ยอดหญิงลิขิตสวรรค์ - ตอนที่ 2064 นางไม่แพ้แน่นอน
ตอนที่ 2064 นางไม่แพ้แน่นอน
………………..
เห็นแบบนั้น คนทั้งหมดก็ยิ่งตกใจอ้าปากค้าง
ฉู่หลิวเยว่ยิ้มตาหยีด้วยความพอใจ
แค่หม้อน้ำเทวศักดิ์สิทธิ์ก็เพียงพอแล้ว แต่ว่านะ…นางก็ไม่ได้มีสมบัติศักดิ์สิทธิ์เพียงชิ้นเดียวเสียหน่อย?
ครั้นเห็นรอยยิ้มที่ประดับบนใบหน้าของฉู่หลิวเยว่ เว่ยเจ๋อพลันฉุกคิดได้ทันที
“เจ้า! เจ้าวางแผนทำเช่นนี้ตั้งแต่แรกแล้วใช่หรือไม่!”
ฉู่หลิวเยว่พยักหน้ารับโดยไม่ลังเล พร้อมยิ้มเยาะเบาๆ
“ปราดเปรื่องสมเป็นประมุขเว่ย แค่นี้ก็มองออกแล้ว?”
เว่ยจือโกรธจนหน้าดำเขียว กายหนาสั่นเทาด้วยโทสะ
เวลาแบบนี้ ถ้ามีตาก็ยอมมองออกกันทั้งนั้น?
นางกล่าวเช่นนี้ ต้องการยั่วยุกันชัดๆ!
แต่ในขณะที่เขาอยากจะโต้กลับ ฉู่หลิวเยว่ก็พูดขึ้นอีกว่า
“ผู้น้อยรู้ตัวดีว่าทั้งทักษะและพลังของตัวเอง ย่อมมีอาจเทียบเทียมทุกท่านในที่นี้ได้ แม้นต้องการเอาชนะการแข่งขัน แต่ก็ถือว่ายากเกินตัว ยังดีที่ผู้น้อยยังพอมีโชคอยู่บ้าง และมีสมบัติศักดิ์สิทธิ์อยู่อีกชิ้น จึงคิดอยากจะลองเสี่ยงดวงดูสักตั้ง ว่าจะสำเร็จหรือไม่?”
เว่ยเจ๋อจุกแน่นในอกราวหายใจไม่ออก โลหิตในการพรั่งพรูราวความดันขึ้น จนแทบกระอักเลือดออกมา
โชคยังดีหรือ?
มีสมบัติศักดิ์สิทธิ์สองชิ้น?
เลยอยากลองดูสักตั้ง?
นี่คือคำพูดของคนธรรมดาทั่วไป?
สมบัติที่ตระกูลขุนนางจำนวนมากในอาณาจักรเสิ่นซวี่ต่างใฝ่ฝันไว้ในครอบครอง แต่มิอาจไขว่คว้ามาได้ กลับตกไปอยู่ในมือของฉู่หลิวเยว่ได้ง่ายๆ ราวผักปลา!
ทันทีที่สิ้นเสียงฉู่หลิวเยว่ ก็เสียงหึ่งดังขึ้น
หึ่ง…
หรงซิวที่ยืนอยู่ข้างๆ ง้าวว่านเฟิง ดึงมันกลับประชิดตัว แล้วพูดว่า
“อยู่นี่ไง”
ฉู่หลิวเยว่ส่ายหน้าราวเวทนา
“น่าเสียดายจริง เปลี่ยนเจ้าของเสียแล้ว มิเช่นนั้นถ้าประมุขเว่ยอยากชนะการแข่งขันนี้ มีมันอยู่ น่าจะช่วยได้มากเลย?”
“เยว่เออร์ เจ้าพูดผิดไปนิด”
หรงซิวเลิกทำทีเลิกคิ้ว แล้วเอ่ยแก้ใหม่ว่า
“ง้าวว่านเฟิงนี้ แต่ไหนแต่ไรไม่เคยรับประมุขเว่ยเป็นนาย ฉะนั้นให้พูดว่า เปลี่ยนเจ้าของ คงไม่ได้”
ฉู่หลิวเยว่ตกปากรับคำทันที
“ข้านี่หนา ลืมเรื่องนี้ไปเสียได้! ประมุขเว่ยเจ้าคะ ผู้น้อยมิได้ตั้งใจพูดแทงใจดำท่านเช่นนั้น โปรดยกโทษให้ผู้น้อยด้วยเถิด!”
เว่ยเจ๋อโกรธจนแทบลมจับ
เขามองออกว่าสองคนนี้ตั้งใจหักหน้าเขา!
ต่อให้เถียงกลับไป ก็ไม่มีประโยชน์!
เขาสะบัดแขนเสื้อด้วยความหงุดหงิด พลันตะคอกเสียงแข็ง
“ขอให้หัวเราะเช่นนี้ไปได้จนจบแล้วกัน!”
การควบคุมสมบัติศักดิ์สิทธิ์อย่างหม้อน้ำเทวศักดิ์สิทธิ์นั้น สิ้นเปลืองพลังงานอย่างมาก และยามนี้ฉู่หลิวเยว่ก็ได้เรียกภาพเมฆาเคลื่อนคล้อยออกมอีก
ช่างไม่กลัวตายเอาเสียเลย!
เขาจะรอดูว่านางจะอดทนได้นานเท่าใด!
ลายเส้นสวยงามและหมึกสีเข้มบนภาพวาด พลันสว่างวาบราวถูกปกคลุมด้วยชั้นแสง
ทัณฑ์สวรรค์เบื้องบนส่งเสียงครืนคราด กลิ่นอายอันทรงพลังแผ่กระจายไปทั่ว ก่อนจะฟาดผ่าลงมาตรงๆ แล้วหลุบหายเข้าไปในภาพวาดอย่างรวดเร็ว
ฉู่หลิวเยว่ตั้งสมาธิจับจังหวะลมหายใจ
เบื้องหน้านางพลันมีเปลวไฟลุกโชน
แสงสว่างเจิดจ้าสะท้อนเข้ากับดวงตากลมใส เผยให้เห็นความสงบที่ปรากฏออกมาระหว่างคิ้วเรียวงาม
ศึกนี้ นางต้องชนะ!
…
การเคลื่อนไหวอันฉับพลันหากแต่งดงามของฉู่หลิวเยว่ ทำให้คนมองอดทึ่งไม่ได้
และไม่นานพวกเขาก็เริ่มตระหนักได้ถึงสิ่งที่เกิดขึ้น
หลังจากผ่านการประลองที่ต้องใช้สติปัญญามาเยอะ สุดท้ายนางจึงเรียนรู้จากบทเรียนทั้งหมดที่สั่งสมมา
ไม่แปลกที่ฉู่หลิวเยว่จะมั่นใจขนาดนี้!
เทียบกับคนอื่นๆ ที่เข้ามาในตอนแรก ถือว่านางวางแผนมาอย่างดี!
หากสมบัติศักดิ์สิทธิ์ชิ้นเดียวไม่พอ ก็ยังมีอีกชิ้น!
แล้วแบบนี้ใครจะไปสู้!
แม้แต่ในบรรดาช่างหลอมอาวุธระดับปรมาจารย์ในที่นี้ เหลือเพียงกี่คนกัน ที่ยังยืนหยัดสู้ต่อไปได้?
ที่สำคัญก็คือ ถึงนางทำเช่นนี้ ก็ไม่มีใครแย้งได้
เพราะใครเล่าจะรู้ว่าแท้จริงแล้ว นางถือครองสมบัติศักดิ์สิทธิ์ตั้งสองชิ้น!
ก่อนหน้านี้พวกเขาพยายามร่วมมือกันตัดสินการใช้ถวนจื่อไปแล้ว เพราะคิดว่านางคงเดียวคงทำอะไรไม่ได้มาก แต่ใครจะรู้ว่านาง…
และตอนแรกนางก็ถามเสียกระจ่างแล้ว ทัณฑ์สวรรค์ที่เกิดจากหม้อน้ำเทวศักดิ์สิทธิ์นี้ จะถูกนับเป็นคะแนนสุดท้ายของนาง!
ถังเคอกล่าวเองเช่นนั้น ผู้ใดจักกล้าแย้งหรือตั้งคำถามอีก?
เพราะถือว่านางไว้หน้ากันแล้ว
ถ้าไม่ใช้เพราะกลัวว่ามันจะวุ่นวาย และต้องการสอนบทเรียนให้คนเหล่านี้ นางคงไม่ลงทุนลงแรงกับการแข่งขันมากเพียงนี้หรอก
ขอแค่เอาชนะพวกเขาได้อย่างสง่าผ่าเผยแลแยบยล นางถึงสามารถรับมรดกจากถังเคอได้ โดยไม่ต้องกังวลอะไรอีก!
…
ผ่านไปอีกสองสามวัน
หลายคนเลือกที่จะยอมแพ้
และเหลือเพียงสามที่ยังนั่งอยู่ในลานกว้าง
ฉู่หลิวเยว่ ซั่งกวนจิ้ง และยังมี…เว่ยเจ๋อ!
ซั่งกวนจิ้งถูกขนานนามว่าเป็นผู้แข็งแกร่งในใต้หล้า เดิมทีพวกเขาคิดว่าคนผู้นี้จักยืนหยัดได้จนจบอยู่แล้ว
ส่วนอีกสองคนที่เหลือนั้น ค่อนข้างย้อนแย้งกัน
ด้านฉู่หลิวเยว่ นางมีสมบัติศักดิ์สิทธิ์ถึงสองชิ้น แม้ทุกคนจะคิดเห็นต่างกัน แต่พวกเขาก็ต้องยอมรับว่านางเองก็มีความสามารถเช่นกัน
เมื่อเทียบกันแล้ว สิ่งที่น่าแปลกใจยิ่งกว่า คือเว่ยเจ๋อต่างหาก
ถึงเขาจะมีศักดิ์เป็นถึงผู้นำตระกูลเว่ย ผู้มีสถานะสูงส่งและเปี่ยมไปด้วยอำนาจ แต่เมื่อเทียบกับเหล่าผู้แข่งขันในสนาม เขาไม่ใช่คนที่แข็งแกร่งอันดับหนึ่งด้วยซ้ำ
อย่างไรเสีย ผู้ที่มาที่นี่ ก็เป็นถึงช่างหลอมอาวุธระดับปรมาจารย์ ที่ไม่ได้ปรากฏตัวในวงการนี้มาหลายปีแล้ว!
ปกติแล้ว ถ้าพบปะกับคนเหล่านี้ เขาจะให้เกียรติและเกรงใจมากกว่าปกติ
ทว่าตอนนี้ เมื่อคนเหล่านั้นทนไม่ไหวและถอนตัว เว่ยเจ๋อกลับยืนกรานแข่งต่อโดยไม่คาดคิด!
ซึ่งมันทำให้หลายคนประหลาดใจอย่างมาก
หรงซิวเหลือบมองเว่ยเจ๋อ พลันยกยิ้มมุมปาก
“ประมุขเว่ยแท้จริงแล้วลึกล้ำดั่งคมในฝัก”
แต่เหมือนว่าเว่ยเจ๋อจะไม่ได้ยิน และมุ่งความสนใจไปที่การกลืนกินพลังของทัณฑ์สวรรค์รอบตัวเท่านั้น
ทัณฑ์สวรรค์เหล่านั้นผ่าลงมาบนค้อน
เขานำสิ่งนี้ออกมาตั้งแต่เริ่มแข่งขัน และจนถึงตอนนี้ มันได้กลืนกินพลังของทัณฑ์สวรรค์ไปจำนวนหนึ่งแล้ว แต่ก็ยังไม่มีการเปลี่ยนแปลง และไม่ได้อยู่ในสถานะอิ่มตัวเช่นหม้อน้ำเทวศักดิ์สิทธิ์
น่าสนใจจริงๆ
ใครก็มองออกว่าเจ้าค้อนสีม่วงดำนี่ คืออาวุธศักดิ์สิทธิ์แห่งจุนเจ๋อ
ภายนอกว่าแข็งแกร่งแล้ว ภายในยิ่งร้ายกาจเกินคาด
แต่ตอนนี้ จำนวนของทัณฑ์สวรรค์ที่มันกลืนกินเข้าไปนั้น มีมากกว่าหม้อน้ำเทวศักดิ์สิทธิ์ ที่ถือเป็นสมบัติศักดิ์สิทธิ์เสียอีก!
คราแรกพวกเขาไม่ได้รู้สึกถึงความผิดปกติ แต่เมื่อเวลาผ่านไป ในที่สุดพวกเขาก็สังเกตเห็นว่าค้อนนั่น… ไม่ธรรมดาเลย!
หรงซิวเหลือบมองมันเล็กน้อย ดวงตาคมราวปรากฏคลื่นอารมณ์บางอย่าง
ทันใดนั้นเอง ถวนจื่อก็เข้ามาหาหรงซิว มันเอียงศีรษะไปมองค้อนสีม่วงดำ แล้วกระซิบเบาๆ ว่า
“เจ้าสิ่งนั้นดูแปลกๆ นะ…”
หรงซิวหลุบตามองนาง
“หือ? แปลกตรงไหน?”
ถวนจื่อลังเลอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะเอ่ยราวความไม่แน่ใจ
“เรื่องนั้น…ข้าเองก็พูดไม่ถูก แค่รู้สึกว่ามันไม่ปกติ…”
เหมือนกับ…เหมือนกับว่ามัน…
หรงซิวหัวเราะเบาๆ
จนถวนจื่ออกไม่ได้ที่จะถาม
“ท่านหัวเราะสิ่งใด? ท่านไม่กลัวว่าอาเยว่จะแพ้หรือ?”
หรงซิวเลิกคิ้วขึ้น สีหน้าเฉยเมย หากแต่พูดอย่างมั่นอกมั่นใจว่า
“นางไม่แพ้แน่นอน”