ยอดหญิงลิขิตสวรรค์ - ตอนที่ 2085 ช่วยเหลือ
“ตระกูลเว่ยหรือ พวกเขาเป็นอันใดไปอีกหรือ?”
จวินจิ่วชิงเลิกคิ้วเล็กน้อย คล้ายว่าไม่เข้าใจความหมายในวาจาของเขา
อี้เหวินจั๋วแค่นเสียงเย็นเสียงหนึ่ง แล้วกดเสียงให้ต่ำลง
“เจ้าและเว่ยเจ๋อสมาคมกันมานานแล้ว ใช่หรือไม่!”
จวินจิ่วชิงแย้มยิ้มเล็กน้อย ระหว่างคิ้วตาแนบไว้ด้วยความเหลือร้ายอย่างคลุมเครืออยู่หลายส่วน
“ท่านอาจารย์ ตระกูลอี้และตระกูลเว่ยล้วนไปมาหาสู่กันโดยตลอด เวลานี้ข้าในฐานะประมุขตระกูล มีการคบค้าสมาคมกันกับเว่ยเจ๋อ มิใช่เรื่องปกติหรือ?”
“เจ้ารู้ดีว่าสิ่งที่ข้าพูดมิใช่ความหมายนี้!”
อี้เหวินจั๋วสูดหายใจเข้าลึก
“คนอื่นไม่รู้ แต่ข้านั้นเข้าใจง้าวว่านเฟิง ชัดแจ้งว่าเป็นของตระกูลอี้ คนที่รู้เรื่องนี้ทั้งอาณาจักรเสิ่นซวี่มีไม่เกินสามคน ผลคือเวลานี้อยู่ดีๆ ง้าวว่านเฟิงก็กลับไปปรากฏอยู่ในมือของเว่ยเจ๋อ ผู้ที่สามารถนำง้าวว่านเฟิงไปได้อย่างไร้สุ้มไร้เสียง นอกจากเจ้าแล้ว…ยังจะมีใคร!”
หากเวลานี้มีคนอื่นอยู่ที่นี่ แล้วได้ยินวาจาเหล่านี้ ก็จะต้องตกตะลึงเป็นแน่
ผู้คนล้วนคิดไปเองว่า ตระกูลอี้มีสมบัติศักดิ์สิทธิ์แค่เพียงชิ้นเดียว ก็คือขวานสุริยันมรกตของอี้เหวินเทา แต่ที่จริงแล้ว ง้าวว่านเฟิงเองก็เป็นของพวกเขา ตั้งแต่หลายพันปีก่อนแล้ว
เพียงแต่อี้เหวินเทาเก็บงำเรื่องนี้มาโดยตลอด จงใจปิดบังการมีอยู่ของง้าวว่านเฟิง
อี้เหวินจั๋วเองก็ได้ทราบเรื่องนี้เพราะว่าเป็นน้องชายแท้ๆ ของอี้เหวินเทาเช่นกัน
ช่วงนี้ เรื่องราวของสุสานถังเคอที่ป่าศิลาสร้างก่อความวุ่นวายขึ้นเสียจนฟุ้งตลบ ข่าวคราวที่เกี่ยวกับง้าวว่านเฟิงก็ยิ่งแพร่กระจายออกไปก่อนแล้ว
ที่ป่าศิลา เพื่อที่จะทดลองเปิดสุสานถังเคอ เว่ยเจ๋อจึงเรียกง้าวว่านเฟิงออกมา เสียดายก็เพียงแค่มันไม่สำเร็จ อีกทั้งสุดท้ายแล้วง้าวว่านเฟิงก็ยังจดจำหรงซิวเป็นนายอีกด้วย
เรื่องหลังนี้ถึงจะเป็นเรื่องที่สำคัญที่สุด!
ครั้งนี้ เสียท่าไปแล้วจริงๆ
สีหน้าของจวินจิ่วชิงเรียบนิ่งเป็นอย่างมากแล้วเอ่ย
“ไม่ปกปิดท่าน ง้าวว่านเฟิงข้าให้เว่ยเจ๋อยืมไปใช่ชั่วคราวจริงๆ แต่ตอนนั้นเขาเพียงบอกว่า คิดอยากจะยืมใช้สมบัติศักดิ์สิทธิ์ที่พันธนาการถังเคอในปีนั้นไปเปิดสุสานของถังเคอ หลังจากใช้เสร็จแล้วก็จะคืน เรื่องเหล่านั้นที่เกิดขึ้นในภายหลัง ข้าเองก็ไม่ได้คาดคิด…”
“ของสำคัญเช่นนี้ คิดไม่ถึงว่าเจ้าจะให้ยืมออกไปได้อย่างง่ายดายราวกับพลิกฝ่ามือเช่นนั้นหรือ?”
อี้เหวินเทาเอ่ยถามอย่างไม่อยากจะเชื่อ ระหว่างอกท้องคล้ายว่ามีอันใดบางอย่างกำลังพลุ่งพล่านอย่างบ้าคลั่ง
“ขวานสุริยันมรกตถูกซั่งกวนเยว่ยึดครองแล้ว เวลานี้แม้แต่ง้าวว่านเฟิงก็กลายเป็นของหรงซิว จิ่วชิง…เจ้ากำลังคิดอันใดอยู่กันแน่”
จวินจิ่วชิงมองเขาด้วยสีหน้าเรียบนิ่ง
“ท่านอาจารย์ ขอข้าเตือนท่านสักหนึ่งประโยค นั่นเป็นสมบัติศักดิ์สิทธิ์ สมบัติศักดิ์สิทธิ์มีวิญญาณ ล้วนเลือกเจ้านายด้วยตนเองมาแต่ไหนแต่ไร ผู้ที่ไร้ซึ่งวาสนานี้ต่อให้เฝ้าพิทักษ์มานับพันปี ก็ยังไม่อาจได้รับการยอมรับจากมัน กลับกันคนบางคนกำหนดไว้แล้วจะกลายเป็นเจ้านายของมัน เรื่องนี้ ขวางก็ขวางไม่ได้”
แม้ว่าเขาเองก็ไม่ชอบหรงซิว แต่เรื่องราวประเภทนี้ จะใช้กำลังคนไปฝืนบิดเบือนได้หรือ
อี้เหวินจั๋วถูกโจมตีด้วยวาจาเสียจนหมดคำจะพูด
หัวคิ้วเขาขมวดแน่น มองจวินจิ่วชิงด้วยสีหน้าซับซ้อนจู่ๆ ก็พบว่าตนเองราวกับไม่เคยเข้าใจในตัวเขามาก่อนเลย
จวินจิ่วชิงในเวลานี้ สีหน้าเรียบนิ่ง นัยน์ตาลุ่มลึก
แม้ว่าเขาจะเป็นอาจารย์ของเขามาหลายปี เวลานี้กลับก็ไม่รู้ว่าที่สุดแล้วเขากำลังคิดอันใดอยู่กันแน่
จู่ๆ อี้เหวินจั๋วมีความสับสนอยู่บ้าง
ที่สุดแล้วจวินจิ่วชิงเปลี่ยนไปเป็นเช่นนี้หลังจากกลายเป็นประมุขตระกูลอี้ หรือว่า…เดิมทีเขาก็เป็นเช่นนี้อยู่แล้วกันแน่
“…เจ้าจงใจส่งง้าวว่านเฟิงไปให้เว่ยเจ๋อ”
เขาเอ่ยอย่างเชื่องช้าแต่มั่นคง
“ข่าวคราวของสุสานถังเคอ ก็เป็นเจ้าและเว่ยเจ๋อร่วมมือกันปล่อยออกไป ถูกต้องหรือไม่”
จวินจิ่วชิงไม่ได้เอ่ยวาจา
ก่อนหน้านี้ยังไม่รู้สึก แต่เวลานี้เขากลับรู้สึกอย่างตกตะลึงว่า เรื่องเหล่านี้ที่จวินจิ่วชิงทำ ราวกับว่ามีการคาดการณ์มาก่อนอย่างใดอย่างนั้น!
“ท่านอาจารย์ ท่านวางใจ ข้ารู้ว่าข้ากำลังทำอันใด?”
จวินจิ่วชิงเอ่ยพลางหยัดกายขึ้นยืน
“ตระกูลอี้ในเวลานี้พลังปราณตั้งต้นบาดเจ็บสาหัส เป็นช่วงที่จำเป็นต้องพักผ่อนให้ดี หลายเรื่องราวยังจำเป็นต้องการความช่วยเหลือของท่าน ท่านต้องรักษาร่างกายให้ดี”
อี้เหวินจั๋วพลันรู้สึกถึงความหนาวเย็นระลอกหนึ่ง ค่อยๆ คืบคลานขึ้นมาจากใต้ฝ่าเท้า
……
พวกฉู่หลิวเยว่ขบวนหนึ่งออกมาจากป่าศิลาอย่างราบรื่น และกลับมาถึงท่าเรือดอกท้อแล้ว
เวลานี้ห่างจากวันที่พวกเขาจากมา ก็ผ่านไปเกือบจะสองเดือนแล้ว
สิ่งที่ทำให้ฉู่หลิวเยว่ปีติยินดีเป็นอย่างยิ่งก็คือ ซั่งกวนโหยวและฉู่หนิงล้วนมาแล้ว
ซั่งกวนโหยวบรรลุระดับเหนือเทพแล้ว ส่วนฉู่หนิงก็บรรลุถึงจอมยุทธ์ขั้นเก้าภายในระยะเวลาอันสั้น อยู่ห่างจากระดับเหนือเทพเพียงแค่หนึ่งย่างก้าวเท่านั้น
ต้องรู้ว่าเขาในตอนแรกนั้นฝึกตนใหม่ตั้งแต่จอมยุทธ์ขั้นหนึ่ง
ความเร็วเช่นนี้ก็เรียกได้ว่าฝืนชะตาสวรรค์แล้ว
อีกทั้งเขายังครอบครองร่างศักดิ์สิทธิ์อมตะ ต่อให้ระดับของตัวเขายังไม่ได้บรรลุระดับเหนือเทพในเวลาอันสั้น ก็ยังมีกำลังต่อสู้ที่แข็งแกร่งยิ่ง
ข่าวคราวภายในป่าศิลาแพร่กระจายออกไปแล้ว คนทั้งหมดล้วนรู้ว่าฉู่หลิวเยว่ได้รับมรดกของถังเคอ อนาคตมีความหวังอย่างมากที่จะกลายเป็นช่างหลอมอาวุธระดับศักดิ์สิทธิ์
ทั้งท่าเรือดอกท้อเต็มไปด้วยความครื้นเครงทั่วทั้งผืน
แต่ซั่งกวนโหยวก็ไม่ได้รออยู่ที่ท่าเรือดอกท้อนานนัก หลังจากพบฉู่หลิวเยว่ก็รั้งอยู่เพียงไม่กี่วันแล้วจากไป
ถึงอย่างใดบัญชาสวรรค์บัลลังก์กษัตริย์ที่ฝั่งนั้นก็ยังจำเป็นต้องมีคนดูแล
เวลานี้นางคือนายท่านเยว่ของท่าเรือดอกท้อแล้ว หลายเรื่องราวยามได้กระทำก็สะดวกสบายเป็นอย่างมาก และก็ไม่จำเป็นต้องกังวลว่าจะเข้าไปยุ่งวุ่นวายในอาณาจักรเสิ่นซวี่เกินไปนัก
นางสามารถกลับไปได้ทุกเวลา ซั่งกวนโหยวเองก็สามารถมาได้ทุกเวลา
ฉู่หนิงกลับรั้งอยู่ที่นี่ จดจ่อกับการฝึกตน
เวลานี้ ฉู่หลิวเยว่เป็นคนในครอบครัวเพียงหนึ่งเดียวของเขา และก็เป็นผู้ที่เขารักเอ็นดูที่สุด
กลับไปเย่าเฉินก็ไม่มีความหมายอันใดแล้ว มิสู้รั้งอยู่ที่นี่ หยิบยืมสภาพแวดล้อมการฝึกตนของท่าเรือดอกท้อมาช่วยเหลือ ยกระดับความสามารถของตนให้ดีๆ
ทั้งหมดล้วนค่อยๆ เดินไปบนเส้นทางที่ถูกต้อง
…
ในวันนี้ ฉู่หลิวเยว่มาถึงผาธารใส
ผู้ที่ติดตามมาด้วยกันกับนาง ยังมีซานซาน
ซานซานอยู่ที่ด้านหลัง เดินไปด้วยพูดไปด้วย
“นายท่าน ท่านต้องการสมุนไพรอันใด เพียงบอกข้าน้อยคำหนึ่งก็ได้แล้ว ไยถึงต้องให้ท่านมาด้วยตัวเองด้วยเล่า ท่านดูสิแต่ละวันท่านต้องจัดการหมื่นเรื่องราว…”
ฉู่หลิวเยว่โบกมือเล็กน้อย
“ข้าเองก็ยังไม่ค่อยแน่ว่าจำเป็นต้องใช้อันใด จึงมาลองดูก่อน”
ซานซานเกาศีรษะ
“ที่แท้ก็เป็นเช่นนี้…เช่นนั้นนายท่านคิดจะทำอันใดหรือ ไม่สู้เอ่ยออกมาข้าน้อยอาจจะช่วยท่านหาได้นะ”
ฉู่หลิวเยว่หัวเราะเสียงหนึ่ง หันหน้ากลับมามองนางปราดหนึ่ง ในดวงตาเต็มไปด้วยความสงสัย
“เจ้าหรือ?”
ซานซานกระแอมไอเสียงหนึ่ง แล้วเหยียดหลังตรง
“ฮึ แน่นอน ท่านอย่ามองว่าพรสวรรค์ด้านหมอเทวดาของข้านั้นไม่สูง ช่วงนี้ข้านั้นอ่านตำราโบราณไปไม่น้อย ศึกษาตำราลับไปไม่น้อยนะ”
หาได้ยากอย่างยิ่งที่ซานซานจะเพียรพยายามเช่นนี้ ไม่ต้องถามให้ชัดเจนฉู่หลิวเยว่ก็ล้วนรู้ว่า ที่เขาเป็นเช่นนี้ก็เพื่อเปิดตลาดใหม่
นางหัวเราะเสียงหนึ่ง
“เรื่องนี้ เจ้าช่วยไม่ได้จริงๆ”
ซานซานยังไม่ยอมอยู่บ้างในทันที
“ท่านไม่อาจดูเบาข้าเช่นนี้ได้นะ ท่านบอกออกมา บางทีข้าอาจจะช่วยเหลือท่านได้จริงๆ นะ”
ฉู่หลิวเยว่ยืนนิ่ง แล้วลูบคางเล็กน้อย
“เปิด”