ยอดหญิงลิขิตสวรรค์ - ตอนที่ 2084 ไต่ถาม
ตอนที่ 2084 ไต่ถาม
………………..
แอ๊ด…
ประตูใหญ่ที่นิ่งเงียบอยู่นาน สุดท้ายก็ส่งเสียงดังขึ้น
พวกซั่งกวนจิ้งที่กำลังรอคอยอยู่ด้านนอกพลันเรียกสติแล้วมองเข้าไป!
ประตูใหญ่เปิดออกอย่างเชื่องช้า เงาร่างสูงชะลูดสายหนึ่งเดินออกมาจากด้านใน
เป็นหรงซิว!
และที่ด้านหลังเขานั้น เงาร่างของฉู่หลิวเยว่ก็สะท้อนเข้าสู่นัยน์ตาของผู้คน
“เยว่เออร์!”
ซั่งกวนจิ้งพลันปีติยินดีอยู่ในใจ แล้วก้าวเท้าไปข้างหน้าอย่างรวดเร็ว และพิจารณาทั้งสองคนอย่างจริงจังรอบหนึ่ง
“พวกเจ้าเป็นอย่างไรบ้าง?”
ฉู่หลิวเยว่แย้มยิ้มเอ่ย
“องค์ไท่จู่วางใจ ทั้งหมดราบรื่น”
บรรยากาศโดยรอบพลันเปลี่ยนไปเป็นเปราะบางขึ้นมา
คนไม่น้อยต่างลอบสบตากัน
ความหมายนี้…คือราบรื่นจนได้รับมรดกของถังเคอมาแล้วหรือ
ก็จริง ถึงอย่างไรนางก็ล้วนชนะการประชันนั้นแล้ว ถังเคอเองก็แจ้งเสียจนชัดเจนแล้วว่าพึงพอใจนางเป็นอย่างมาก การจะมอบทุกอย่างให้ไปก็เป็นเรื่องที่สมเหตุสมผล
หากหมายความเช่นนี้ หลังจากนี้ นางมีความเป็นไปได้อย่างมากที่จะทะลวงขั้นช่างหลอมอาวุธระดับศักดิ์สิทธิ์!
ประกอบกับมีซั่งกวนจิ้งอยู่อีกคนหนึ่ง…
ตระกูลนี้ เกรงว่าจะไร้ศัตรูแล้ว!
ภายในใจของซั่งกวนจิ้งเองก็เป็นความตื่นเต้นระลอกหนึ่ง
ครู่หนึ่ง ท่ามกลุ่มคนในที่สุดก็มีคนกล้าเอ่ยถาม
“ขอบังอาจถามโอรสสวรรค์และนายท่านเยว่ ผู้อาวุโสถังเคอเวลานี้เป็นอย่างไรบ้าง?”
พวกเขาออกมาแล้ว แล้ว…ถังเคอเล่า
เขายังคงวิญญาณสายหนึ่งเอาไว้อยู่นะ…
ฉู่หลิวเยว่มองไปยังผู้ที่เอ่ยคำถาม แล้วแย้มยิ้มอย่างนิ่งสงบ
“ผู้อาวุโสถังเคอบอกว่า เขาเคยชินกับการเฝ้าคอยอยู่ที่นี่แล้ว เวลานี้ในเมื่อเรื่องราวทั้งหมดจบลงแล้ว หลังจากนี้จะกักตนอยู่ที่นี่อย่างสมบูรณ์ ไม่ปรากฏตัวสู่โลกอีก”
เมื่อคนทั้งหมดได้ยิน อันดับแรกก็ตกตะลึงก่อน หลังจากนั้นก็เป็นความเสียใจภายหลัง
วาจาเช่นนี้ เช่นนั้นหลังจากนี้มิใช่ว่าพวกเขาไม่มีโอกาสจะมาขอคำชี้แนะอีกแล้วหรอกหรือ
สายตาของหรงซิวกวาดผ่านไปบนร่างของผู้คนทั้งหมด แล้วหรี่ตาลงเล็กน้อย
“ประมุขตระกูลเว่ยไม่อยู่หรือ”
ได้ยินเขาพูดเช่นนี้ ฉู่หลิวเยว่ถึงได้พบว่า เว่ยเจ๋อไม่ได้อยู่ที่นี่จริงๆ
แปลก!
ด้วยลักษณะนิสัยและท่าทีของเว่ยเจ๋อแล้ว คล้ายว่าจะไม่จากไปก่อนที่พวกเขาออกมากระมัง
ซั่งกวนจิ้งเอ่ยไขความ
“สามวันก่อน คนของตระกูลเว่ยมาแล้ว บอกว่ามีเรื่องด่วนจำเป็นต้องให้เขาไปจัดการด้วยตนเอง ดังนั้นเขาจึงพาคนไปแล้ว”
หรงซิวแย้มยิ้มเล็กน้อย
“ที่แท้ก็เป็นเช่นนี้ ดูท่าแล้วประมุขตระกูลเว่ยยังคงยุ่งอยู่มากจริงๆ”
ความคิดของฉู่หลิวเยว่แล่นปราด มุมปากโค้งขึ้นเล็กน้อย
“เดิมทียังวางแผนไว้ว่าจะมากล่าวอำลากับประมุขตระกูลเว่ย แต่เวลานี้ดูแล้ว คาดว่าไม่ต้องกังวลแล้ว ในเมื่อเป็นเช่นนี้ เช่นนั้นพวกข้าก็แยกตัวออกเดินทางก่อนแล้ว วันหน้าหากมีวาสนา พวกเราคงได้พบกัน”
นี่ก็จะไปแล้ว
ผู้ใดต่างก็ล้วนโอบกอดความคาดหวังเข้ามา เวลานี้อะไรก็ล้วนไม่ได้รับ ย่อมรู้สึกเสียดายเป็นอย่างมาก
แต่คนเขาจะไป พวกเขาก็ไม่อาจรั้งได้
นับประสาอะไรกับฉู่หลิวเยว่ผู้ได้รับมรดกของถังเคอหลังจากผ่านเรื่องราวในครั้งนี้ไป ในภายภาคหน้าอนาคตจะต้องไร้ประมาณเป็นแน่
สร้างสัมพันธ์อันดีเอาไว้ย่อมดีกว่าการสร้างศัตรูอยู่แล้ว
ในเวลานั้นจึงมีคนไม่น้อยกล่าวอำลากับพวกเขาหลายคนด้วยใบหน้ายิ้มละไม วาจากริยาเกรงใจเป็นอย่างมาก
ฉู่หลิวเยว่ตอบรับทั้งหมดตามมารยาท แล้วล้วนก็กล่าวอำลาด้วยรอยยิ้มคิกคัก
หลังจากการหมุนซ้ายหมุนขวารอบหนึ่ง คนแถวหนึ่งก็จากไปในที่สุด
จนกระทั่งเงาร่างของพวกเขาเลือนหายไปจนหมด ผู้คนที่เหลือถึงค่อยทยอยกันหายไป
…
ตระกูลอี้
ภายในห้องตำรา จวินจิ่วชิงนั่งอยู่ข้างหลังโต๊ะ กำลังมองอะไรบางอย่าง
เงาร่างมนุษย์สายหนึ่งพลันเข้ามาหา
เป็นอี้เหวินจั๋ว
เขาตรงมาถึงหน้าประตู โบกมือไปทางองครักษ์สองคนที่กำลังจะทำความเคารพ
“พวกเจ้าออกไปก่อน ข้ามีเรื่องจะพูดกับจิ่วชิง”
สององครักษ์มองหน้ากัน
“นี่…”
ไม่มีคำสั่งของท่านประมุข พวกเขาไม่กล้าจากไปโดยพลการ
“พวกเจ้าออกไปก่อนเถิด”
ได้ยินวาจานี้ ทั้งสองคนพลันผ่อนลมหายใจ หลังจากตอบรับโดยการคารวะแล้ว ก็ถอยออกไป
อี้เหวินจั๋วยกเท้าเดินเข้ามา แล้วปิดประตูลงกลอนจนเรียบร้อย หลังจากยืนยันแล้วว่าไม่มีคนอื่นอยู่ที่นี่ ถึงค่อยมองไปยังจวินจิ่วชิงที่กำลังนั่งอยู่ภายในห้อง
จวินจิ่วชิงช้อนตาขึ้นมองมา แย้มยิ้มแล้วเอ่ย
“ท่านอาจารย์ เหตุใดท่านถึงมาหาในเวลานี้กัน”
อี้เหวินจั๋วเดินมาถึงตรงหน้าเขาโดยไม่พูดอะไรแม้แต่คำหนึ่ง และมองเขาด้วยสายตาซับซ้อน
สายตานั้นคล้ายว่าสงสัย คล้ายว่าพิเคราะห์
เนิ่นนาน เขาถึงค่อยเอ่ยถามเสียงทุ้ม
“ความตายของพี่ใหญ่…เกี่ยวข้องกับเจ้าหรือไม่?”
พี่ใหญ่ผู้นี้ ย่อมหมายถึงอี้เหวินเทา
รอยยิ้มบนใบหน้าของจวินจิ่วชิงจางลงไปหลายส่วน เอ่ยถามอย่างแปลกใจอยู่บ้าง
“ไยท่านอาจารย์ถึงพูดเช่นนี้?”
“ข้าได้ยินมาว่า ก่อนหน้าที่เขาจะตายในวันนั้น คนที่พบเพียงหนึ่งเดียว ก็คือเจ้า”
อี้เหวินจั๋วจดจ้องเขาเขม็ง สอหมัดในแขนเสื้อกุมแน่น
“จิ่วชิง เจ้ากล้าพูดหรือไม่ว่าเรื่องนี้ไม่เกี่ยวพันกับเจ้า?”
จวินจิ่วชิงชะงักเล็กน้อย เอ่ย
“ไม่ผิด วันนั้นข้าไปพบท่านประมุขจริง เพราะคนที่ด้านล่างมักจะพูดว่าเขาไม่ยอมใช้ยา ข้าจึงอยากไปจูงใจเขาสักหน่อย น่าเสียดาย…ท่านประมุขล้มเลิกการฝึกตนแล้ว ไม่มีความคิดที่จะมีชีวิตอยู่ต่อแล้ว เขาเลือกระเบิดตนเอง เพียงเพราะเขาไม่อาจยอมรับเรื่องจริงที่ว่าตนเองกลายเป็นคนไร้ประโยชน์ผู้หนึ่งได้ คืนวันเช่นนั้นทำให้เขาหมดหวัง เขาจึงยอมตาย”
“ท่านอาจารย์ คนอย่างท่านประมุขเช่นนี้ ทะนงตนมาทั้งชีวิต เลือกกระทำเช่นนี้ออกมาได้ ก็เป็นเรื่องปกติที่สุดแล้ว ไม่ใช่หรือ?”
น้ำเสียงของจวินจิ่วชิงนิ่งสงบ แต่ละถ้อยแต่ละวาจาที่ตามมา กลับคมกริบอย่างยิ่ง
อี้เหวินจั๋วขมวดคิ้วแน่น
ไม่ยอมรับไม่ได้ วาจาเหล่านี้ของเขา มีเหตุผลอยู่มากจริงๆ
ทว่า…เขากลับรู้สึกว่ามีบางอย่างไม่ถูกต้อง
อี้เหวินจั๋วจดจ้องอี้เหวินเขม็ง คล้ายคิดอยากจะมองเบาะแสบางอย่างบนหน้าเขาให้ออก
แต่ อะไรก็ล้วนมองไม่ออก
อี้เหวินจั๋วถึงได้ตระหนักรู้อย่างตะลึงงันในเวลานี้เองว่า ตนเองมองเขาไม่ออกเลยแม้แต่น้อย!
เขาสูดหายในเข้าลึก สุด้ทายก็เอ่ยถามเสียงทุ้ม
“ต่อให้เป็นเช่นนั้น แล้ว…เรื่องของตระกูลเว่ย เจ้าจะว่าอย่างไร?”
………………..