ยอดหญิงลิขิตสวรรค์ - ตอนที่ 2088 ออกเดินทาง
ตอนที่ 2088 ออกเดินทาง
………………..
ฉู่หลิวเยว่และซูหลี่กำลังปรึกษากันว่าจะคัดเลือกสมุนไพรไปจำนวนหนึ่ง วางแผนไว้ว่าจะทดลองให้มากครั้งหน่อย
ไม่แน่ว่าอาจจะจับผิดจับถูกแล้วสำเร็จขึ้นมาก็เป็นได้
ผ่านไปสักพักหนึ่ง ทั้งสองคนถึงได้เดินออกมาจากด้านใน
ซานซานที่กำลังรออยู่ด้านนอกพลันรีบร้อนเข้ามาหา ใบหน้าเต็มไปด้วยรอยยิ้ม
“นายท่าน ท่านซู ไยท่านทั้งสองออกมารวดเร็วถึงเพียงนี้ ไม่ดูอีกสักหน่อยหรือ?”
ฉู่หลิวเยว่เหลือบมองเขาปราดหนึ่ง
เจ้าหนุ่มนี่ กลับมีใจเอื้อเฟื้ออย่างหาได้ยาก
“ไม่ปวดใจหรือ”
“ท่านพูดถึงเรื่องอันใดกันเล่า”
ซานซานพลันหัวเราะคิกคัก
“ของๆซานซานก็คือของๆท่าน! ท่านต้องการอันใดก็หยิบไปได้เลย ถึงอย่างใดถ้าสมุนไพรเหล่านี้สามารถช่วยท่านซูได้ นั่นก็เป็นเกียรติของซานซานมิใช่หรือ?”
นี่คือท่านซูผู้มีชื่อเสียงเลื่องลือเลยนะ
หนึ่งในช่างหลอมอาวุธระดับศักดิ์สิทธิ์ที่มีเพียงสองคนในอาณาจักรเสิ่นซวี่ในตำนาน
บุคคลเช่นนี้แม้จะเป็นผู้แข็งแกร่งระดับเทพศักดิ์สิทธิ์ก็ไม่กล้าล่วงเกินต่อหน้านางโดยเด็ดขาด
แทบจะกอดขาเอาไว้ไม่ทันแล้ว
สมุนไพรเล็กน้อยเช่นนี้นับเป็นอันใด หากสามารถผูกมิตรกับท่านผู้นี้ได้ นั่นถึงจะเป็นกำไรก้อนโต
ซูหลี่ปิดปากหัวเราะ
“เยว่เออร์ ลูกน้องของเจ้าช่างน่าสนใจจริงๆ”
เมื่อได้รับคำชม ซานซานพลันยืดอก ใบหน้าปีติยินดีทั้งใบ
“ในช่วงนี้ท่านซูจะมาอยู่ด้วยกันกับข้า แต่คนที่รู้เรื่องนี้น้อยมาก…”
“นายท่านวางใจ ซานซานรู้ว่าอันใดควรพูด อันใดไม่ควรพูด”
ซานซานทำท่ารูดปิดปาก
ฉู่หลิวเยว่พยักหน้าน้อยๆ อย่างพึงพอใจ
“เจ้ารู้ก็ดี”
อันที่จริงเกี่ยวเรื่องนี้ นางนั้นไม่กังวล
คนอย่างสิบสามผู้พิทักษ์เยว่เหล่านี้ แต่ละคนล้วนมีปากซื่อสัตย์ โดยเฉพาะคนอย่างซานซานนี้
นี่ก็คือหนึ่งในเหตุผลที่นางวางใจพาซานซานมาด้วย
“เรื่องหลังจากนี้ ก็รบกวนเยว่เออร์แล้ว”
ซูหลี่พูดจบ เงาร่างก็กะพริบวาบหนึ่ง แล้วเลือนหายไปอีกครา
ซานซานอ้าปากพะงาบ ยังรู้สึกว่าไม่คาดคิดเป็นอย่างมาก
ในตอนที่รอคนอยู่ เขาก็เดาได้แล้วว่าท่านซูน่าจะตามกลับมาด้วยในตอนที่ได้พบกับนายท่านที่สุสานถังเคอก่อนหน้านี้
อีกทั้งมองจากท่าทางของท่านซูแล้ว ยังคล้ายว่าจะค่อนข้างสนิทกับนายท่านด้วย
รู้มานานแล้วว่านายท่านบ้านตนนั้นเก่งกาจ แต่คิดไม่ถึงว่าแม้แต่คนอย่างท่านซูนี้ก็ยังสามารถ…
ซานซานยื่นมือหัวแม่มือขึ้น มีใจเชื่อมั่นอย่างเต็มเปี่ยม
“นายท่าน นายสุดยอดจริงๆ เลย”
ซานซานคิดว่าตนเองนั้นคือผู้ที่รู้จักการผูกมิตรสานสัมพันธ์เป็นอย่างมากแล้ว แต่ในเวลานี้เมื่อได้เทียบกับนายท่านบ้านตนแล้วนั้น…
จิ๊ๆ ไม่อาจเทียบได้ ไม่อาจเทียบเลย
ขอแค่ติดตามนายท่านไปให้ดีๆ ยังจะมีอันใดไม่สามารถสำเร็จได้อีกหรือ
ฉู่หลิวเยว่มีภูมิคุ้มกันกับการแสวงหาคำชมเชยของซานซานแล้ว จึงเชิดคางเล็กน้อยแล้วเอ่ย
“กลับกันเถิด”
ฉู่หลิวเยว่และซานซานกลับมาถึงจวนเยว่อย่างรวดเร็ว ย่อมได้ทราบข่าวการเสียชีวิตของไป๋หลีฉุนอย่างรวดเร็ว
“เสียชีวิตแล้วหรือ?”
ฉู่หลิวเยว่เดิมกำลังพลิกอ่านตำราแพทย์อยู่ ได้ยินวาจานั้นพลันหยุดการกระทำในมือลง แล้วช้อนดวงตาขึ้นอย่างตกตะลึง
หรงซิวกำลังนั่งดื่มชาอยู่ข้างหน้าต่าง ไอสีขาวลอยกรุ่น ปกปิดคิ้วตาของเขาเอาไว้ ทำให้คนคาดเดาได้ไม่ชัดเจนอยู่บ้าง
“อืม เมื่อวานนี้เองคนด้านล่างบอกว่าเพียงนอนหลับไปเท่านั้น ไม่ได้เจ็บปวดอันใด”
น้ำเสียงของเขาเรียบนิ่งเป็นอย่างมาก ราวกับว่ากำลังพูดเรื่องที่ไม่ได้เกี่ยวข้องกับตนเองเลย
หลังจากความตกตะลึงชั่วเวลาสั้นๆ ฉู่หลิวเยว่มีปฏิกิริยาตอบสนองอย่างรวดเร็ว
ความสัมพันธ์ของหรงซิวและไป๋หลีฉุนนั้นไม่ราบรื่นกันมาโดยตลอด จะมีท่าทีเช่นนี้ก็เป็นเรื่องที่ปกติอย่างมาก
ไป๋หลีฉุนในคราแรกนั้นได้ประสบกับแผนร้ายของถ้ำปีศาจทมิฬ มีเพียงคนของถ้ำปีศาจทมิฬเท่านั้นที่รู้ว่าควรจะรักษาเขาให้หายดีอย่างใด
แต่ถ้ำปีศาจทมิฬนั้นล่มสลายไปจนสิ้นแล้ว มั่วสือเชียนที่หนีรอดไปได้เพียงหนึ่งเดียวก็กายเนื้อแหลกสลาย เหลือเพียงวิญญาณสายหนึ่ง
ไป๋หลีฉุนจะร่วงโรยลงสู่สภาพเช่นนี้ ก็มิใช่เรื่องนอกเหนือความคาดหมายอันใด
แต่ดูแล้ว หรงซิวนั้นไม่ได้วางแผนว่าจะช่วยไป๋หลีฉุนตั้งแต่แรกแล้ว…
“อย่างใดก็เป็นประมุขของพระราชวังเมฆาสวรรค์ เรื่องนี้เจ้าต้องกลับไปจัดการด้วยตนเองกระมัง?”
ฉู่หลิวเยว่เอ่ยถาม
หรงซิวพยักหน้า
“ผู้อาวุโสหมิงที่สามสิบหกส่งข่าวมาแล้ว ข้ารอเจ้ากลับมาแล้วอยากจะปรึกษาเรื่องเวลากับเจ้าว่าจะออกเดินทางกลับไปเวลาใด”
ฉู่หลิวเยว่มีฐานะเป็นพระชายาพระราชวังเมฆาสวรรค์ ย่อมก็ต้องตามกลับไปเช่นกัน
“เรื่องนี้ ยิ่งเร็วย่อมยิ่งดี”
ฉู่หลิวเยว่นวดหัวคิ้วเล็กน้อย
เดิมนางวางแผนไว้ว่าจะอาศัยช่วงเวลานี้ศึกษาสักหน่อยว่าจะฟื้นคืนกายเนื้อของซูหลีอย่างใด
ส่วนถังเคอก่อนหน้านี้ก็เป็นถึงผู้แข็งแกร่งระดับเทพศักดิ์สิทธิ์ ไม่จำเป็นต้องกังวลเกินไปนักเลย
หรงซิวมองนาง แล้วเอ่ยถาม
“เจ้ากำลังกังวลเรื่องร่างกายของท่านซูหรือ?”
ฉู่หลิวเยว่ถอนหายใจ
“ใช่ ก่อนหน้านี้ท่านซูเป็นเพียงแค่ผู้แข็งแกร่งระดับเทพ เรื่องนี้ค่อนข้างจะยุ่งยาก ช่วงนี้ข้าอ่านตำราแพทย์ไม่น้อย แต่ก็ล้วนหาวิธีการที่ดีไม่พบเลย”
อันที่จริงก็มิใช่ว่าไม่มีวิธี นอกจากการฟื้นคืนกายเนื้อใหม่แล้ว ยังสามารถใช้การแย่งชิงร่างได้
แต่คนอย่างซูหลี่เช่นนี้ไม่ต้องถาม ฉู่หลิวเยว่ก็ล้วนรู้ว่านางไม่ยินยอมทำเรื่องเช่นนี้เด็ดขาด
ทั้งหมดล้วนยังต้องคิดวิธีการอื่น
หรงซิวจิบชาอึกหนึ่ง เหมือนกับว่ากำลังคิดเรื่องอันใดอยู่ พลางเอ่ย
“ใช่แล้ว พระราชวังเมฆาสวรรค์ฝั่งนั้นมีตำราโบราณที่ถนอมเก็บไว้ไม่น้อย บางทีอาจจะหาวิธีการอันใดพบ”
ฉู่หลิวเยว่ดวงตาวาวโรจน์ขึ้นวาบหนึ่ง
ใช่แล้ว!
เกือบลืมเรื่องนี้ไปแล้ว
พระราชวังเมฆาสวรรค์สืบทอดกันมาหลายพันปี เป็นหนึ่งในตระกูลขุนนางที่อยู่บนจุดสูงสุดในอาณาจักรเสิ่นซวี่ มีข้อมูลภายในลึกล้ำ ถนอมเก็บรักษาไว้นับไม่ถ้วน
บางทีอาจจะพบของที่มีประโยชน์เข้าจริงๆ
“เช่นนั้นพวกเราก็รีบไปเถิด”
เรื่องราวมากมายที่ท่าเรือดอกท้อฝั่งนี้เข้าที่เข้าทางแล้ว โดยพื้นฐานแล้วไม่ทำให้นางกังวลใจนัก
“อีกอย่าง หลังจากเรื่องของพระราชวังเมฆาสวรรค์ฝั่งนั้นจบลง ข้าวางแผนไว้ว่าจะไปทะเลทรายจันทราสีชาดด้วยตนเองสักรอบหนึ่ง”
ฉู่หลิวเยว่เอ่ยอย่างแน่วแน่
เมื่อนับคำนวณเวลา ภัยบุหลันควรจะผ่านพ้นไปแล้ว
“ดี”
…
วันต่อมาทั้งสองคนก็ออกเดินทางกลับไปพระราชวังเมฆาสวรรค์ตั้งแต่เช้าตรู่
ผ่านการรีบเร่งตลอดเส้นทาง ในที่สุดก็มาถึงที่หมายอย่างราบรื่น
เมื่อมาถึงยังตำหนักศักดิ์สิทธิ์ ผู้อาวุโสทุกคนก็อยู่กันพร้อมหน้าแล้ว
ยามเห็นเงาร่างสองสายที่เดินเคียงไหล่จูงมือกันเข้ามา คนไม่น้อยภายในตำหนักใหญ่ล้วนมีอารมณ์ซับซ้อน
ห่างจากงานแต่งงานใหญ่ของพวกเขา เพิ่งจะผ่านไปเพียงไม่กี่เดือนสั้นๆ เอง
อีกทั้งภายในช่วงระยะเวลาสั้นๆ นี้ กลับเกิดเรื่องราวขึ้นมากมายนัก
ฉู่หลิวเยว่ได้ครอบครองท่าเรือดอกท้อ กลายเป็นนายของจวนเยว่
ได้เดิมพันกับอี้เหวินเทา ฉู่หลิวเยว่มีชื่อเสียงเลื่องลือในหนึ่งศึก
ได้ยินว่าหลังจากครั้งนั้น ก็ดึงดูดให้ผู้แข็งแกร่งระดับเทพศักดิ์สิทธิ์เข้ามาพำนัก ส่วนผู้ฝึกตนของท่าเรือดอกท้อเหล่านั้นก็ยึดถือแค่นางเป็นผู้นำ
กล่าวโดยสรุปก็คือฉู่หลิวเยว่ในเวลานี้ ต่อให้ไม่มีฐานะพระชายาพระราชวังเมฆาสวรรค์ ก็เทียบทียมกันกับประมุขตระกูลขุนนางใดๆ ภายในอาณาจักรเสิ่นซวี่ได้แล้ว!
แม้ว่าจวนเยว่ในเวลานี้รากฐานตื้นเขิน กลับไม่อาจขวางผู้แข็งแกร่งดุจเมฆของคนเขา คุณสมบัติพร้อมสรรพเลยนะ
ขณะมองสตรีผู้มีร่างกายแบบบางและหัวเราะอย่างแช่มช้าผู้นั้น ผู้ใดจะคาดคิดว่านางอาศัยเพียงความสามารถของตนเองล้วนๆ เดินมาถึงตำแหน่งอย่างในทุกวันนี้ได้กัน
เมื่อย้อนนึกถึงคำเย้ยหยันและเหยียดหยามที่มีต่อนางก่อนหน้านี้ คนไม่น้อยล้วนเปี่ยมไปด้วยความลำบากใจ
ผู้อาวุโสหมิงที่สามสิบหกกลับเปี่ยมไปด้วยความปีติยินดี ภายในใจนั้นยังทอดถอนใจอีกครั้งว่าสายตาของพระโอรสบ้านตนเฉียบแหลมดังคาด
หากไม่ว่าครั้งนี้ต้องมาพูดคุยกันเรื่องงานศพของไป๋หลีฉุนละก็ เขาเกือบจะเข้าไปต้อนรับอย่างยินดีปรีดาแล้ว
ผู้อาวุโสหมิงที่สามสิบหกกระแอมไอเสียงหนึ่ง แล้วก้าวเดินไปข้างหน้าด้วยสีหน้าเคร่งขรึม
“พระโอรส”
………………..