ยอดหญิงลิขิตสวรรค์ - ตอนที่ 2071 ยอมแพ้แล้วรือ
ตอนที่ 2071 ยอมแพ้แล้วรือ
………………..
นางกวักมือเรียกมัน
“มาหาข้า”
แต่ทัณฑ์สวรรค์ด้านหน้าเหล่านั้นกลับไม่ยอมขยับ
หว่างคิ้วเรียวสวยเริ่มฉายแววขุ่นเคือง
“ข้าบอกให้มานี่”
เมื่อฝูงชนด้านล่างเห็นฉากนี้ ต่างก็พากันสับสนงุนงง
“นั่นซั่งกวนเยว่กำลังทำอันใด?”
“เหมือนว่านาง… กำลังเจรจากับทัณฑ์สวรรค์เหล่านั้น?”
“… ล้อกันเล่นรึ?”
“ข้าพูดจริงนะ ตอนที่นางก้าวไปข้างหน้า พวกเจ้าไม่เห็นหรือว่าทัณฑ์สวรรค์เหล่านั้นถอยหลังไป? ไม่รู้เพราะเหตุใด แต่ข้าคิดว่าทัณฑ์สวรรค์เหล่านั้น อาจจะกลัวนาง…”
“เรื่องนี้…”
เมื่อได้ยินเช่นนี้ สิ่งที่แรกที่ทุกคนคิดคือ มันฟังดูไร้สาระและไม่น่าเชื่อ
แต่ไหนแต่ไร เคยได้ยินเพียงคนกลัวทัณฑ์สวรรค์ แต่ไม่เคยได้ยินทัณฑ์สวรรค์กลัวคนเลย
แล้วจะมิให้คิดว่าไร้สาระได้เยี่ยงไร?
แต่ดูเหมือนว่ายามนี้ จะมีบางอย่างผิดปกติกับสถานการณ์ด้านบนจริงๆ
ในขณะที่ทุกคนกำลังตั้งข้อสงสัย ก็พลันเห็นทัณฑ์สวรรค์สายหนึ่ง เคลื่อนตัวไปด้านหน้าทีละนิดราวลังเล
ฉู่หลิวเยว่ยกมือขึ้นจับทัณฑ์สวรรค์สายนั้นไว้ย่างง่ายดาย!
ริมฝีปากสีแดงระเรื่อยกยิ้มขึ้นอย่างพอใจ
“เด็กดี”
หลังจากพูดอย่างนั้น นายก็บีบมือตัวเองเบาๆ ทัณฑ์สวรรค์พลันระเบิดทันตา กลายเป็นประจุแสงเล็กๆ มากมายไหลซึมเข้าสู่ร่างกายของนาง!
“ต่อเลย”
นางเลิกคิ้วขึ้นหยั่งเชิงแล้วกระดิกนิ้วเรียก
จากนั้นทุกคนก็ได้เห็นภาพที่พวกเขาจะไม่มีวันลืมไปตลอดชีวิต
ท่ามกลางทะเลอัสนีบาตรด้านบน หญิงสาวร่างเพรียวบางทว่าองอาจผู้นั้น กำลังลอยตัวอยู่กลางอากาศอย่างมั่นคง
พร้อมกับทัณฑ์สวรรค์แต่ละสายที่เหมือนจะต่อแถวเรียงกัน เขยิบตัวไปด้านหน้าแล้วร้อนลงบนมือของนาง พลางระเบิดตัวเองตามลำดับ พลังอันมหัศจรรย์ทั้งหมด หลั่งไหลเข้าสู่ร่างกายของนาง!
ในช่วงเวลาสั้นๆ ลมปราณพากายของนางเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว และยังไม่มีทีท่าว่าจะหยุดลงง่ายๆ!
…
ภาพที่เห็นนั้นยิ่งทำให้ปทุชนในลานตกใจ ตะลึงงันจนพูดไม่ออก และนานกว่าจะดึงสติกลับมาได้
จะโทษว่าพวกเขาขวัญอ่อนเกินไปก็ไม่ได้ เพราะเหตุการณ์แบบนี้ มันเกิดขึ้นบ่อยเสียเมื่อไหร่!
แม้พวกเขาจะพยายามคิดหาเหตุผลกลบเลื่อน แต่คิดไม่ถึงเลยว่ายามฉู่หลิวเยว่กล่าวว่าจะ “ชิง” มันมาให้ได้นั้น จะหมายความว่า ชิงมันด้วยมือเปล่าเช่นนี้!
หมัดที่กำแน่นของซั่งกวนจิ้งค่อยๆ คลายตัวออก ก่อนจะถอนหายใจยาวราวโล่งอกเสียที
ไพ่ตายของนางหนูคนนี้ ช่างร้ายกาจจริงๆ
ริมฝีปากของหรงซิวยกโค้งขึ้นเบาๆ พลางส่ายศีรษะราวไม่ถือสา ดวงตาคมกริบมากด้วยเสน่ห์และหว่างคิ้วคม ปรากฏรอยยิ้มพอใจ
นิสัยชอบหยอกล้อของนาง ความจริงแล้วมีเยอะกว่าถวนจื่อเสียอีก…
อันที่จริงด้วยความแข็งแกร่งของนางในตอนนี้ นางสามารถกลืนทัณฑ์สวรรค์เหล่านี้ในคราเดียวเลยก็ได้
แต่นางเลือกที่สั่งให้พวกมันเข้าแถว แล้วเขยิบไปข้างหน้าทีละสาย
ชัดเจนว่านางตั้งใจปล่อยให้คนด้านล่างเห็นภาพเช่นนี้
หรงซิวดึงสายตากลับมา พลันหันไปมองเว่อเจ๋อ
ยามนี้อีกฝ่ายกำลังเงยหน้ามองภาพนั้น สีหน้าหมองคล้ำไม่น่ามอง
“ประมุขเว่ย”
หรงซิวเอ่ยปากทักท้วง
เว่ยเจ๋อสะดุ้งโหยง ก่อนจะหันขวับไปมอง ความหวาดหวั่นปรากฏในดวงตาของชายชรา และยังไม่จางหายไปง่ายๆ
เห็นได้ชัดว่าการกระทำของฉู่หลิวเยว่นั้น เกินความคาดหมายของเขาไปมาก
หรงซิวเชิดปลายคางขึ้น เสียงทุ้มต่ำเสนาะหูเอ่ยอย่างนุ่มนวล
“เยว่เออร์เกือบจะตามทันแล้วนา ไยท่านยังไม่รีบอีกล่ะ?”
ใบหน้าของเว่ยเจ๋อพลันเปลี่ยนเป็นสีน้ำเงินสลับขาวซีด อย่างไม่น่าอภิรมณ์
เรื่องนี้เขารู้ดีอยู่แล้ว! ใช่เรื่องที่ต้องให้คนอื่นมาย้ำเตือนด้วยรึ?
หรงซิวกล่าววาจาเช่นนี้ ชัดเจนว่าจงใจเยาะเย้ยเขา!
เว่ยเจ๋อสูดหายใจเข้าลึกๆ พลางระงับโทสะที่กำลังพลุ่งพล่านในใจ ก่อนจะเอ่ยเสียงแข็ง
“ทักษะของนายท่านเยว่นั้นช่างโดดเด่น เก่งกาจกว่าตาสีตาสาทั่วไปเสียอีก แต่ในใจข้าก็ยังห่วงว่า ด้วยขอบเขตพลังปราณของนายท่านเยว่ในตอนนี้ หากฝืนกลืนทัณฑ์สวรรค์เข้าไปมากเกินตัว เกรงว่าไม่ทันได้แข่งจบ ร่างกายของนายท่านเยว่คง…”
“ดูเหมือนว่าประมุขเว่ยจะยังมิรู้”
หรงซิวขัดจังหวะเขาทันควัน พลันเอ่ยด้วยรอยยิ้ม
“ร่างศักดิ์สิทธิ์ของเยว่เออร์นั้นหล่อหลอมมาจากทัณฑ์ทลายเทพ! แม้ทัณฑ์สวรรค์ด้านบนนั่นจะทรงพลังและดุร้าย แต่เทียบกับทัณฑ์ทลายเทพแล้ว ประสิทธิภาพของมันน่าจะด้อยกว่ามากมิใช่หรือ?”
“ยามคับขันเช่นนี้ยังเป็นห่วงเป็นใยเยว่เออร์อีก ข้าว่าท่านเอาเวลาไปคิดว่าหากพ่ายแพ้ในการแข่งนี้ จะทำอย่างใด ไม่ดีกว่าหรือ?”
รูม่านตาของเว่ยเจ๋อหดลงทันที! นัยน์ตาแผงไปด้วยความหวาดผวาอยู่ลึกๆ
หลังจากความเงียบงันไปครู่หนึ่ง เขาก็สบทออกมาเบาๆ
ทัณฑ์ทลายเทพรึ?
นั่นมิใช่สิ่งที่ต้องขึ้นถึงช่างหลอมอาวุธระดับปรมาจารย์ ถึงจะเรียกหรอกได้หรือ?
และมีเพียงพวกระดับหัวกะทิเท่านั้น ถึงจะทำถึงขั้นนั้นได้
อีกทั้งผู้ที่สามารถเอาชีวิตรอดจากทัณฑ์ทลายเทพได้ ยิ่งมีน้อยน้อยกว่าอีก
ในอาณาจักรเสิ่นซวี่แห่งนี้ เนิ่นนานมากแล้ว ที่ไม่มีใครเรียกทัณฑ์ทลายเทพออกมา!
แต่เมื่อครู่หรงซิวกล่าวว่า… ฉู่หลิวเยว่ไม่เพียงแต่เรียกมันออกมา แต่ยังถือโอกาสนั้น ใช้มันหลอมร่างศักดิ์สิทธิ์ออกมาอีก!?
คราแรกฝูงชนต่างไม่เชื่อ แต่ใบหน้าที่แลดูสงบนิ่งของหรงซิว พร้อมรอยยิ้มมุมปากเช่นนั้น ไม่เห็นเหมือนกำลังโกหกกันเลย?
พูดง่ายๆ ก็คือ เรื่องนี้จะจริงหรือเท็จ ต้องลองดูต่อไปถึงจะรู้!
ทว่าฉู่หลิวเยว่ในตอนนี้ที่เคลื่อนตัวอยู่ในทะเลทัณฑ์สวรรค์ และบดขยี้อัสนีบาตรเหล่านั้น แล้วกลืนพวกมันเข้าไปอย่างง่ายดาย แค่นี้ก็พิสูจน์ได้แล้วมิใช่หรือ?”
“เกราะอ่อนอันงดงามนั่น… คือทัณฑ์ทลายเทพนี่เอง!”
บางคนอุทานเสียงดังด้วยความตกใจ
ผู้คนที่อยู่ที่นี้ล้วนเป็นช่างหลอมอาวุธระดับสูงสุดกันทั้งสิ้น แน่นอนว่าย่อมรู้จักทัณฑ์ทลายเทพพอสมควร
ยามนี้ เมื่อมองไปที่ฉู่หลิวเยว่ พลางนึกถึงท่าทีก่อนหน้าและคล้อยหลังของนางแล้ว ยังมีอันใดให้สงสัยอีก?
พลังของทัณฑ์ทลายเทพรุนแรงเพียงใด?
เมื่อเทียบกับทัณฑ์สวรรค์เหล่านี้แล้ว แตกต่างกันลิบลับ!
ทว่าแม้แต่ทัณฑ์ทลายเทพ ฉู่หลิวเยว่ยังเอาชนะได้ นับประสาอันใดกับสิ่งเหล่านี้?
“ไม่แปลก… ไม่แปลกเลยที่นางจะเอาชนะอี้เหวินเทาได้!”
ด้วยร่างอันศักดิ์สิทธิ์นี่ พลังในการต่อสู้ย่อมเท่ากับเทพศักดิ์สิทธิ์!
และแน่นอนว่านางสามารถชิงทัณฑ์สวรรค์เหล่านี้ไปได้อย่างง่ายดาย!
…
ยามนี้คนที่เป็นทุกข์ที่สุด น่าจะเป็นเว่ยเจ๋อ
เมื่อใดก็ตามที่มีทัณฑ์สวรรค์เคลื่อนตัวมาทางเขา ฉู่หลิวเยว่พุ่งเข้ามาดักหน้า แล้วชิงกลืนกินมันไปเสียก่อน
นางตั้งใจทำเช่นนั้นโดยตรง ง่ายและเร็ว รวบรัดหมดจน!
จนเขาไม่มีเวลาแม้แต่จะโต้ตอบ!
ไม่นานนัก ทัณฑ์สวรรค์ทั้งหมดก็ถูกฉวยไป ท้องฟ้าเหนือเว่ยเจ๋อพลันว่างเปล่า
ในขณะเดียวกัน ยามมองฉู่หลิวเยว่ด้านบนนั้น ดูเหมือนนอกจากนางจะไม่เพียงทนทานต่อพลังของทัณฑ์สวรรค์เหล่านั้นได้ แต่ยังจะมีความสุขมากขึ้นกว่าเดิมด้วย!
นางยืนหยัดสู้อยู่ตรงนั้น สายอัสนีบาตรรอบตัวนางเรียงตัวอย่างเป็นระเบียบ พลางทิ้งตัวลงบนมือนางและแปรเปลี่ยนเป็นพลังของนางตามลำดับ!
เว่ยเจ๋อตัวสั่นไปทั้งตัว เสมือนมีคลื่นความบ้าคลั่งปะทุอยู่ในอก!
ในที่สุดเขาก็ลุกขึ้นยืนอย่างเหลืออด
ยามนี้ฉู่หลิวเยว่กลืนกินทัณฑ์สวรรค์ไปมากกว่าเขาแล้ว!
แต่สิ่งสำคัญก็คือ ถ้านางยังชิงตัดหน้ากันเช่นนี้เรื่อยๆ เขาจะไม่มีทางได้ครอบครองทัณฑ์สวรรค์แม้แต่เส้นเดียว!
เช่นนั้นก็ไม่ต้องแข่งต่อแล้ว!
ครั้นเห็นเว่ยเจ๋อขยับตัว ฉู่หลิวเยว่เองก็หยุดเช่นกัน
“อันใดกัน ประมุขเว่ยยอมแพ้แล้วหรือเจ้าคะ?”
นางเอ่ยถามพลางหัวเราะในลำคอ
กลิ่นคาวเลือดคละคลุ้งอยู่ในลำคอของเว่ยเจ๋อ เขาพยายามฝืนใจกลืนมันลงไป
ก่อนจะเอ่ยตอบอย่างยากลำบาก
“เจ้ามัน… ใจดำ ครั้งนี้ถือว่าเจ้าชนะ!”
พลังปราณในร่างกายร่อยหรอลงแล้ว สู้ต่อไม่ไหวจริงๆ
และถ้าเขาฝืนทำต่อไป มีหวังได้ถูกฝังอยู่ที่นี้เป็นแน่แท้
เขาอยากได้มรดกของถังเคอ แต่ก็อยากมีชีวิตอยู่มากกว่านี้!
มุมปากของหยักยกยิ้มราวเหนือกว่า
“ขอน้อมรับเจ้าค่ะ ประมุขเว่ย ”
เว่ยเจ๋อไม่ต้องการสนทนากับฉู่หลิวเยว่อีกต่อไป เขาเอื้อมมือไปข้างหน้าและคิดจะดึงค้อนสีม่วงดำกลับมา
ทว่าขณะเดียวกัน ก็มีร่างสีแดงทองบินโฉบผ่านหน้าเขา แล้วรวบเอาค้อนด้ามนั้นไป!
………………..