ยอดหญิงลิขิตสวรรค์ - ตอนที่ 2089 ก็ดี ตอนที่ 2090 คนก่อน
ตอนที่ 2089 ก็ดี
“ทางเจ้าสำนักฝั่งนั้น ที่แท้แล้วเกิดเรื่องอันใดขึ้นกันแน่?”
หรงซิวเอ่ยถามขึ้นอย่างตรงประเด็นในทันที
ผู้อาวุโสหมิงที่สามสิบหกประสานมือ
“ทูลฝ่าบาท อันที่จริงอาการของเจ้าสำนักไม่ค่อยดีมาโดยตลอด หลังจากเข้าสู่การหลับใหลไปด้วยตนเอง พลังภายในร่างของเขาก็ค่อยๆ หมดลงอยู่ตลอด พวกข้าใช้วิธีการต่างๆ ไปจนหมดแล้ว…”
เขาพลันถอนใจ
“อีกทั้ง เจ้าสำนักนั้นจิตใจกลัดกลุ้ม หมดอาลัยตายอยาก จึงไม่มีวี่แววว่าจะฟื้นขึ้นมาได้ด้วยตนเองเลย พวกข้าพยายามสุดความสามารถแล้ว แต่ก็ยังไร้แรงจะพลิกแผ่นฟ้า…”
ภายในตำหนักใหญ่จู่ๆ ก็เงียบสงัดเป็นอย่างมาก
ฉู่หลิวเยว่เลิกคิ้วขึ้นเล็กน้อย
วาจานี้พูดได้อย่างมีความหมายอยู่บ้าง
ถูกคนวางแผนสังหารนำไปสู่การหลับใหล นี่ไม่มีอันใดดีๆ ให้พูดเลยแต่จิตใจกลัดกลุ้ม หมดอาลัยตายอยาก
ไม่ต้องคิดก็รู้ว่าเพราะอันใด
ในคราแรกที่เมืองฝางโจว เรื่องที่ไป๋หลีฉุนจำผิดว่าเจียงจื่อหยวนเป็นสายเลือดของตนเอง ก่อให้ความวุ่นวายเสียจนฟุ้งตลบ
เรื่องเช่นนี้ ต่อให้เป็นบุรุษผู้หนึ่งยังรับไม่ไหว นับประสาอันใดกับคนอย่างไป๋หลีฉุนกันเล่า
ตลอดชีวิตเขามีภาพพจน์ไร้ที่ติ สูงศักดิ์ถือตนแต่ใดมาก็ล้วนมองว่าตนเองสูงส่งมาโดยตลอด จะยอมรับว่าตนเองได้รับความอัปยศเช่นนี้ได้อย่างใด
ต่อให้ไม่มีใครลงมือต่อเขา เขาก็น่าจะไม่คิดอยากจะออกมาพบผู้คนอีกแล้ว
ก่อนหน้านี้ทุกคนต่างไม่พูดนั้นก็ช่างเถิด แต่เวลานี้ผู้อาวุโสหมิงที่สามสิบหกเอ่ยถึงเช่นนี้ แม้จะแอบซ่อนแฝงนัยเป็นอย่างมาก ทว่าแต่ละคนก็ล้วนรู้ว่าเกิดเรื่องอันใดขึ้น
“ช่วงก่อนหน้านี้ ข้าและเยว่เออร์บังเอิญจับพลัดจับผลู พบรังเก่าของถ้ำปีศาจทมิฬในปัจจุบัน เดิมคิดจะบีบบังคับให้มั่วสือเชียนส่งวิธีการคลายผนึกมา ผู้ใดจะรู้ว่าเขาจะเจ้าเล่ห์ถึงที่สุด สละชีพลูกน้องของทั้งถ้ำปีศาจทมิฬได้อย่างไม่เสียดาย ช่วยให้ตนเองหนีรอดไปได้ หากข้าในตอนนั้นขวางเขาไว้ได้ บางทีเจ้าสำนัก…”
ผู้คนในภายในตำหนักใหญ่ล้วนเผยสีหน้าตกตะลึง
“คิดไม่ถึงว่าจะมีเรื่องเช่นนี้ด้วย”
“เช่นนี้อันตรายเกินไปแล้วจริงๆ ยังดีที่ฝ่าบาทและพระชายาปลอดภัย”
“ใช่ คนของถ้ำปีศาจทมิฬนั่นชั่วช้ามาแต่ไหนแต่ไร ฝ่าบาททั้งสองคำนึงถึงตนเองเอาไว้ก่อน สามารถกลับมาได้อย่างปลอดภัยก็มิใช่เรื่องง่ายแล้ว เรื่องอื่นไม่ต้องฝืนทำเลยจริงๆ…”
เพราะเรื่องนี้เกิดขึ้นที่นอกอาณาจักรเสิ่นซวี่ ดังนั้นคนภายในอาณาจักรเสิ่นซวี่จึงรู้ไม่มาก
และก็เป็นเพราะมั่วสือเชียนอยู่ในการหลบหนี ฉู่หลิวเยว่และหรงซิวจึงไม่ได้ประกาศเรื่องนี้ออกไป
เป็นเหตุให้แม้แต่ผู้อาวุโสทุกคนของพระราชวังเมฆาสวรรค์เองก็ยังไม่รู้
เวลานี้จู่ๆ ก็ได้ยินเช่นนี้ ย่อมเปี่ยมไปด้วยความตื่นตะลึง
ฉู่หลิวเยว่ลอบเหลือบมองบุรุษที่อยู่ข้างกายปราดหนึ่ง
อืม…นางจำได้ว่าเวลานั้นเหมือนว่าหรงซิวจะไม่ได้พูดถึงเรื่องของไป๋หลีฉุนเลยกระมัง…
ผู้อาวุโสหมิงที่สามสิบหกรีบร้อยเอ่ยถาม
“เช่นนั้นฝ่าบาทกับพระชายาคงไม่ได้รับบาดเจ็บกระมัง?”
หรงซิวสีหน้าไม่สะทกสะท้าน มุมปากกลับยกขึ้นเป็นรอยยิ้มอ่อนบางสายหนึ่ง
“ล้วนเพียงบาดเจ็บเล็กน้อย สามารถถือโอกาสกำราบถ้ำปีศาจทมิฬได้ ก็นับว่าคุ้มค่า”
ตำหนักพลันเงียบสงัดลงอย่างแปลกพิกลอีกครั้ง
แม้แต่ผู้อาวุโสหมิงที่สามสิบหกยังปรากฏความตะลึงงันบนใบหน้าอยู่ครู่หนึ่ง
“อันใดนะ?”
“พูดขึ้นมาแล้ว เรื่องนี้ยังต้องชื่นชมเยว่เออร์ให้มาก หากว่านางไม่ได้เรียกความช่วยเหลือมา พวกข้าต้องไม่สามารถกลับมาอย่างครบสามสองได้แน่”
ฉู่หลิวเยว่ถอนหายใจ
“น่าเสียดาย ยังทำให้มั่วสือเชียนหนีไปได้…”
ผู้คนต่างฮือฮากันวุ่นวาย
พวกท่านรู้หรือไม่ว่าพวกท่านกำลังพูดอันใดอยู่
นั่นเป็นถ้ำปีศาจทมิฬนะ
พวกท่านเพียงเอ่ยว่าไปกำราบรังเก่าของคนเขาได้อย่างง่ายดายเช่นนี้ก็ได้เลยหรือ หัวใจของพวกท่านไม่เจ็บปวดหรือ
ขณะที่ผู้คนมองทั้งสองคน สายตาก็ราวกับว่ากำลังมองสัตว์ประหลาดสองตัว
สองคนนี้…บ้าบอไปแล้วจริงๆ
คนจำนวนหนึ่งต่างลอบเช็ดเหงื่อ รู้สึกยินดีอย่างไร้ที่เปรียบให้กับตนเองก่อนหน้านี้ที่ไม่ได้คิดไม่รอบคอบจนไปล่วงเกินสองคนนี้เข้า
ยังมีคนจำนวนหนึ่งที่เปี่ยมไปด้วยความกระวนกระวายและไม่เป็นสุข
เดิมทีก็คิดว่าเมื่อตอนงานสมรสใหญ่ เจ้าสำนักที่เชิญสองมหาอสูรศักดิ์สิทธิ์ระดับบรรพกาลมาร่วมงานนั้น ก็สะท้านสะเทือนไปทั้งแผ่นดินแล้ว
คิดไม่ถึงเลยว่า ยังมีเรื่องที่เกินไปเช่นนี้ยิ่งกว่า
ไม่รู้จริงๆ ว่าที่แท้แล้วฝ่าบาทเลือกพระชายาผู้พลิกฟ้าท่านนี้มาได้อย่างใด
เดิมแค่เขาเพียงคนเดียว ก็เพียงให้คนเคารพยำเกรงแล้ว แต่เวลานี้มีฉู่หลิวเยว่เพิ่มเข้ามาอีกหนึ่ง…
นี่ไม่ได้อยากให้คนได้ใช้ชีวิตกันแล้วหรือ
สายตาของผู้อาวุโสหมิงที่สามสิบหกนั้นเปลี่ยนไปเปลี่ยนมาอยู่บนร่างของทั้งสองไปหลายรอบ พลันลูบหนวดเล็กน้อย แล้วถอนหายใจเอ่ย
“เฮ้อ อันที่จริงแล้วฝ่ายก็ใช้ความพยายามอย่างมากไปเพื่อเจ้าสำนักแล้ว เพียงแต่น่าเสียดายโชคของเจ้าสำนักยังขาดไปอีกเล็กน้อย…คนเองก็จากไปแล้ว ฝ่าบาทก็ไม่ต้องกังวลเรื่องนี้แล้ว ยังมีเรื่องราวอีกมากมายหลังจากนี้ที่ต้องรบกวนฝ่าบาทให้จัดการ…”
หรงซิวพยักหน้า
“นี่เป็นเรื่องปกติ ชีวิตก่อนหน้านี้ของเจ้าสำนักก็มอบความดีงามไว้ให้แก่พระราชวังเมฆาสวรรค์มากมาย เวลานี้ละสังขารแล้ว ย่อมต้องจะพิธีศพขึ้นอย่างยิ่งใหญ่สมภาพลักษณ์ คนทั้งยี่สิบแปดฝ่าย ล้วนแจ้งออกไปให้ครบ จะต้องทำให้ถูกต้อง ส่งเจ้าสำนักเป็นครั้งสุดท้าย”
“ฝ่าบาททำเช่นนี้แน่นอนว่าไม่มีปัญหา เพียงแต่…สุ่ยหลิงเจียงฝั่งนั้น ก็ต้องทำเช่นนี้หรือ?”
เมื่อเอ่ยถึงสุ่ยหลิงเจียง สีหน้าของผู้คนพลันเปลี่ยนสี
นั่นเป็นอาณาเขตของตระกูลเจียง
แม้เวลานี้ประมุขที่ตระกูลเจียงของสุ่ยหลิงเจียงจะเปลี่ยนคนแล้ว แต่เรื่องก่อนหน้านี้นั้นถึงอย่างใดก็เกิดขึ้นบนศีรษะตระกูลเจียงพวกเขา
ถ้ามาจริง บรรยากาศจะไม่อึดอัดอย่างมากเลยหรือ
ไป๋หลีฉุนนั้นเสียชีวิตไปแล้ว แต่พวกเขาเหล่านี้ยังมีชีวิตอยู่ ยังต้องการใบหน้าอยู่นะ
หรงซิวสีหน้าไม่เปลี่ยน
“นี่เป็นเรื่องธรรมดา คนตายก็เหมือนโคมที่มอดดับ เรื่องที่ผ่านไปแล้ว ให้มันผ่านไปก็พอแล้ว”
เขาไม่พูดก็ดี แต่เมื่อพูดบรรยากาศยิ่งอึดอัด
เรื่องเช่นนี้จะมันจะผ่านไปได้อย่างใด
อุตส่าห์สยบความวุ่นวายไปได้อย่างไม่ง่ายดาย ถ้าในเวลานี้ทำเรื่องใหญ่นี้ขึ้นมาอีกครั้ง สำนักพรรคตระกูลขุนนางอื่นๆ จะมองพวกเขาอย่างใดกัน
ครู่หนึ่ง อาวุโสท่านหนึ่งก็เปิดปากอย่างลังเล
“ฝ่าบาท เรื่อง…เรื่องนี้ค่อยปรึกษากันให้ละเอียดเถิด ชีวิตก่อนของเข้าสำนักมีข้อพิพาทมากมาย ไม่สู้ให้คนเขาได้จากอย่างสงบสักหน่อย ท่านว่าอย่างใด?”
เมื่อมีคนหนึ่งนำ คนที่เหลือก็พลันตาม
“ใช่ขอรับฝ่าบาท พูดขึ้นมาแล้ว เจ้าสำนักก็เสียชีวิตด้วยมือของถ้ำปีศาจทมิฬ เรื่องนี้หากแพร่กระจายออกไปอย่างเอิกเกริก พระราชวังเมฆาสวรรค์ของพวกเรา ชื่อเสียงของเจ้าสำนักพวกเราเกรงว่าจะไม่ดี ปรับลดลงสักหน่อยเถิด”
“ไม่ผิด หากเจ้าสำนักเป็นวิญญาณอยู่บนสวรรค์ ก็คงจะคาดหวังให้พวกเราทำเช่นนี้กระมัง?”
“จิตใจของฝ่าบาทพวกข้าล้วนเข้าใจ เพียงแต่เรื่องนี้พัวพันถึงผู้อื่นไม่น้อย ยังหวังให้ฝ่าบาทไตร่ตรองให้ครบสามครา…”
…
ผู้คนต่างข้าหนึ่งถ้อยเข้าหนึ่งคำ เพียงไม่นานก็กลายเป็นร่วมเห็นพ้อง ล้วนโน้มน่าวหรงซิวให้ล้มเลิกความคิดที่จะจัดพิธีศพของไป๋หลีฉุนอย่างยิ่งใหญ่
ผู้อาวุโสหมิงที่สามสิบหกพลันกอบหมัดคารวะ
“ยังหวังให้ฝ่าบาทไตร่ตรองให้มากเพื่อพระราชวังเมฆาสวรรค์ ถือหมากใหญ่เป็นสำคัญ”
หรงซิวนิ่งเงียบอยู่เนิ่นนาน สุดท้ายจึงเอ่ย
“ก็ดี”
ตอนที่ 2090 คนก่อน
“เยี่ยนชิง”
หรงซิวผินหน้าเล็กน้อย เยี่ยนชิงที่ตามมาที่ด้านหลังพลันก้านมาข้างหน้า แล้วนำกระดาษปึกหนึ่งออกมา
“นี่คือคำไว้อาลัยที่ข้าเขียนให้เจ้าสำนัก ทุกท่านค่อยเผามันที่หน้าหลุมศพเจ้าสำนักพร้อมกันในภายหลัง เพื่อปลอบประโลมดวงวิญญาณบนสวรรค์ของเจ้าสำนักเถิด”
พูดจบ เยี่ยนชิงก็ก้าวไปอย่างคล่องแคล่วตรงไปตรงมา แล้วแจกของออกไป
หนึ่งคนหนึ่งฉบับ ไม่มีตกหล่น
ทำมาถึงจุดนี้ ก็นับว่าเปี่ยมด้วยความเมตตากรุณา ไร้ซึ่งความจู้จี้จุกจิก
ฉู่หลิวเยว่มองอยู่ด้านข้างอย่างตะลึงงันอยู่บ้าง
จิ๊
อันที่จริงตั้งแต่ตอนแรกเริ่ม หรงซิวก็ไม่ได้วางแผนเอาไว้ว่าจะไปกังวลในเรื่องนี้ วาจาเมื่อครู่นั้นเป็นเพียงแค่พูดๆ ไปก็เท่านั้น
แต่เพียงเท่านี้ ทั้งหมดก็เรียบร้อยอย่างราบรื่นแล้ว
ต่อให้เรื่องนี้เผยแพร่ออกไปในภายหลัง ก็เป็นเพราะทุกคนล้วนร้องขอ เขาถึงได้ตอบตกลง
ไม่อาจโทษเขาได้เลยแม้แต่ครึ่งหนึ่ง
ไป๋หลีฉุนครองอำนาจอยู่ในพระราชวังเมฆาสวรรค์มาหลายปี แต่สุดท้ายก็ร่วงโรยลงสู่จุดจบอันน่าสังเวชเช่นนี้
แต่นอนว่า ทั้งหมดนี้ล้วนเป็นบาปที่เขาเลือกเอง
เดิมทีเขานั้นก็ไร้บุตรไร้ธิดา อีกทั้งเพราะเรื่องที่เมืองฝางโจวนั้นก็วุ่นวายเสียจนชื่อเสียงย่อยยับ
ทั้งพระราชวังเมฆาสวรรค์ คิดไม่ถึงว่าจะไม่มีใครเข้าไปกราบไหว้เขาแม้แต่คนเดียว
หลังจากเขาตาย ชื่อของไป๋หลีฉุน ก็คล้ายว่าจะถูกผู้คนเก็บไว้ในอดีตอย่างรวดเร็ว
ราวกับว่าที่แห่งนี้ไม่เคยมีตัวตนของคนผู้นี้มาก่อน
ในวันที่ฝังเขา ที่ตำหนักใหญ่ของตำหนักสักการะเทพ หรงซิวก็กลายเป็นเจ้าสำนักพระราชวังเมฆาสวรรค์อย่างเป็นทางการ
…
เรื่องทั้งหมดล้วนดำเนินไปอย่างเป็นระเบียบ
ฉู่หลิวเยว่รู้ว่าหรงซิวย่อมมีแผนการของตนเอง จึงไม่ได้ยื่นมือเข้าไปยุ่งเกี่ยว หลังจากมาถึงพระราชวังเมฆาสวรรค์ ก็มุ่งตรงไปในหอสมุด
อย่างที่หรงซิวบอกไว้ ในหอสมุดของพระราชวังเมฆาสวรรค์ ตำราที่เก็บไว้ล้วนล้ำค่าเป็นอย่างมาก
มีจำนวนหนึ่ง กระทั่งฉู่หลิวเยว่ก็ล้วนยังไม่เคยเห็นมาก่อนที่สำนักหลิงเซียว
จำนวนของตำราที่เก็บไว้นี้ ก็สะท้านสะเทือนผู้คนเป็นอย่างมากจริงๆ
ฉู่หลิวเยว่อ่านตำราด้วยความรวดเร็ว ในตอนแรกเริ่มเลือกหยิบเพียงตำราแพทย์มาอ่านเท่านั้น ภายหลังก็ค่อยๆ เลือกตำรานั่นตำรานี่มาอ่านจำนวนหนึ่ง
นางได้เรียนรู้สิ่งต่างๆ จากในตำราไปไม่น้อย แต่ตั้งแต่ต้นจนจบนั้นก็หาสิ่งที่ต้องการที่สุดไม่พบเลย
หลังอ่านอย่างไม่หลับไม่นอนมาหลายวัน ฉู่หลิวเยว่ก็อดรู้สึกท้อใจอยู่บ้างไม่ได้
ขณะนำตำราในมือวางกลับคือที่เดิม ฉู่หลิวเยว่ก็ถอนใจออกมาอย่างยืดยาวคราหนึ่ง
หรงซิวเดินเข้ามา
“ตำรามากมายเช่นนี้ เวลาเพียงชั่วครู่หนึ่งย่อมอ่านไม่หมด ไปพักสักหน่อยก่อนเถิด”
ขณะพูด แขนยาวของเขาพลันโอบเข้ามา แล้วอุ้มคนขึ้นมาในท่าอุ้มเจ้าสาวได้อย่างไม่มีปัญหา พลันเดินไปยังตั่งสำหรับเอนกายตัวน้อยที่อยู่ด้านข้าง
ฉู่หลิวเยว่เดิมคิดอยากจะขืนกายสักหน่อย แต่จนใจที่หลายวันมานี้ นางก็แบกรับเอาไว้ไม่ไหวอยู่บ้างจริงๆ จึงอิงอยู่ในอ้อมอกเขาอย่างว่าง่าย
ตำราของที่นี่มากมายเกินไป ต่อให้นางอ่านอยู่ครึ่งปี ก็คาดว่าจะอ่านไม่หมด
มีแต่สวรรค์เท่านั้นที่รู้ว่าจะหาพบเมื่อใด
ถ้าอ่านจนหมดแล้วยังไม่พบวิธีการเล่า
“หรงซิว เจ้าว่าข้าหาอยู่เช่นนี้ สิ้นเปลืองเวลาเกินไปหรือไม่?”
หรงซิวนำนางมาวางลงบนตั่งน้อยด้วยการกระทำอันนุ่มนวล จากนั้นก็นั่งอยู่ที่ด้านข้าง นำวางศีรษะของนางไว้บนตัก แล้วนิ้วอันยาวเสลาก็คลึงอยู่ที่ขมับของนาง และกดลงไปด้วยแรงที่พอเหมาะ
ฉู่หลิวเยว่ยื่นมือไปลูบหน้าอกเขาอย่างสบายอารมณ์
หรงซิวพลันชะงักการกระทำ มองนางด้วยแววตาเคร่งขรึมเล็กน้อยปราดหนึ่ง
“อย่าขยับส่งเดช”
ฉู่หลิวเยว่พลันว่าง่าย
“อ้อ”
หรงซิวปรับท่าทางของนางเล็กน้อย แล้วถึงเริ่มนวดต่อ พลันเอ่ยถามอย่างไม่ใส่ใจนัก
“เรื่องนี้เดิมทีก็ไม่ได้ง่ายดายถึงเพียงนั้น ถึงอย่างใดก่อนหน้านี้ก็ไม่เคยมีผู้ใดเคยทำเช่นนี้มาก่อน…”
ฉู่หลิวเยว่พลันนิ่งเงียบไปครู่หนึ่งจู่ๆ ก็เบิกตาโพล่งขึ้น
“ไม่ อาจจะมีคนเคยทำเช่นนี้มาก่อน”
นางพลันหยัดกาย โผเข้าไปในอกของหรงซิว สองมือทาบอกของเขาเอาไว้ แล้วเอ่ยอย่างชัดถ้อยชัดคำ
“ตอนนี้ข้าจะไปที่ท่าเรือดอกท้อ”