ยอดหญิงลิขิตสวรรค์ - ตอนที่ 2070 เหตุใดจึงหลบ?
ตอนที่ 2070 เหตุใดจึงหลบ?
………………..
การกระทำเช่นนี้ของนาง ทำให้ฝูงชนตกอกตกใจกันถ้วนหน้า
“นางเสียสติไปแล้วหรือ? เหตุใดถึงฝืนเข้าไปในคลื่นทัณฑ์สวรรค์เหล่านั้น?”
“พลังของทัณฑ์สวรรค์เหล่านั้นน่ากลัวมาก ทำเช่นนี้ นางไม่กลัวตายบ้างเลยหรือ!”
“ก่อนหน้านี้เว่ยเจ๋อเคยจับมันด้วยมือเปล่ามาแล้วยังแถมไหม้ นางพุ่งออกไปโดยไม่คิดเช่นนั้น ช่างใจกล้าดีแท้!”
“เดาว่านางคงไม่พอใจที่เห็นเว่ยเจ๋อช่วงชิงทัณฑ์สวรรค์เหล่านั้นไปกระมัง? นางเก่งกาจก็จริง แต่ก็ยังเยาว์วัยนัก ทะเลทัณฑ์สวรรค์นั่น ไม่ต่างกับประตูอเวจีที่หมายมาดเอาชีวิตคน! นางคิดว่าตัวเองสามารถเดินเหินได้อย่างอิสระในนั้น เหมือนหงส์ทองคำหรือ?”
เห็นได้ชัดว่าทุกคนไม่เห็นด้วยกับการกระทำของฉู่หลิวเยว่
บางคนแอบส่ายศีรษะ ราวล่วงรู้ถึงผลลัพธ์แล้ว
กลุ่มคนที่ยืนอยู่ข้างซั่งกวนจิ้ง แอบถามเบาๆ อย่างอดไม่ได้
“ซั่งกวน ท่านไม่ห่วงนางเลยหรือ?”
ดวงหน้าของซั่งกวนจิ้งยังคงสงบนิ่ง ไม่มีใครรู้เลยว่าตอนนี้เขากำลังคิดการใดอยู่
หลังจากลอบฟังอยู่และยืนนิ่งอยู่พักหนึ่ง เขาก็เอ่ยว่า
“นางหนูเยว่เออร์ไม่เคยทำสิ่งใดโดยมิไตร่ตรอง”
รนหาที่ตายหรือ?
เขาไม่คิดอย่างนั้น
นางต้องมีเหตุผลบางอย่าง ถึงตัดสินใจทำเช่นนี้!
“ข้าเชื่อในตัวนาง”
…
สิ่งที่ซั่งกวนจิ้งพูดมานั้น สำหรับคนอื่นๆ มันก็เป็นเพียงแค่ลมปาก
ท้ายที่สุดแล้ว นางก็เป็นถึงทายาทรุ่นหลังที่เขารักมากที่สุด เขาจะไม่กังวลเลยจริงๆ หรือ?
นี่ไม่ใช่ท่าเรือดอกท้อที่นางสามารถทำทุกอย่างได้ตามใจชอบ!
เมื่อเค้นคำตอบจากซั่งกวนจิ้งไม่ได้ บางคนเลยหันไปมองทางหรงซิวแทน
ยามนี้เขากำลังแหงนหน้ามองท้องนภา คิ้วกระบี่ขมวดมุ่นเล็กน้อย
ใบหน้าขาวพร้อมสันกรามคมกริบเอียงได้องศา ราวหยกแกะสลักเนื้อดี
ภายในดวงตาเรียวคมลึกล้ำราวมหาสมุทร แฝงด้วยคลื่นอารมณ์บางอย่าง
ครั้นมองจากระยะไกล นอกจากจะสงบนิ่งไร้ความกังวลแล้ว ยังดูเหมือน…กำลังสนใจใคร่รู่บางอย่าง
“…”
ไม่ต้องถาม คนผู้นี้อ่านใจยากกว่าซั่งกวนจิ้งอีก!
หลายคนต่างมองหน้ากัน
หรือเป็นเพราะ…ก่อนหน้านี้ฉู่หลิวเยว่เอาชนะอี้เหวินเทาได้ จึงทำให้พวกเขามั่นอกมั่นใจในตัวนางมากเพียงนี้?
มากเสียจนพวกเขาคิดไปเองว่า ฉู่หลิวเยว่สามารถจัดการกับสถานการณ์นี้ได้ง่ายๆ?
หลังจากสติหลุดไปชั่วขณะ เว่ยเจ๋อก็รีบดึ่งสติกลับมา
ริมฝีปากซีดเซียวไร้เลือดฝาดเม้มแน่น หว่างคิ้วเผยอายเย็นยะเยือก หางตาและเรียวคิ้วปรากฏร่องรอยการเสียดสีเย้ยหยัน
“อวดดี!”
การทำพันธสัญญากับหงส์ทองคำนั้นถือเป็นเรื่องดี แต่มันไม่ได้หมายความว่ากายภาพของนาง จะแข็งแกร่งเท่าหงส์ทองคำเสียหน่อย!
ย้อนกลับไปตอนสู้กับอี้เหวินเทาเมื่อคราก่อน ได้ยินว่าต้องใช้อสูรศักดิ์สิทธิ์ในพันธสัญญาถึงสองตัว ถึงคว้าเอาชัยชนะมาได้
แต่ตัวนางเองนั้น…
สุดท้ายก็เป็นเพียงผู้แข็งแกร่งระดับเทพขั้นสูง!
ร่างกายของมนุษย์ทั่วไป จะทนต่ออัสนีบิตรที่หลั่งไหลลงมาไม่หยุดหย่อนเช่นนี้ได้อย่างไร!
เว่ยเจ๋อเงยหน้ามองพลางแสยะยิ้ม แค่รอกระทั่งฉู่หลิวเยว่สิ้นชีพบนนั้น ก็สิ้นเรื่อง
สายตาจำนวนนับไม่ถ้วนกำลังจ้องมองไปยังร่างเงาในหมู่เมฆ
ฉู่หลิวเยว่ทะยานตัวขึ้นไปกลางอากาศ แล้วลอยตัวอยู่ตรงกลาง
ทัณฑ์สวรรค์มายมายค่อยๆ เคลื่อนตัวเข้ามาจากทั่วสารทิศ
แรงกดดันแผ่ขยายออกไป จนทำให้คนมองแทบหายใจไม่ออก
เมื่อลอยตัวอยู่ตรงนี้ ร่างของฉู่หลิวเยว่ดูเล็กลงมาก ไม่ได้โดดเด่นแต่อย่างใด
ร่างเล็กเพรียวบาง ติดผอมเล็กน้อย
ดูราวกับว่าทัณฑ์สวรรค์ที่พุ่งเข้ามานั้น สามารถทะลุผ่านกายนางไปได้อย่างง่ายดาย!
…
ฉู่หลิวเยว่สูดหายใจเข้าลึกๆ และมองอัสนีบาตรที่ไหลวนรอบตัวเอง
ทัณฑ์สวรรค์เหล่านี้ม้วนตัวหลบนางไปเอง
เพียงแค่นางไม่ลงมือ ก็จะไม่ได้รับบาดเจ็บ
ก่อนหน้านี้เว่ยเจ๋อยื่นมือออกไปสัมผัสทัณฑ์สวรรค์ด้วยความอยากรู้อยากเห็น จนฝ่ามือถูกเผา
และเมื่อเห็นฉากนั้น คนอื่นๆ ในสุสานจึงเรียนรู้จากบทเรียนนี้ แล้วระมัดระวังมากกว่าเดิม จึงไม่เกิดเรื่องเช่นนั้นซ้ำอีก
แต่ถ้าเป็นแบบนี้ต่อไป ทัณฑ์สวรรค์จะถูกเว่ยเจ๋อช่วงชิงไปจนหมด
ดังนั้น…
นางถึงต้องมา!
ฉู่หลิวเยว่ตั้งสมาธิมั่นคง แล้วยื่นมือออกไป
ผู้คนด้านล่างมองตามเคลื่อนไหวของนางอย่างใจจดใจจ่อ พลันกลั้นหายใจ สายตาจับจ้องเขม็งราวกลัวจะพลาดอะไรไป
หมับ!
ทัณฑ์สวรรค์สายหนึ่งถูกฉู่หลิวเยว่จับไว้ได้
แสงสีเงินพลันระเบิดตูม!
เดิมทีพวกเขานึกว่าฉู่หลิวเยว่จะได้รับบาดเจ็บ แต่กลับเห็นใบหน้าอันเรียบนิ่ง ไม่กระโตกกระตากแทน ราวกับว่านางไม่ได้รับผลกระทบจากมันเลย!
หลังจากนั้น ด้วยพละกำลังในมือ ทัณฑ์สวรรค์สายนั้นก็แตกออกเป็นเสี่ยงๆ กลายเป็นประจุแสงแสงเล็กๆ จำนวนนับไม่ถ้วน หลั่งไหลเข้าสู่ร่างกายของนางทีละนิด!
ทัณฑ์สวรรค์สายหนึ่งถูกบดขยี้ด้วยมือของนาง แล้วถูกกลืนกินเข้าไป!
ทุกคนตกตะลึงอ้าปากค้าง
นะ นี่มันเกิดอะไรขึ้น!
นอกจากทัณฑ์สวรรค์จะไม่ทำอันตรายนางแล้ว ยังกลายเป็นพลังให้นางด้วย!
“ไม่สิ! ในมือนางถือสิ่งใดอยู่?”
ใครคนหนึ่งโพล่งออกมาจากปุถุชน
ทุกคนเพ่งสายตามองทันที ก่อนจะเห็นว่าบนมือของฉู่หลิวเยว่ถูกปกคลุมด้วยกลุ่มแสงเจิดจ้า
นั่นมัน…
“ร่างศักดิ์สิทธิ์!”
จู่ๆ เว่ยเจ๋อก็นึกบางสิ่งขึ้นได้ เขาเบิกตากว้างด้วยความตกใจ อึ้งทึ่งกับภาพตรงหน้า
ครั้นได้ยินสิ่งที่เขาพูด ฝูงชนด้านล่างพลันตอบสนองทันที
ใช่แล้ว!
นอกจากร่างศักดิ์สิทธิ์แล้ว จะมีอะไรช่วยให้นางสัมผัสทัณฑ์สวรรค์อันน่าสะพรึงกลัวนี้ได้อีก?
และถ้ามองดีๆ ก็จะเห็นว่าทั่วกายของฉู่หลิวเยว่ถูกห่อหุ้มไปด้วยชั้นเกราะบางเบาทว่างดงาม
นางลอยตัวอยู่กลางอากาศ เรือนร่างเปล่งแสงระยิบระยับ
ท่ามกลางทะเลอัสนีบาตรอันกว้างใหญ่ ร่างเล็กๆ ของนางกลับเปล่งประกายเจิดจ้า
ราวกับดวงดาราในค่ำคืนอันมืดมิดที่มิอาจละสายตาได้!
“ร่างศักดิ์สิทธิ์…ในโลกนี้ผู้ที่ถือครองร่างศักดิ์สิทธิ์นั้นมีอยู่ล้นหลาม แต่เหตุใดกับนางแล้ว ข้าถึงสัมผัสไม่ได้เลย?”
“แสงจ้าจนแสบตา กายาหุ้มด้วยเกราะอ่อนบาง นี่มัน…เดี๋ยวก่อน! หรือว่ามันจะ…”
มีคนคาดเดาบางอย่าง แต่เพราะรู้สึกว่ามันออกจะฟังดูไร้สาระเกินไป จึงลังเลไม่พุดออกมา
ขณะเดียวกันฉู่หลิวเยว่ก็ยกมือขึ้นอีกครั้ง แล้วจับทัณฑ์สวรรค์สายที่สองไว้!
แม้ก่อนหน้านี้พวกเขาจะกลืนกินมันไม่เยอะมากแล้ว แต่ที่นี่ก็มีทัณฑ์สวรรค์สะสมอยู่มากที่คิด
โดยเฉพาะในยามที่ฉู่หลิวเยว่ยังคงลอยอยู่ในตำแหน่งศูนย์กลาง ทำให้ระดับความหนาแน่นสูงมากกว่าด้านล่าง
จะซ้ายขวาหน้าหลังก็มีอยู่เต็มไปหมด ขอเพียงเหยียดมือออกไป เส้นแสงสีเงินใสก็อยู่ใกล้แค่เอื้อม!
ซึ่งมันช่วยผ่อนแรงให้นางได้มากเลยทีเดียว
ตู้ม!
ทัณฑ์สวรรค์สายที่สองแตกละเอียดคามืออีกครั้ง!
นางเคลื่อนไหวอย่างรวดเร็ว และในช่วงเวลาสั้นๆ ก็สามารถเก็บเกี่ยวทัณฑ์สวรรค์รอบตัวได้ถึงเจ็ดแปดสาย
ลมปราณรอบตัวเพิ่มขึ้นมากเป็นเท่าตัว!
เมื่อสัมผัสได้ว่าพลังปราณดั้งเดิมในกายกำลังฟื้นตัวด้วยความเร็ว มุมปากของฉู่หลิวเยว่พลันหยักยกขึ้นเป็นรอยยิ้มบาง
“ถ้ารู้ว่าสะดวกแบบนี้ จะเปลืองแรงเสียทีแรกไปด้วยเหตุใดกัน?”
การใช้สมบัติศักดิ์สิทธิ์กระตุ้นทัณฑ์สวรรค์ ทำให้นางสิ้นเปลืองพลังปราณและพลังจิตไปมาก
และถ้าทำแบบนี้ต่อไปเรื่อยๆ ก็จะช่วยฟื้นฟูและเติมเต็มทักษะทางภาพทางกายของนางได้
ไม่น่าเลย ขาดทุนไปตั้งเยอะ!
โชคดีที่นางฉุกคิดได้ทัน
ไม่เช่นนั้นคงได้สูญสิ้นทุกอย่างจริงๆ!
พอคิดถึงตรงนี้ นางก็ก้มศีรษะลงมองด้านล่าง แล้วโบมือให้เว่ยเจ๋อ
“ประมุขเว่ย ขอบคุณนะเจ้าคะ!”
ถ้าไม่ถูกเขากดดัน นางคงคิดไม่ได้
นางกล่าวขอบคุณเขา โดยที่ในมือยังกำทัณฑ์สวรรค์ไว้แน่น ดวงตากลมทอเป็นประกายสดใส
เว่ยเจ๋อปวดตาปวดใจกับภาพที่เห็น ความเจ็บแสบแล่นแปรดไปทั่วสรรพางค์กาย!
“เจ้า! ซั่งกวนเยว่! มันจะเกินไปแล้ว!”
กึก!
ฉู่หลิวเยว่บดขยี้ทัณฑ์สวรรค์ในมือ แล้วยิ้มเยาะกลับไปเบาๆ
“ประมุขเว่ย ท่านจักหัวเสียไปไย? นี่เป็นเพราะท่านชิงของของไปก่อนมิใช่หรือ? และหากข้าหมดหนทางจริงๆ ข้าจะทำเช่นนี้มิได้เลยหรือ?”
เว่ยเจ๋อกระอักเลือดออกมาคราหนึ่ง
เหตุใดถึงกลายเป็นความผิดเขากัน!
แต่ถึงอย่างไร เขาก็ยังไม่ได้สุดโต่งเหมือนนางเสียหน่อย?
การที่นางทำเช่นนี้ ไม่ต่างจากการปล้นทัณฑ์สวรรค์จากแหล่งกำเนิดของมันเลยหนิ!
ฉู่หลิวเยว่ขจัดอัสนีบาตรรอบตัวออกไปอย่างรวดเร็ว
แค่นี้มันจะไปพออะไร?
ฉู่หลิวเยว่ดีดตัวก้าวไปข้างหน้า
และในจังหวะเดียวกันนั้น ทัณฑ์สวรรค์ที่อยู่ตรงหน้านาง ก็ถอยหลังกลับไปหนึ่งก้าว!
ฉู่หลิวเยว่ชะงักฝีเท้า พลันเลิกคิ้วขึ้น แล้วยิ้มอย่างมีเลศนัย
“นี่ เหตุใดจึงหลบล่ะ?”