ยอดหญิงลิขิตสวรรค์ - ตอนที่ 2066 ถึงอาจจะดูช้าไปหน่อย
ตอนที่ 2066 ถึงอาจจะดูช้าไปหน่อย
………………..
ทัศคติของทุกคน เปลี่ยนไปอย่างสิ้นเชิง
หลังจากสิ้นยุคสมัยของพถังเคอและท่านซู ตลอดหมื่นปีที่ผ่านมา ก็ไม่มีใครในอาณาจักรเสิ่นซวี่สามารถหลอมสมบัติศักดิ์สิทธิ์ได้สำเร็จ
ทว่าตอนนี้ ถังเคอได้กล่าวยืนยันแล้วว่า ซั่งกวนจิ้งอาจจะมีหวัง
ซึ่งมันเป็นครั้งแรกในรอบหมื่นปี! แน่นอนว่าต้องไม่ธรรมดา!
แม้นในอดีตซั่งกวนจิ้งจะมีชื่อเสียงเกรียงไกรมาก ทว่าใต้หล้านี้ก็มีช่างหลอมอาวุธระดับปรมาจารย์อยู่นับไม่ถ้วน คนเหล่านั้นล้วนหยิ่งในศักดิ์ศรี พวกเขาล้วนไม่มีใครเต็มใจยอมรับความพ่ายแพ้หรือก้มหัวให้ผู้อื่น
ขนาดเจอหน้ากัน ก็ยังเขม่นกันไม่หยุด
นี่คือเหตุผลที่ว่าทำไมตอนแรก หลายคนถึงประชดซั่งกวนจิ้งและฉู่หลิวเยว่นัก
แต่ตอนนี้มันต่างไปแล้ว!
ถังเคอยืนยันเพียงนี้แล้ว จากนี้ไป จะมีใครกล้าเทียบเทียมซั่งกวนจิ้งอีก!
เจ้าแห่งการหลอมสมบัติศักดิ์สิทธิ์ในอนาคตหรือ…
เพียงคำพูดไม่กี่คำ แค่คิดเล่นๆ ก็ขนลุกขนพองกันไปหมดแล้ว!
หากในอนาคตซั่งกวนจิ้งทะลวงได้สำเร็จจริง เขาก็จะกลายเป็นช่างหลอมอาวุธชั้นแนวหน้าเลย!
และเมื่อถึงตอนนั้น ก็ยากที่จะเข้าหาหรือสานสัมพันธ์ด้วยแล้ว
ถ้าไม่รีบเกาะเกี่ยวไว้ตอนนี้ อนาคตจะไปหาโอกาสแบบนี้ได้จากไหน?
ทุกคนปฏิบัติต่อซั่งกวนจิ้งด้วยความเคารพนับถือสุดตัว ราวกับกลัวว่าอีกฝ่ายจะจำพฤติกรรมแย่ๆ ก่อนหน้านี้ได้ แล้วเกิดแคลงใจกันขึ้นมา
ซั่งกวนจิ้งแย้มยิ้ม พลางยกมือขึ้นปราม
“ทุกท่านมีน้ำใจนัก ข้าเพียงโชคดีที่สวรรค์เมตตา คนแก่อย่างข้า มิกล้าคาดหวังสิ่งอื่นใดอีก ยามนี้ข้าเพียงหวังว่านางหนูเยว่เออร์จะจบการแข่งขันนี้ได้อย่างราบรื่น…”
ชัดเจนว่าไม่ต้องการให้ใครมายุ่มย่ามในตอนนี้
ครั้นเห็นเช่นนั้น เหล่าชาวเกาะที่เตรียมยกยอ จึงต้องล้มเลิกความคิดต่างๆ ไว้ชั่วคราว
ซั่งกวนจิ้งมีชีวิตอยู่มานานหลายปีแล้ว เขาผ่านร้อนผ่านหนาว สั่งสมประสบการณ์ชีวิตมามากมาย เหตุใดจะมองไม่ออก
พวกจิ้งจอกเฒ่าจอมเจ้าเล่ห์ พูดอะไรตอนนี้ก็ไม่มีประโยชน์
แซ่เสียงสนทนาพลันเงียบลง
อย่างไรเสีย รอให้แข่งจบแล้วค่อยพูดก็ยังไม่สาย
…
ตอนนี้ในลานกว้างเหลือเพียงฉู่หลิวเยว่กับเว่ยเจ๋อ ที่ยังยืนหยัดอยู่จนถึงที่สุด
เหนือศีรษะของคนทั้งสอง เหล่าทัณฑ์สวรรค์รมตัวกันส่งเสียงกึกก้อง แล้วกระหน่ำลงมาอย่างต่อเนื่อง
ทั่วทั้งพื้นที่ตกอยู่ในความเงียบ
ราวกับเวาลาผ่านไปอย่างเชื่องช้า
ทว่าจนถึงตอนนี้ หลายคนก็เริ่มมั่นใจแล้วว่า ค้อนม่วงดำที่อยู่ตรงหน้าเว่ยเจ๋อนั้น จะต้องมีอะไรผิดปกติเป็นแน่
สิ่งของอะไรกัน ที่สามารถรับเอาทัณฑ์สวรรค์เข้าไปได้มากมายประหนึ่งสมบัติศักดิ์สิทธิ์?
แต่ในเมื่อแข่งกันมานานเกินครึ่งแล้ว และของสิ่งนั้นก็เป็นของเว่ยเจ๋อ จึงไม่ถือว่าเป็นการละเมิดกฎ คนดูอย่างพวกเขาจะไปปรามาสก็ไม่ได้
ท่ามกลางความเงียบ จู่ๆ ถังเค่อก็โพล่งขึ้นมา
“เว่ยเจ๋อ หนึ่งพันสามร้อยแปดสิบเอ็ดสาย!”
เกิดความโกลาหลในฝูงชนทันตา
เว่ยเจ๋อกลืนกินทัณฑ์สวรรค์เข้าไปมากกว่าซั่งกวนจิ้ง!
เช่นนี้ก็หมายความ ซั่งกวนจิ้งพลาดอันดับหนึ่งแล้ว
บางคนแอบมองซั่งกวนจิ้ง ก่อนจะพบว่าเขายังคงนิ่งเงียบ ไม่ได้ดูผิดหวังแต่อย่างใด
อันที่จริง ซั่งกวนจิ้งสนใจแค่ว่าฉู่หลิวเยว่จะชนะหรือไม่ ก็เท่านั้น
และตอนนี้เขาหวังเพียงว่า นางจะเอาชนะเว่ยเจ๋อได้!
ค้อนของเว่ยเจ๋อด้ามนั้นมีพิรุธจนน่าสงสัย และไม่รู้ว่ามันจะทนไปได้นานเท่าใด
ผ่านไปหลายชั่วยาม ดูเหมือนว่าภาพเมฆาเคลื้อนคล้อยใกล้จะถึงจุดอิ่มตัวแล้ว…
ครั้นเห็นใบหน้าที่ยังสงบใจของอีกฝ่าย ซั่งกวนจิ้งก็ได้แต่กำหมัดแน่นด้วยความเคืองใจ
…
ห้าวันผ่านไป ราวพริบตาเดียว
หลายวันมานี้ สำหรับพวกเขาแล้ว ดูนานราวเป็นปี
แต่ถึงกระนั้น ก็ยังแข่งกันไม่จบเสียที!
ฉู่หลิวเยว่ใช้พละกำลังและลมปราณไปมาก ยามนี้ดวงหน้างามซีดเซียว ริมฝีปากอิ่มไร้สีเลือด ใต้ตาดำคล้ำเล็กน้อย ดูแล้วราวกับคนใกล้สิ้นใจอย่างไรอย่างนั้น
แต่ทางฝั่งเว่ยเจ๋อ กลับดูดีกว่าฉู่หลิวเยว่มาก
อย่างไรเสียเขาก็อายุมากกว่า หากแข่งด้านบ่มเพาะพลังปราณล่ะก็ เขาย่อมแข็งแกร่งกว่าฉู่หลิวเยว่หลายเท่า
พอดูแบบนี้แล้ว ดูเหมือนว่าผู้ชนะในตอนท้าย คงจะเป็นเว่ยเจ๋อจริงๆ…
ความเร็วในการหมุนเวียนของทัณฑ์สวรรค์บนท้องฟ้าเหนือภาพเมฆาเคลื้อนคล้อยเองก็ลดลงมาก
เป็นที่รู้กันว่า การดูดกลืนทัณฑ์สวรรค์ของภาพเมฆาเคลื่อนคล้อยนั้น ถึงขีดจำกัดแล้ว!
ฉู่หลิวเยว่ลุกขึ้นยืนอีกครั้ง
เว่ยเจ๋อหันขวับไปมองนาง พลันหัวเราะเบาๆ
“อันใดกัน นายท่านเยว่จะยืดเส้นยืดสายอีกแล้วรึ?”
สมบัติศักดิ์สิทธิ์ทั้งสองชิ้นถึงจุดอิ่มตัวแล้ว และเห็นได้ชัดว่านางเองก็หมดแรงแล้ว เขาไม่เชื่อว่านางจะยังมีลูกเล่นอะไรอีก!
คำพูดนี้ไม่ต่างอะไรกับการเย้ยหยัน
ก่อนจะเหลือบตามองฉู่หลิวที่หันไปอีกทาง เด็กสาวเอื้อนเอ่ยเสียงใส
“ขออนุญาตถามผู้อาวุโสถังเคอเจ้าค่ะ ยามนี้ผู้น้อยกับประมุขเว่ยห่างกันมากเท่าใดหรือเจ้าคะ?”
ถังเค่อตอบกลับ
“ตอนนี้เจ้ามีหนึ่งพันห้าร้อยหกสิบสองสาย ส่วนเว่ยเจ๋อมีหนึ่งพันแปดร้อยเก้าสิบห้าสาย”
ซึ่งจำนวนของทั้งสองต่างกันมากกว่าสามร้อยสาย!
มันไม่ใช่จำนวนน้อยๆ เลย
โดยเฉพาะในตอนที่ตัวเลขของทั้งสองห่างกันมากเช่นนี้ ต่อให้ตัวเลขเพิ่มขึ้นอีกตัวเดียว ก็ไม่อาจประมาทได้เลย!
ช่องว่างขนาดใหญ่เช่นนี้ ฉู่หลิวเยว่จะตามทันได้อย่างไร?
ยามนี้นางดูไร้เรี่ยวแรงแล้ว
ฉู่หลิวเยว่กล่าวขอบคุณ แล้วดึงสายตากลับมา ร่างบางนิ่งเงียบราวใช้ความคิด
เว่ยเจ๋อหัวเราะย่ามใจ พลางแสร้งทำเป็นเห็นใจ
“นายท่านเยว่เอ๋ย อันที่จริง การที่เจ้ามาได้ขนาดนี้ ก็ถือว่าไม่ธรรมดาแล้ว ตอนนี้เจ้ายังเยาว์วัยนัก กาลเวลาเปลี่ยนผัน ไม่แน่ว่าในอนาคตเจ้าอาจเอาชนะข้าได้”
“ชนะตอนนั้น จะไปมีประโยชน์อันใดเจ้าคะ?”
ฉู่หลิวเยว่เลิกคิ้วยี้ยวน พร้อมขัดจังหวะเว่ยเจ๋อ
ทุกคนรู้ว่าชัยชนะในวันนี้ จะเป็นตัวชี้ชะตาว่าใครจะได้รับมรดกของถังเคอไปมิใช่หรือ?
หากพ่ายแพ้ในวันนี้ แล้วชนะในภายภาคหน้า ก็ไม่มีประโยชน์อยู่ดี
เว่ยเจ๋อลูบเคราของตน พลางยิ้มเยาะ
“ก็ถูกของเจ้า! ทุกคนที่อยู่นี่ ใครบ้างไม่อยากชนะ? แต่บางครั้ง ถ้าไม่แข็งแกร่งพอ ก็ไม่ควรอ้อนวอนขอสิ่งที่ไม่ใช่ของตัวเอง”
ตู้ม!
แต่ก่อนที่เขาจะพูดจบ ฉู่หลิวเยว่ก็ลงมือทันที!
ร่างเงาสีคราวเคลื่อนผ่านอากาศอย่างรวดเร็ว ก่อนจะหล่นกระแทกพื้นอย่างแรง!
เปรี๊ยะ!
รอยแตกร้าวกระจายออกไปเป็นวงกว้าง!
เว่ยเจ๋อจ้องมองมันเขม็ง พลันเบิกตาโพล่งกว้างด้วยความตกใจ
“นี่มัน…”
มันคือขวานสีครามขนาดใหญ่ แผ่นเหล็กหนาแน่น เรียบคม และทรงพลัง!
เจ้านี่มัน…
เจ้านี่เองก็เป็นสมบัติศักดิ์สิทธิ์!
“ขอแนะนำสักนิด นี่คือขวานสุริยันมรกต หนึ่งในสิบสมบัติศักดิ์สิทธิ์อันยิ่งใหญ่! ก่อนหน้านี้เคยเป็นของประมุขอี้ แต่ตอนนี้มันเป็นของข้าแล้ว”
ฉู่หลิวเยว่กล่าวเสียงเรียบ
หากแต่หัวใจของผู้ชมทุกคน กลับปั่นป่วนราวเจอพายุกระหน่ำ!
ขวานสุริยันมรกตของอี้เหวินเทา! กลายเป็นของฉู่หลิวเยว่แล้วจริงๆ หรือนี่!
มะ…มันเลือกนาง เป็นเจ้าของแล้วด้วย!
ฉู่หลิวยกแขนข้างหนึ่งขึ้นกอดอก แล้วใช้แขนอีกข้างเท้าค้างราวไม่ใส่ใจ เสียงใส่บ่นพึมพำเบาๆ
“ถึงอาจจะดูช้าไปหน่อยก็เถอะนะ…”
………………..