ยอดหญิงลิขิตสวรรค์ - ตอนที่ 2096 ลำบาก
ตอนที่ 2096 ลำบาก
………………..
ระลอกคลื่นเล็กๆ นี้ไม่ได้ดึงดูดความสนใจของฉู่หลิวเยว่แต่อย่างใด
นางจดจ่อกับการกลั่นสมุนไพรแต่ละชนิดที่อยู่ในหม้อต้มโอสถอย่างพิถีพิถัน
เพียงแค่นี้นางก็ใช้เวลาไปหนึ่งวันเต็มๆ
เมื่อยามค่ำคืนมาถึง ในที่สุดนางก็ใส่สมุนไพรชิ้นสุดท้ายลงไป!
ทะเลทรายจันทราสีชาดในเวลากลางคืนหนาวเย็นกว่าปกติ
บนเนินทรายดูเหมือนมีน้ำค้างแข็งบางๆ เกาะตัวอยู่จนทำให้หนาวเย็นไปถึงกระดูก
แต่โชคดีที่สิ่งนี้สำหรับฉู่หลิวเยว่กลับไม่ได้เป็นปัญหาอะไร
ตรงด้านหน้า เปลวเพลิงโปรงใสของหม้อต้มโอสถสวรรค์ที่เผาไหม้อย่างต่อเนื่อง แสงไฟสะท้อนไปรอบๆ อย่างสว่างไสว
ภายใต้ท้องฟ้าที่มืดสนิท แสงไฟนี้ยิ่งสว่างชัดเป็นพิเศษ
กลิ่นยาหอมฉุนมากขึ้นเรื่อยๆ จนลอยคลุ้งออกมา
ฉู่หลิวเยว่กลั้นหายใจ
สมุนไพรได้ปรุงจนเสร็จแล้ว ลำดับต่อไปที่ต้องทำก็คือสกัดยา
ขั้นตอนนี้ยิ่งยุ่งยากซับซ้อนมากขึ้น หากไม่ระมัดระวังอาจจะล้มเหลวทั้งหมดได้
ดังนั้นในเวลานี้ฉู่หลิวเยว่ยิ่งต้องระมัดระวังและรอบคอบมากขึ้น
นางเริ่มนำสมุนไพรเหล่านี้ผสมเข้าด้วยกันทีละน้อย
ซูหลีที่อยู่ด้านข้างจ้องมองอย่างตื่นตาตื่นใจ
“สมุนไพรมากมายเช่นนี้ให้ข้าจำข้าก็จำไม่ได้หรอก เยว่เออร์ไม่เพียงแต่สามารถใส่พวกมันได้ตามลำดับ แต่ยังสามารถควบคุมไฟได้เป็นอย่างดี การผสมสรรพคุณของยาเข้าด้วยกันนั้น ช่างเก่งกาจอย่างมาก!”
นางไม่รู้อะไรเลยเกี่ยวกับเซียนหมอ แต่ยังมองออกว่าการสกัดสมุนไพรในระดับปรมาจารย์โอสถระดับสูงนั้นยากลำบากขนาดไหน
แต่ฉู่หลิวเยว่ยังอายุน้อยเช่นนี้!
หากไม่สำเร็จ ดูจากทักษะการตอบสนองของฉู่หลิวเยว่แล้วนั้น ระยะห่างในการทะลวงขั้นคงอีกไม่ไกลนัก
“สกัด!”
เสียงของฉู่หลิวเยว่ใสบริสุทธิ์!
เปลวไฟในหม้อต้มโอสถสวรรค์ลุกโซนขึ้นอย่างกระทันหัน! สมุนไพรทั้งหมดผสมรวมกันอย่างสมบูรณ์!
ยาอายุวัฒนะขนาดเท่ากำปั้น ค่อยๆ ขึ้นเป็นรูปร่าง!
อย่างไรก็ตามในขณะนี้ พลังที่ระเบิดจู่ๆ ก็พุ่งออกมาจากในยาอายุวัฒนะนั่น!
ฉู่หลิวเยว่แอบคิดในใจอย่างไม่ดีว่า เหมือนมีคนควบคุมเปลวไฟให้ระเบิดขึ้นอย่างกระทันหันและพยายามกดมันลงไป!
อย่างไรก็ตามพลังอันแข็งแกร่งที่ควบคุมยาวอายุวัฒนะนี้ได้ระเบิดออกมาอย่างกระทันหัน และไม่ใช่ฉู่หลิวเยว่ที่จะสามารถควบคุมมันได้
ความปั่นป่วนทะลุผ่านไปรอบเปลวไฟและพุ่งมาที่หน้าประตูตรงฉู่หลิวเยว่!
หรงซิวหรี่สายตาลงเล็กน้อย แต่สุดท้ายก็ควบคุมตนเองต่อแรงกระตุ้นที่จะลงมือ
ฉู่หลิวเยว่เขย่งปลายเท้าเล็กน้อยและวางค่ายกลไว้ตรงหน้าอย่างรวดเร็วในเวลาเดียวกัน
ตู้ม!
พลังบ้าคลั่งอันน่าประหลาดนั้นพุ่งชนค่ายกลที่อยู่ด้านหน้าฉู่หลิวเยว่อย่างดุเดือด จนเกิดเสียงระเบิดหลายครั้งติดต่อกัน!
ฉู่หลิวเยว่รู้สึกถึงความกดดันอันน่าสะพรึงกลัวที่เข้ามาและบีบรั้งให้ขาทั้งสองข้างของนางจมลึกลงในทราย!
โชคดีที่พลังนี้มาเร็วไปเร็ว อีกทั้งฉู่หลิวเยว่ได้วางค่ายกลได้ทันเวลาพอดี นางจึงไม่ได้รับบาดเจ็บอันใด
เพียงแต่น่าเสียดายที่ยาอายุวัฒนะนี้ถูกทำลายจนหมด
ฉู่หลิวเยว่ดึงเท้าของตัวเองออกมาจากทรายและมองไปทางหม้อต้มโอสถสวรรค์ที่อยู่ตรงหน้า
ของเหลวที่อยู่ในหม้อโอสถเหลือเพียงกองขี้เถ้า
กลิ่นไหม้จางๆ ลอยคลุ้งออกมา
ฉู่หลิวเยว่สำลักและปิดจมูกไว้
ยาอายุวัฒนะระดับปรมาจารย์โอสถระดับสูงนี้ ช่างไม่ง่ายจริงๆ ที่จะสกัดออกมาได้…
“การปรุงยาล้มเหลวถือเป็นเรื่องปกติ ยิ่งไปกว่านั้นสิ่งนี้ถือเป็นครั้งแรกที่ข้าพยายามทดลองในระดับนี้ ย่อมเกิดการผิดพลาดอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ แต่ถ้าได้ลองอีกสองสามครั้งก็น่าจะเพียงพอแล้ว ท่านไม่ต้องเป็นกังวัล”
เมื่อเห็นว่าท่าทางของฉู่หลิวเยว่ดูเหมือนไม่เป็นอะไร ซูหลีจึงรอยคอยอย่างเงียบๆ ตรงที่เดิม
ฉู่หลิวเยว่เก็บหม้อต้มโอสถสวรรค์ขึ้น จากนั้นจึงหลับตาและเริ่มนึกว่าเกิดปัญหาตรงที่ใดในขั้นตอนการปรุงยาเมื่อครู่นี้
หลังจากที่ครุ่นคิดอยู่นาน ในที่สุดนางก็ลืมตาขึ้นละเริ่มการทดลองครั้งที่สอง
เมื่อมีประสบการณ์ครั้งที่หนึ่งแล้ว ครั้งที่สองนี้ยิ่งชำนาญมากขึ้นอย่างแน่นอน
ทว่าฉู่หลิวเยว่มิกล้าประมาทแม้แต่น้อย
ขณะนี้ เวลาได้เข้าสู่ยามเที่ยงของวันที่สอง
น้ำค้างที่อยู่บนพื้นดินได้ละลายหายไปอย่างไร้ร่อยรอยในเวลาอันรวดเร็ว และเปลี่ยนเป็นพื้นดินใหม่ที่ร้อนระอุ
โชคดีที่ฉู่หลิวเยว่เคยอยู่ที่นี่ในช่วงเวลาสั้นๆ มาก่อน ดังนั้นจึงคุ้นเคยกับที่นี่
กลิ่นยาที่หอมฉุนได้ลอยคลุ้งขึ้นอีกครั้ง
…
“โอ้ว ไม่รู้ว่าครั้งนี้นางหนูเยว่เออร์จะทำสำเร็จได้หรือไม่”
ภายใต้ทะเลสาบผู้อาวุโสห้ายังคงพูดพึมพำด้วยความกังวลอยู่เล็กน้อย
หลานเซียวเฝ้ามองเขาอยู่ครู่หนึ่ง
“พอได้แล้ว! ถือว่าเป็นหนึ่งในล้านคนที่ครั้งแรกยังสามารถทำได้ขนาดนี้!”
ผู้อาวุโสห้าพูดอย่างไม่สบอารมณ์
“หากเป็นคนนอกข้าคงไม่คาดหวังเช่นนี้อย่างแน่นอน แต่นางหนูเยว่เออร์ไม่ใช่คนนอก ยิ่งไปกว่านั้นก่อนหน้านี้พี่เป่าพูดแล้วว่าให้นางหนูดูใบยาของระดับปรมาจารย์โอสถระดับสูงหลายครั้งแล้วไม่ใช่หรอกหรือ? จากที่นางเข้าใจ เหตุใดจะทำไม่ได้กันเล่า? พี่เป่า พี่ว่าอย่างนั้นใช่หรือไม่”
ไม่พูดถึงเรื่องนี้ก็ช่างเถอะ ต่อให้พูดถึงหลานเซียวก็หมดคำพูด
เขาชำเลืองตู๋กูโม่เป่าครู่หนึ่งและพูดขึ้น
ท่าทางของตู๋กูโม่เป่านิ่งเฉยพลางพูดขึ้น
“ในตอนนั้นนางยอมรับค่ายกลเหล่านั้นทั้งหมด นับประสาอันใดกับใบยาเหล่านี้เล่า หลานเซียว อย่าคิดว่าคนทั้งโลกจะเหมือนกับเจ้า เพราะตัวเจ้าเองโง่เขลา”
“เจ้า…”
หลานเซียวโกรธมาจึงรีบลุกขึ้นในทันที แต่เขากลับลืมว่าตนเองยังถูกโซ่ล่ามเอาไว้ สุดท้ายจึงถูกโซ่ดึงตัวกลับไปอีกครั้ง
ในเวลานี้เขาเป็นเพียงแค่วิญญาณหนึ่ง ตามหลักแล้วเขาจึงไม่ได้รับความเจ็บปวดอันใด
ถึงอย่างไรโซ่ตรวนนี้แปลกประหลาดยิ่งนัก เมื่อเขาเคลื่อนไหวมากเกินไปก็จะถูกลงโทษ
แสงมืดดำแวบขึ้นมาจากโซ่ ลมปราณของหลานเซียวกลับอ่อนลงหลายส่วนในทันที
ผู้อาวุโสห้าขมวดคิ้วและเอ่ยขึ้น
“เจ้า… สถานการณ์ของเจ้าในตอนนี้ก็แย่พอแล้ว อย่างไรควรซื่อตรงไว้ก่อนและอย่าทรมานนักเลย”
หลานเซียวกัดฟันและหัวเราะขึ้น
“เหอะ…การเปลี่ยนแปลงในปีนั้น สิ่งเล็กน้อยเช่นนี้จะกักขังนายน้อยได้อย่างไร”
ตู๋กูโม่เป่าพูดอย่างเรียบเย็นขึ้น
“เมื่อรู้ว่าเทียบกับปีนั้นไม่ได้ก็อย่าฝืนเลย จากสถานการณ์ของเจ้าในตอนนี้ที่คิดจะฝึกหลอมร่างศักดิ์สิทธิ์ ช่างเป็นสิ่งที่ยากลำบากยิ่งนัก”
เมื่อพูดถึงเรื่องนี้ ในที่สุดหลานเซียวก็เงียบไป
เขายืนพิงหลังกำแพงครึ่งหนึ่ง ก้มหัวลงและไม่พูดอะไรอยู่พักหนึ่ง
ผู้อาวุโสห้าพยักหน้าพลางพูดขึ้นว่า
“พี่เป่าพูดได้ไม่ผิด ไม่ง่ายกว่าจะผ่านพ้นภัยบุหลันมาได้ ค่อยๆ พักฟื้นร่างกายให้ดี เจ้าก็จะอยู่ได้อย่างสบายเถอะ”
เมื่อพูดเรื่องนี้เขาจึงมองไปทางตู๋กูโม่เป่าอย่างปวดหัวเล็กน้อย
“แต่สิ่งนี้พูดออกมาง่าย แต่ลงมือทำกลับยุ่งยากนัก โดยเฉพาะตอนนี้ที่นางหนูเยว่เออร์ยังอยู่…”
เมื่อก่อนตอนที่นางอยู่ที่นี่ สถานการณ์ยังไม่ได้เลวร้ายขนาดนั้น ทุกครั้งที่พบกับภัยบุหลัน พวกเขาต่างใช้นางเป็นข้ออ้างด้วยเหตุผลบางอย่าง โดยไม่ต้องสิ้นเปลืองวรยุทธ์ก็สามารถปกปิดทุกอย่างได้เป็นอย่างดี
แต่ตอนนี้…
“ไม่รู้ครั้งนี้นางจะอยู่ที่นานขนาดไหน อีกทั้งภัยบุหลันกำลังมาอีกครั้ง…”
หลังจากที่ตู๋กูโม่เป่าครุ่นคิดอยู่นานก็พูดขึ้น
“ข้ามักจะรู้สึกว่านางเหมือนสัมผัสได้ถึงอันใดบางอย่าง หากไม่สามารถพิสูจน์ด้วยตาเพื่อให้เจ้ากับหลานเซียวฟื้นคืนร่างศักดิ์สิทธิ์ได้ นางคงไม่ยอมจากไปง่ายๆ เป็นแน่”
ครั้งนี้ที่นางมาและเปิดเผยว่าต้องการช่วยซูหลี แต่หลังจากที่ตู๋กูโม่เป่าได้พบและพูดคุยกับนางก็รู้จุดประสงค์ที่นางเดินทางมาไม่ได้มีเพียงเรื่องนี้เรื่องเดียวเท่านั้น
ผู้อาวุโสห้าขมวดคิ้วแน่น
“เช่นนี้ก็ลำบากแล้ว”