ยอดหญิงลิขิตสวรรค์ - ตอนที่ 2078 ท่านซู / ตอนที่ 2079 ข้ายินยอมฝังร่วมกับเจ้า
ตอนที่ 2078 ท่านซู
ในตอนนั้นพลังที่นางถูกปอกลอกดูดกลืนไปทะลุขีดจำกัดที่ผู้แข็งแกร่งระดับเทพขั้นสูงธรรมดาคนหนึ่งจะต้านทานไหวแล้ว!
หากมิใช่เพราะพลังปราณดั้งเดิมที่กักเก็บไว้ในร่างของนางอุดมเฟื่องฟู เกรงว่าตอนนี้นางคงสิ้นชีวิตเพราะอิดโรยไปเป็นแน่
แต่ที่น่ากลัวคือ…ทั้งหมดทุกอย่างนี้ยังคงดำเนินต่อ!
ภายในจารึกสุสานราวกับมีหลุมไร้ก้นบึ้งที่คอยช่วงชิงพลังของนางอย่างต่อเนื่อง!
ฉู่หลิวเยว่หลับตาลง คอยจัดการโคจรลมปราณพลางครุ่นคิดไม่หยุดหย่อน
ข้างในนี้ซ่อนอะไรเอาไว้กันแน่?
ตึกตัก!
ตึกตัก!
เสียงหัวใจเต้นราวกับดังอยู่ข้างหูก็มิปาน!
ฉู่หลิวเยว่สูดลมหายใจเข้าลึก ก่อนจะลืมตาขึ้นมาอีกครา
อักษรโบราณสลักบนจารึกสุสานฝั่งที่แต่เดิมมืดทึมไร้แสงใต้ฝ่ามือของนางกำลังเรืองแสงขึ้นมาทีละน้อย
เห็นได้ชัดเลยว่ามันกำลังใช้ประโยชน์จากพลังของนางที่ดูดกลืนไป!
ฉู่หลิวเยว่พลันหยักยกมุมปากขึ้น ก่อนหัวเราะออกมาอย่างอับจนปัญญา
“ถ้ารู้แต่แรกว่าเป็นแบบนี้ คงไปหาชิงสมบัติศักดิ์สิทธิที่เหลือก่อนมานี่แล้ว…”
หากสมบัติศักดิ์สิทธิ์ทั้งห้าชิ้นของท่านซูอยู่ในมือนาง คงไม่ต้องมาทนทุกข์ทรมานใหญ่หลวงปานนี้
แต่บัดนี้เรื่องราวมันดำเนินมาจนถึงขั้นนี้แล้ว มาคร่ำครวญเรื่องพวกนี้ไปก็ไร้ประโยชน์
ฉู่หลิวเยว่หลับตาลง
เกรงว่าคนนอกคงคิดว่าตอนนี้นางกำลังรับมรดกของถังเคออยู่ไม่ผิดแน่
“ไม่รู้ว่าท่านซูผู้นี้มีความสัมพันธ์กับเขาอย่างไรแน่ถึงได้ทำให้เขาทุ่มเทลงแรงไปขนาดนี้…”
ฉู่หลิวเยว่พึมพำเสียงต่ำ
แกร๊ก!
สุ้มเสียงแตกร้าวเล็กๆ คราหนึ่งพลันแว่วดังขึ้นมา!
ฉู่หลิวเยว่ถึงกับตื่นตกใจ รีบหันศีรษะไปมองทันที อักษรโบราณส่วนสุดท้ายที่มืดทึมบัดนี้ถูกแสงสว่างเข้าปกคลุมทั้งหมดได้ในที่สุด!
หึ่ง!
ชั่วขณะนั้นเอง แสงสว่างก็เรืองรองเจิดจ้า!
ฉู่หลิวเยว่เพียงรู้สึกว่าลมปราณปริมาณมหาศาลพลันพวยพุ่งออกมาจากจารึกสุสาน ก่อนไหลหลั่งมายังทิศทางของนาง!
นางตื่นตระหนกจนใจแทบร่วง รีบถอยหลังในทันใด!
อีกทั้งครานี้แรงกดดันทั้งมวลอันหาสาเหตุไม่ได้รอบตัวนางพลันสลายหายไปในที่สุด นางรีบถอยหลังห่างออกไปอย่างรวดเร็ว!
ฉู่หลิวเยว่คิดไม่ถึงว่าตนเองจะดิ้นรนออกมาได้สำเร็จจริงๆ นางมองฝ่ามือของตนอย่างตกตะลึงแวบหนึ่ง
หลุด…หลุดออกมาแล้ว!
จารึกสุสานนั่น…
นางเหลือบสายตาขึ้นมองโดยไม่รู้ตัว กลับพบว่าแสงสว่างบนจารึกสุสานเข้ารวมตัวกันอย่างรวดเร็ว
จากนั้น เงาร่างกึ่งโปร่งแสงร่างหนึ่งก็ค่อยๆ ก่อตัวขึ้นมา!
เป็นร่างของสตรีที่อายุอานามประมาณยี่สิบกว่าปีผู้หนึ่ง
นางสวมชุดคลุมยาวสีเขียวอ่อน รูปร่างสูงเพรียว เรือนผมดำเงางามปล่อยสยายลงมาปรกข้อศอก คาดไว้เพียงผ้าคาดศีรษะสีเงินฝังทับทิมเส้นหนึ่ง
องค์ประกอบใบหน้างดงามหมดจด เจริญตาสง่าเฉิดฉาย
ยามนางมองมา ดวงตาของนางดุจสายน้ำยามวสันต์ อบอุ่นและอ่อนโยนยิ่ง
เพียงแวบเดียวก็มองออกว่านี่คือสตรีที่อ่อนโยนอย่างยิ่งผู้หนึ่ง
“ซูหลี่ขอขอบคุณแม่นางที่ช่วยชีวิต”
สุรเสียงดุจนกขมิ้น ไพเราะเพราะพริ้งแลเสนาะหู
ทว่าฉู่หลิวเยว่กลับเบิกตากว้างน้อยๆ
นี่ นี่มัน…
“ท่านซูอย่างนั้นหรือ!”
นางเอ่ยถามออกไปอย่างไม่เชื่อสายตา
ซูหลี่คลี่ยิ้มออกมา ปรากฏลักยิ้มเล็กๆ สองอันให้เห็นข้างริมฝีปาก
“มิบังอาจ แม่นางมีเมตตาใหญ่หลวง ซูหลี่ไม่มีทางลืมจวบสิ้นชีวิต”
เป็นนางจริงด้วย!
ฉู่หลิวเยว่ราวกับถูกอัสนีบาตผ่ากลางกระหม่อม ยืนค้างมองสตรีเบื้องหน้าอยู่พักใหญ่ ทว่าในใจกลับมีพายุโหมกระหน่ำ!
ซูหลี่!
ที่แท้ท่านซูผู้มีพรสวรรค์น่าตื่นตะลึงที่ประมือกับถังเคอจนผลออกมาเสมอ แบ่งปันยุครุ่งเรืองร่วมกับถังเคอ มีอำนาจถึงขั้นเรียกลมเรียกฝนได้ในตำนานผู้หนึ่งเป็นสตรี!
…
ฉู่หลิวเยว่พยายามอย่างมากทีเดียวกว่าจะสงบคลื่นอารมณ์ในใจลงได้
นางอ้าปากพะงาบ ไม่รู้จะพูดอะไรออกมาไปชั่วขณะ
ในข่าวลือมากมายหลากหลายรูปแบบพวกนั้นไม่เคยมีสักครั้งที่บอกว่าท่านซูเป็นสตรีเลยนี่นา!
ทุกสิ่งอย่างนี้เกิดขึ้นอย่างกะทันหัน แม้แต่ฉู่หลิวเยว่เองก็ยังคงมึนงงไปพักหนึ่ง
นางคิดมาโดยตลอดเลยว่าท่านซูผู้นี้จะเป็นเฒ่าชราหรือไม่ก็บุรุษวัยกลางคนร่างกายแข็งแรงกำยำเสียอีก…
ไม่ว่าจะแบบไหนก็ต่างจากสตรีงดงามอ่อนละมุนตรงหน้านี้ราวฟ้ากับเหว!
“ขอบังอาจถามชื่อเสียงเรียงนามของแม่นาง?”
ฉู่หลิวเยว่จึงค่อยๆ ได้สติกลับคืนมาในที่สุด
“ซั่งกวนเยว่”
“ที่แท้ก็เป็นแม่นางซั่งกวนนี่เอง”
ซูหลี่คลี่ยิ้ม สายตาเบนน้อยๆ มองไปทางโล่ผสานนภาข้างกายของฉู่หลิวเยว่
แววตาของนางพลันปรากฏรอยอารมณ์คำนึงเคลื่อนผ่าน
“แม่นางซั่งกวนมาจากท่าเรือดอกท้ออย่างนั้นหรือ?”
ฉู่หลิวเยว่มองตามครรลองสายตาของนาง
มีโล่ผสานนภาอยู่ด้วย ซูหลี่จะทายถูกก็เป็นเรื่องปกติ
นางจัดระเบียบความคิดของตนก่อนตอบไป
“เจ้าค่ะ”
“ดูเหมือนว่าตอนนี้ท่าเรือดอกท้อจะอยู่ในความดูแลของแม่นางซั่งกวนแล้ว”
ฉู่หลิวเยว่ถึงกับตะลึงไปพักหนึ่ง
“เหตุใดท่านซูจึงรู้เรื่องนี้ได้เล่าเจ้าคะ?”
ซูหลี่ปิดปากพลางหัวเราะ
“โล่ผสานนภายอมรับแม่นางซั่งกวนเป็นเจ้านายแล้ว เช่นนั้นท่าเรือดอกท้อก็ย่อมตกอยู่ในการครอบครองของแม่นางคั่งกวนเช่นกัน”
ฉู่หลิวเยว่เดาได้แต่แรกแล้วว่าท่าเรือดอกท้อกับโล่ผสานนภามีความสัมพันธ์บางอย่างที่เกี่ยวข้องกัน เมื่อได้ยินซูหลี่พูดเช่นนี้ก็ยิ่งมั่นใจในความคิดของตนมากกว่าเก่า
การต่อสู้ระหว่างซูหลี่กับถังเคอในครานั้นเกิดขึ้นที่ท่าเรือดอกท้อ อีกทั้งบนจารึกสุสานของนางก็สลักอักษรโบราณที่อยู่บนโล่ผสานนภาไว้ครึ่งหนึ่งด้วย
นางจะรู้เรื่องพวกนี้ได้ย่อมไม่ผิดแผกอะไร
ฉู่หลิวเยว่พยักหน้ารับแผ่วเบา
“แม่นางซั่งกวนเรียกกันเช่นนี้ ออกจะห่างเหินไปหน่อยกระมัง”
ฉู่หลิวเยว่ยิ้มพลางส่ายศีรษะ
“ท่านเป็นผู้อาวุโส อีกทั้งคนในใต้หล้าต่างพากันเคารพนับถือเรียกท่านว่าท่านซู ข้าเองก็ชินปากเรียกเช่นนี้ด้วยเหมือนกัน”
แม้ซูหลี่ที่อยู่เบื้องหน้าจะนุ่มนวลและใจกว้าง งดงามสุขุม แต่นางก็ไม่ลืมว่าครึ่งหนึ่งของสิบสมบัติศักดิ์สิทธิ์อันยิ่งใหญ่ล้วนมาจากมือของนาง!
บุคคลเช่นนี้จะได้รับการขนานนามว่า “ท่าน” ย่อมคู่ควรแล้ว
แววตาของซูหลี่วูบไหวน้อยๆ ราวกับจมดิ่งสู่ความทรงจำอันยาวนาน พักใหญ่กว่าจะถอนใจออกมาพลางหัวเราะเสียงแผ่ว
“ตอนนั้นข้าปลอมเป็นบุรุษเตร็ดเตร่ไปในอาณาจักรเสิ่นซวี่ ดังนั้น…”
ดังนั้นจึงทำให้ทุกคนเข้าใจตัวตนที่แท้จริงของนางผิดไป
ฉู่หลิวเยว่พยักหน้าเป็นเชิงเข้าใจ
ความจริงข้อนี้นางก็พอเดาได้แล้ว
แค่การต่อสู้ระหว่างซูหลี่กับถังเคอในครานั้นก็เพียงพอจะทำให้คนตื่นตระหนกตกใจกันได้แล้ว
หากทุกคนยังได้รู้อีกว่านางเป็นสตรี เกรงว่าคงทำเอาคนจำนวนนับไม่ถ้วนตื่นตะลึงไปตามกันยิ่งกว่าแน่
ระหว่างที่ซูหลี่พูด สีหน้าของนางก็เผยแววรู้สึกผิดออกมา
“พูดไปแล้ว เมื่อครู่…ที่บังคับกลืนกินพลังปราณดั้งเดิมของแม่นางซั่งกวนมานั้นหาใช่ความปรารถนาของข้าไม่ ล่วงเกินเอาไว้มากแล้ว หวังว่าแม่นางซั่งกวนจะให้อภัย”
พูดมาถึงตรงนี้ ความจริงแล้วฉู่หลิวเยว่เองก็มีคำถามมากมายเช่นเดียวกัน
“ความหมายของท่านซูก็คือ…”
หรือว่าทั้งหมดทั้งมวลนั้นมิใช่ฝีมือนาง?
ประหนึ่งมองความใคร่รู้ของฉู่หลิวเยว่ออก ซูหลี่ถอนใจออกมาแผ่วเบา ก่อนหมุนตัวกลับไปมองจารึกสุสานอันนั้น
“แม่นางซั่งกวนรู้หรือไม่ว่าจารึกสุสานนี่เป็นผู้ใดสร้าง?”
ซูหลี่ผงกศีรษะ บริเวณหว่างคิ้วปรากฏร่องรอยเศร้าโศกจางๆ
“ความจริงแล้ว ผู้ที่ตั้งจารึกสุสานสองอันนี้ขึ้นมาคือเขา หลังการต่อสู้ปีนั้น ตัวข้ากายเนื้อดับสูญวิญญาณแตกสลาย ทว่าเขากลับมีชีวิตรอด และเพราะได้ความช่วยเหลือจากเขา วิญญาณของข้าจึงยังคงสภาพเดิมได้ ก่อนจมสู่ห้วงนิทราลึกมาจนถึงปัจจุบัน”
ตอนที่ 2079 ข้ายินยอมฝังร่วมกับเจ้า
“เพียงแต่ว่าการใช้วิธีนี้ทำได้แค่พอฝืนเก็บรักษาวิญญาณของข้าไว้ได้เท่านั้น มิอาจทำให้ข้ามีชีวิตอยู่ต่อไปได้จริงๆ อีกทั้งเมื่อเวลาผ่านไป วิญญาณข้าจะยิ่งอ่อนแอลงเรื่อยๆ จนกระทั่งสุดท้ายก็สูญสลายไปโดยสมบูรณ์”
นางหันศีรษะกลับมามองฉู่หลิวเยว่ด้วยสีหน้าซับซ้อน
“อีกไม่กี่เดือนก็จะถึงเวลาจุดจบของชีวิตข้าแล้ว หากวันนี้มิได้แม่นางซั่งกวนช่วยเหลือ เกรงว่าข้า…”
เมื่อนางพูดเช่นนี้ ในใจฉู่หลิวเยว่ก็ยิ่งทวีความสงสัยมากขึ้นไปอีก
“ท่านซู เหตุใดต้องเป็นข้า?”
ตอนนี้นางได้สติกลับมาครบถ้วนแล้ว
ตั้งแต่เริ่มแรก เป้าหมายของถังเคอมีเพียงอย่างเดียวก็คือ นำนางเข้ามาช่วยชุบชีวิตให้ซูหลี่อีกครั้ง!
แต่นางและซูหลี่กับถังเคอไม่มีความสัมพันธ์เกี่ยวข้องกันแต่อย่างใด ผู้คนในใต้หล้ามากมายปานนั้น เหตุใดถึงได้เลือกนาง
หากพูดไม่ผิดล่ะก็…
“หรือว่าจะเป็นเพราะสมบัติศักดิ์สิทธิ์สามชิ้นนั้น?”
นี่เป็นความเกี่ยวข้องเดียวระหว่างนางกับซูหลี่ที่เข้าเค้ามากที่สุดแล้ว
ทว่าเมื่อได้ยินดังนั้น ซูหลี่กลับส่ายศีรษะ
“พวกนั้นเป็นแค่องค์ประกอบผิวเผิน ความจริงแล้ว เหตุผลที่แท้จริงอยู่ที่โล่ผสานนภา”
ฉู่หลิวเยว่ถึงกับตะลึงงัน
จริงด้วย
ซูหลี่ตอบเสียงแผ่ว
สมองของฉู่หลิวเยว่ถึงกับตีรวนวุ่นวายไปชั่วขณะ
ความคิดนับไม่ถ้วนแล่นปราดขึ้นมาในใจนาง
ปีนั้นซูหลี่กับถังเคอสู้กันจนผลออกมาเสมอ จากนั้นทั้งสองก็หายตัวไป ที่แท้ก็เป็นเพราะซูหลี่ตายแล้ว ถังเคอจึงพาร่างนางมาฝังไว้ที่นี่ จากนั้นก็ช่วยนางสร้างจารึกสุสานขึ้นมาไว้
นี่มัน…ฝังทั้งเป็นอย่างนั้นหรือ!?
เมื่อปะติดปะต่อเข้ากับเรื่องที่ซูหลี่เพิ่งพูดออกมาเมื่อครู่ว่าหลายปีมานี้ถังเคอทำทุกวิถีทางเพื่อช่วยชุบชีวิตนางให้กลับมามีลมหายใจอีกครั้ง…
คำตอบข้อนี้พลันเผยตัวออกมาทันควัน!
เห็นได้ชัดเลยว่า ถังเคอตกหลุมรักซูหลี่สุดหัวใจ!
หากมิใช่เพราะเหตุผลเช่นนี้ เขาไม่มีทางฝังตัวเองกับซูหลี่ไว้ด้วยกันเป็นแน่!
เขายังไม่ตาย แต่กลับคิดไปถึงการได้นอนหลับชั่วนิรันดร์หลังสิ้นลมเคียงคู่กับนางแล้ว!
ฉู่หลิวเยว่สูดลมหายใจเข้าปอดลึกๆ
ทุกคนในใต้หล้าล้วนรู้แจ้งว่าตลอดชีวิตของถังเคอเป็นอัจฉริยะที่หาตัวจับยาก ทั้งยังภาคภูมิใจและทระนงตนอย่างมาก
กระทั่งสิ้นอายุขัย เขาก็ไม่เคยตบแต่งภรรยามีบุตรสืบทอดเลยแม้แต่ครั้งเดียว
ดังนั้นทุกคนจึงคิดกันไปว่าคนเช่นเขามีความคิดเดียวคือการตีหลอมอาวุธศักดิ์สิทธิ์
ความรักระหว่างมนุษย์ เขาจะไปใส่ใจมันได้อย่างไร?
ใครจะไปคาดคิดเล่าว่าเขาทำถึงขนาดนี้ก็เพื่อตัวของซูหลี่ทั้งนั้น!
“ผู้อาวุโสถังเคอกับท่าน…”
ฉู่หลิวเยว่เอ่ยปากอย่างลังเล
“เอ่อ ท่านทั้งสองได้…”
“ไม่เคย”
ดวงหน้าของซูหลี่แดงระเรื่อน้อยๆ
“การต่อสู้ที่ท่าเรือดอกท้อในครานั้นเป็นการพบกันครั้งแรกของพวกเรา”
“พื้นฐานครอบครัวข้าฐานะต่ำต้อย ทั้งยังไม่มีพรสวรรค์ในด้านจอมยุทธ์เลยสักนิด จึงถูกตระกูลทอดทิ้งราวกับขยะชิ้นหนึ่ง ภายหลังได้รับโอกาสมาโดยไม่ได้ตั้งใจ ข้าถึงได้พบว่าตัวเองยังมีพรสวรรค์ด้านช่างหลอมอาวุธที่ไม่เลว จากนั้นข้าก็ออกจากตระกูลมา ติดตามท่านอาจารย์ด้วยจิตใจที่อยากฝึกปรือ ท่านอาจารย์เป็นช่างหลอมอาวุธระดับปรมาจารย์ แต่มักไม่ยุ่งกับกิจของใต้หล้า คอยเก็บตัวเงียบ ข้าจึงติดตามเขามาตั้งแต่นั้น จนกระทั่งภายหลังข้าบุกทะลวงสู่ขั้นช่างหลอมอาวุธระดับปรมาจารย์ ท่านอาจารย์ก็สิ้นลมจากไปพอดี ข้าถึงได้เริ่มเดินทางมายังอาณาจักรเสิ่นซวี่นับแต่นั้น”
ฉู่หลิวเยว่เข้าใจในทันใด
“ที่แท้ก็เป็นเช่นนี้นี่เอง…”
นี่ก็อธิบายได้แล้วว่าทำไมคนใต้หล้าถึงไม่เคยได้ยินชื่อเสียงเรียงนามของนางมาก่อน
เพราะนางเอาแต่ฝึกปรือฝีมืออย่างเงียบเชียบมาโดยตลอดนี่เอง
“ตอนนั้นยังอ่อนด้อยไร้ประสบการณ์ ได้ยินมาว่าถังเคอมีชื่อเสียงโด่งดัง เป็นอันดับหนึ่งในบรรดาช่างหลอมอาวุธร่วมสมัย ข้าก็เลยส่งสารท้ารบไป”
เมื่อพูดถึงเรื่องครานั้นขึ้นมา ซูหลี่ก็ยังคงทอดถอนใจออกมาเหมือนอย่างเดิม
“ใครจะไปคาดคิดเล่าว่าหลังจากนั้นท่าเรือดอกท้อจะเกิดเรื่องราวมากมายขึ้นปานนี้”