังถือว่าห่างไกลนัก เพราะที่นี้ยังมีปรมาจารย์ด้านการหลอมอาวุธอีกเยอะ! ซั่งกวนเยว่อยากชนะหรือ? ข้าว่าคงยากหน่อย!”
“…จะว่าอย่างนั้นก็ใช่ บางทีตอนนี้นางก็แค่พยายามอดทนอยู่กระมัง? รออีกสักพัก ประเดี๋ยวนางก็ทนไม่ไหว แล้วยอมแพ้เองนั่นแหละ”
…
สักพักที่ว่านั่น ก็ล่วงเลยมาแล้วสามวัน
ยามนี้ผู้เข้าแข่งขันต่างถูกกำจัดไปแล้วหลายคน
เหลือเพียงไม่กี่สิบคนสุดท้ายเท่านั้น
และในบรรดาสิบกว่าคนนี้ มีเก้าคนเป็นช่างหลอมอาวุธระดับปรมาจารย์ และอีกหกคนเป็นช่างหลอมอาวุธระดับราชา
ส่วนระดับของฉู่หลิวเยว่นั้น ไม่มีผู้ใดรู้ทราบ
ใช่แล้ว แม้แต่ฉู่หลิวเยว่เองก็ยังไม่ทราบถึงขั้นพลังของตัวเองเลย
เพราะนางไม่มีเวลาไปใส่ใจทักษะด้านการหลอมอาวุธของตน
เนื่องจาก…ที่ผ่านมานั้น มักจะเป็นคนอื่นที่หาเรื่องปวดหัวมาให้นาง ไม่ก็เป็นนางที่ก่อเรื่องจนคนอื่นต้องเข้ามาช่วย
เวลาและระบบความคิดทั้งหมดจึงถูกใช้ไปกับการแก้ปัญหาเหล่านั้น และทำให้นางไม่ค่อยได้เพิ่มประสบการณ์ด้านการหลอมอาวุธให้ตัวเอง
ครั้งสุดท้ายที่นางตั้งใจหลอมอาวุธอย่างจริงจังก็คือ ตอนที่นางเชียงหว่านโจวหลอมกระบี่เทพเมฆาสำริดขึ้นมา
ผ่านมาเนิ่นนานเพียงนี้แล้ว นางเองก็ไม่รู้แน่ชัดว่าทักษะด้านนี้ของตนนั้นอยู่ในระดับใด
แต่กุญแจสำคัญคือ สมบัติศักดิ์สิทธิ์อย่างหม้อน้ำเทวศักดิ์สิทธิ์ต่างหาก!
ฉู่หลิวเยว่ไม่สามารถหลอมอาวุธออกมาได้แบบช่างหลอมอาวุธระดับปรมาจารย์และระดับราชา จึงทำได้เพียงทุ่มเทแรงกายแรงใจทั้งหมดเพื่อกระตุ้นทัณฑ์สวรรค์ให้ผ่าลงมาอยู่ในหม้อต้มเทวศักดิ์สิทธิ์ใบนี้
และมันก็ไม่ได้ผิดกฎกระไร
ฉู่หลิวเยว่เงยหน้าขึ้น พลางวางสายตาไว้ที่เหนือหม้อน้ำเทวศักดิ์สิทธิ์ตรงหน้า แล้วลอบสังเกตอย่างระมัดระวัง
เส้นแสงสายฟ้าสว่างวาบพวยพุ่งอยู่ในนั้น มันเจิดจ้าแพรวพราว ดูศักดิ์สิทธิ์และทรงพลัง!
แม้แต่เพลิงแห่งกรรมภายใน ก็ยังลุกโชนรุนแรงยิ่งกว่าเดิม
หม้อน้ำเทวศักดิ์สิทธิ์ใกล้จะถึงขีดจำกัดแล้ว
แม้นจะเค้นพลังปราณดั้งเดิมในตัวออกมาได้ไม่มีที่สิ้นสุด และแก่นวิญญาณก็อาจจะยังทนต่อแรงกดดันนี้ได้ แต่หม้อน้ำเทวศักดิ์สิทธิ์นั้น แทบจะรองรับต่อไปไม่ได้แล้ว
ทัณณ์สวรรค์ด้านบนราวเห็นถึงความผิดปกติ ก่อนจะค่อยๆ เคลื่อนตัวช้าลง
กลุ่มแสงสีเงินบางส่วน ที่แต่เดิมรวมตัวกันเหนือศีรษะฉู่หลิวเยว่ ทำท่าจะแตกแยกไปทางอื่น
ผู้คนรอบด้านพลันสังเกตเห็นสิ่งนี้ในทันที
หลายคนเริ่มส่งเสียงโวยวาย
“แบบนี้แสดงว่า ซั่งกวนเยว่คงจะทนไม่ไหวแล้วกระมัง?”
“ก็สมควรแก่เวลาแล้ว! แค่นี้ก็เปลืองเวลามานานเกินแล้วนา? แต่ทว่า สามารถดึงเอาพลังของหม้อน้ำเทวศักดิ์สิทธิ์ออกมาใช้ได้ทั้งหมดเช่นนี้ ถือว่าเก่งเอาเรื่องเหมือนกัน…”
“ไม่รู้ว่านางจะเสียใจหรือไม่ที่เลือกทำเช่นนี้?”
…
“อาเยว่ เจ้าอยากให้ข้าช่วยหรือไม่?”
ถวนจื่อร่อนตัวลงไปยืนอยู่ข้างๆ ฉู่หลิวเยว่ พลางถามด้วยความห่วงใย
ฉู่หลิวเยว่ส่ายศีรษะเบาๆ
“แต่ว่า…”
ถวนจื่อทำมุ่ยหน้าทำปากบู้บี้ราวง้องอน
แต่ว่าคนพวกนั้นพูดว่าอาเยว่กำลังจะแพ้หนิ!
ฉู่หลิวเยว่เงยหน้าขึ้นมองนาง พลางระบายยิ้ม
“ถวนจื่อวางใจเถอะ”
จากนั้นนางก็ลุกพรวดขึ้น
นี่เป็นครั้งแรกที่นางลุกขึ้นยืน หลังจากที่เริ่มแข่งกันกันมา
และเพียงยืนขึ้นมิทันไร ก็เรียกความสนใจจากคนรอบข้างได้แล้ว
แม้กระทั่งพวกของซั่งกวนจิ้งที่จดจ่ออยู่กับการฝึกตน ก็หันพรวดมามองอย่างพร้อมเพรียง
เสียงของถังเคอดังขึ้นฝ่าความเงียบ
“นางหนู เจ้าคิดจะยอมแพ้แล้วหรือ?”
ทุกคนพลันกลั้นหายใจ
ก่อหน้านี้มีหลายคนถอนตัวออกจากการแข่งขัน แต่ถังเคอไม่ได้ถามความเห็นพวกเขาด้วยซ้ำ
แต่ในยามที่ฉู่หลิวเยว่ลุกขึ้น เขากลับเอ่ยปากออกไป
นอกจากนี้ ทุกคนต่างก้รู้ดีว่าถังเคอสนใจในตัวฉู่หลิวเยว่อย่างมากตั้งก้าวแรกที่นางเดินเข้ามาที่นี่ พวกเข้าจึงไม่แปลกกับภาพที่เห็นเท่าไร และทำเพียงรอคอยอย่างอดทน
จากนั้นพวกเขาเห็นเด็กสาวเลิกคิ้วขึ้นแล้วยิ้มขัน
“จะเป็นไปได้อย่างไร”
นางกล่าวเสียงเรียบ
“ผู้น้อยเพียงนั่งสมาธินานไปหน่อย เลยอยากจะลุกขึ้นยืดเส้นยืดสายสักนิดเจ้าค่ะ”
นางเล่าพลางบิดหมุนช่วงเอว และขยับตัวผ่อนคลายกล้ามเนื้อไปมา
เว่ยเจ๋อส่งเสียงเยาะเย้ย
เขาไม่เชื่อว่านางจะยังไปต่อได้อีก!
ฉู่หลิวเยว่โคลงศีรษะ พลางหันไปมองเว่ยเจ๋อ แล้วแสยะยิ้มบางเบา
“ดูเหมือนประมุขเว่ยจะใส่ใจเรื่องของผู้น้อยมากนะเจ้าคะ”
ครั้นสบเข้ากับนัยน์ตากลมใส่แจ๋ว ทว่ามืดมนแลหยิ่งผยองคู่นั้น เว่ยเจ๋อพลันใจกระตุกวูบ แล้วเผลอหลบตาอย่างลืมตัว
แต่ก็ฉุกคิดได้ว่าท่าทีเช่นนี้ ช่างดูจนตรอกราวสุนัขขี้แพ้!
เขาจึงเงยหน้าสู้สายตาอีกครั้ง ในใจเตรียมโต้งแย้งเสียสองประโยค เพื่อกู้หน้าให้ตัวเองสักนิด
“เจ้า!…”
แก๊ง!
ทว่าทันทีที่เอ่ยปาก กลับถูกเสียงแหลมคมที่ทะลวงอากาศเข้ามาขัดจังหวะเสียก่อน!
บางสิ่งปรากฏขึ้นในมือฉู่หลิวเยว่ แล้วคลี่ออกมาอย่างรวดเร็ว
มันคือม้วนกระดาษสีแดง ดูคร่าวๆ ราวกับม้วนภาพวาด แต่แรงกดดันที่แผ่ออกมาจากตัวมันนั้น ทำให้คนมองมิอาจสบประมาทมันได้
เว่ยเจ๋อตกตะลึงตาค้าง หนึ่งในผู้ชมอุทานเสียงดังลั่น
“ภาพเมฆาเคลื่อนคล้อย!”
เว่ยเจ๋อตาเหลือกกว่าเดิม เสมือนเสียสติ ก่อนจะไอโชลกออกมาระรัว
“แค่ก แค่ก แค่ก…”
ฉู่หลิวเยว่แสร้งถามราวกังวลใจ
“อ๊ะ? ท่านประมุขเว่ยเป็นอันใดไปหรือเจ้าคะ? หรือว่ามีสิ่งใดติดคอท่าน?”
เว่ยเจ๋อไอจนหน้าแดงเถือก ไม่ง่ายเลยว่าจะปรับลมหายใจให้สงบได้ เมื่อครู่อุส่าจะหาโอกาสกู้หน้าให้ตัวเองเสียหน่อย แต่พอเห็นม้วนภาพเมฆาเคลื้อนคล้อยในมือฉู่หลิวเยว่ พร้อมกับสายตาที่มองมาด้วยรอยยิ้มเหยียดหยามนั่น ทำเอาเขาพูดไม่ออกสักคำ
ภาพเมฆาเคลื่อนคล้อย!
ใช่แล้ว…เจ้าสิ่งนี้คือสมบัติอันล้ำค่าของตระกูลหนาน ก่อนหน้านี้ตระกูลหนานต้องพ่ายแพ้ครั้งใหญ่ให้แก่น้ำมือของฉู่หลิวเยว่ แม้แต่ประมุขตระกูลอย่างหนานอีฝาน สุดท้ายก็ยังสิ้นฤทธิ์อยู่ที่ท่าเรือดอกท้อ ดังนั้นภาพเมฆาเคลื้อนคล้อยนี้จึงตกเป็นของฉู่หลิวเยว่ ซึ่งก็มิใช่เรื่องน่าแปลกอะไร
ศึกท่าเรือดอกท้อนั้น ฉู่หลิวเยว่จงใจปล่อยข่าวออกไป เพื่อข่มขวัญทุกฝ่าย
แต่สถานการณ์จริงด้านในนั้น ผู้ที่อยู่ด้านนอกกลับมิได้รู้แจ้งเห็นจริงกันสักคน
ส่วนข้อมูลต่างๆ ที่เกี่ยวกับภาพเมฆาเคลื้อนคล้อย ฉู่หลิวเยว่ได้ทำการปิดประตูลงกลอน ย้ำเตือนมิให้ผู้ใดแพร่งพรายออกไป
ดังนั้นจึงมีเพียงไม่กี่คนที่รู้
แต่จู่ๆ นางก็เรียกมันออกมาตอนนี้ จึงทำให้ทุกคนตกอกตกใจกันเป็นธรรมดา
สายตานับไม่ถ้วนจับจ้องไปยังฉู่หลิวเยว่ ด้วยอารมณ์ที่หลากหลาย
ในอาณาจักรเสิ่นซวี่แห่งนี้ บางทีแม้แต่เหล่าตระกูลชนชั้น ก็ยังไม่อาจถือครองสมบัติศักดิ์สิทธิ์ได้เลยสักชิ้น
แต่ฉู่หลิวเยว่ผู้นี้กลับถือครองตั้งสองชิ้น!
แล้วจะไม่ให้คนอื่นสันสนฉงนใจได้อย่างไร?
ฉู่หลิวเยว่เมินเฉยต่อสายตาเหล่านั้น
นางคลี่ม้วนภาพเมฆาเคลื้อนคล้อยแล้วหลับตาลง พลันหมุนเวียนพลังปราณดั้งเดิมในกาย
เปรี้ยง เปรี้ยง เปรี้ยง!
ทัณฑ์สวรรค์หลายสายบนท้องนภาส่งเสียงกราดเกรี้ยว ราวถูกยั่วยุ ก่อนจะกระหน่ำฟาดฟันลงมา มุ่งลงสู่ภาพเมฆาเคลื้อนคล้อยตรงหน้า!