ยอดหญิงลิขิตสวรรค์ - ตอนที่ 2098 กระแสน้ำวน
ตอนที่ 2098 กระแสน้ำวน
………………..
ฉู่หลิวเยว่รีบลุกขึ้นในทันทีพล่างพูดขึ้น
“นี่มันเกิดเรื่องอันใดขึ้น!”
นางเป็นจุดศูนย์กลางของทรายเหล่านี้และกระจัดกระจายออกไปบริเวณรอบๆ!
เท้าของนางยุบลงอย่างรวดเร็ว จากนั้นร่างของฉู่หลิวเยว่จึงตกลงไปอย่างควบคุมไม่ได้
นางรู้สึกไม่ดี จึงสูดหายใจเข้าลึกๆ และพุ่งไปที่ด้านข้าง
แต่เมื่อทันทีที่เท้าของนางหยุดลงบนเนินทราย สถานการณ์เดียวกันจึงเกิดขึ้นอีกครั้ง!
ทรายในตำแหน่งก่อนหน้านี้ได้หยุดการเคลื่อนไหวอย่างกระทันหัน และสิ่งที่อยู่ใต้เท้านางกลับหลั่งไหลไปทุกทิศทางอีกครั้ง
ฉู่หลิวเยว่รู้สึกไม่สบายใจขึ้นมา
นางเปลี่ยนตำแหน่งติดต่อกันสองครั้งจึงพบว่ายังเหมือนเดิม
ทรายหยาบเหล่านี้เหมือนได้รับการเรียกจากพลังบางอย่าง บนพื้นกลายเป็นกระแสน้ำวนที่แปลกประหลาด
ไม่ว่านางมาจากที่ใด กระแสน้ำวนนี้ก็จะตามไปปรากฏที่นั่น!
คิ้วของหรงซิวขมวดแน่นขึ้น เงาร่างแวบเขามาที่ด้านข้างฉู่หลิวเยว่ แขนของเขาโอบกอดเอวบางของนางไว้
หลังจากนั้นเปลวไฟสีทองได้พุ่งออกมาจากมือของเขาในทันที!
เปลวไฟสีทองนั่นเปลี่ยนเป็นค่ายกลอย่างรวดเร็ว เพื่อสกัดกั้นกระแสน้ำวนที่อยู่ด้านล่าง!
ฉู่หลิวเยว่ลอยอยู่กลางอากาศพลางมองดูสถานการณ์ที่อยู่ด้านล่าง
ภายใต้การสกัดกั้นของเปลวไฟสีทอง ทรายเหล่านั้นไม่เคลื่อนตัวออกไปด้านนอกอีก การแสน้ำวนจึงค่อยๆ หายไป
แต่เพียงชั่วครู่ทุกอย่างก็กลับมาเป็นเหมือนเดิมอีกครั้ง
หรงซิวพานางไปที่พื้นตรงตำแหน่งใหม่อีกครั้ง
ครั้งนี้ไม่เกิดกระแสน้ำวนขึ้นอีก
“เยว่เออร์ เจ้าไม่เป็นอันใดใช่หรือไม่”
ฉู่หลิวเยว่ส่ายหัวเบาๆ
เพียงแต่กระแสน้ำวนสองสามแห่งที่ปรากฏออกมา นางกลับไม่สังเกตุเห็นภัยคุกคามอันใด
แต่…เห็นได้ชัดว่าเรื่องนี้ผิดปกติ!
“เมื่อครู่นี้เกิดอันใดขึ้นกันแน่”
ซูหลีเลิกคิ้วขึ้นเล็กน้อยและมองไปทางเปลวไฟสีทองที่ลุกโชนอีกครั้ง
หรวซิวยกปลายนิ้วขึ้นเบาๆ เปลวไฟพุ่งกลับไปอย่างรวดเร็ว
เมื่อเผชิญกับคำถามของซูหลี ฉู่หลิวเยว่ตกอยู่ในความเงียบสงัดและส่ายหัวเบาๆ ในทันที
“ข้าก็ไม่รู้”
นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่นางมาที่ทะเลทรายจันทราสีชาด แต่กลับไม่เคยพบเห็นเรื่องเช่นนี้มาก่อน
นางมองไปทางหรงซิว
“เจ้าก็รู้สึกถึงอันใดบางอย่างใช่หรือไม่”
การตอบสนองของหรงซิวตอบสนองว่องไวอย่างมาก ขณะที่นางยังไม่ทันได้รู้แน่นชัดว่าเกิดอะไรขึ้น หรงซิวก็จัดการอย่างรวดเร็ว
สิ่งนี้กลับทำให้นางรู้สึกอย่างเลี่ยงไม่ได้ว่าบางทีหรงซิวอาจสัมผัสถึงอะไรบางอย่าง
ดวงตาหงส์หรี่ลงเล็กน้อย นัยน์ตาลึกลงไป
เขาส่ายหัวเล็กน้อย
“ไม่มี ข้าแค่รู้สึกว่ามีบางอย่างผิดปกติ ดูเหมือนข้างล่างนั่นจะมีพลังประหลาดอันใดบางอย่างที่กำลังพลุ่งพล่าน…แต่ข้าเพิ่งจะลงมือไป ความแปรปรวนและลมปราณทั้งหมดจึงสลายไป จะแน่ชัดว่าคือสิ่งใดนั้น ข้าเองก็ไม่รู้”
ฉู่หลิวเยว่เม้มปาก
พลังของหรงซิวเหนือกว่านาง ย่อมรับรู้ถึงอันตรายได้ก่อนนางถือว่าเป็นเรื่องปกติ
หากแม้แต่เขายังพูดเช่นนี้ ด้านล่างนั่นคือคือสิ่งใดกันแน่ ก็ยากที่จะรู้ได้จริงๆ
ทะเลทรายจันทราสีชาดเกิดสถานการณ์แปลกประหลาดเช่นนี้ เหตุใดพวกพี่เป่าถึงไม่ออกมากันนะ
ขณะที่ความคิดนี้เกิดขึ้น นางก็ได้ยินเสียงที่คุ้นเคยดังขึ้น
“เจ้าหนูเยว่เออร์”
เป็นพี่เป่า!
ฉู่หลิวเยว่หันหน้าไป แต่กลับพบว่าพี่เป่าไม่ได้ปรากฏตัวออกมา
ท่าทางของอวี๋กวงจง และซูหลีไม่เปลี่ยนแปลงแต่อย่างใด แต่หรงซิวกลับโอบเอวของนางเอาไว้แน่น
ดูเหมือนเสียงของพี่เป่า มีเพียงพวกเขาสามคนเท่านั้นที่ได้ยิน…
ฉู่หลิวเยว่กดอารมณ์ขุ่นมัวเอาไว้และฟังอย่างสงบอารมณ์
“เหตุการณ์เมื่อครู่เป็นเพียงอุบัติเหตุ พวกเจ้าไม่ต้องใส่ใจ”
ฉู่หลิวเยว่ขยับริมฝีปากขึ้น
ไม่ว่านางมองอย่างไรก็ไม่เหมือนอุบัติเหตุ…
ในเมื่อพี่เป่าพูดเช่นนี้แล้ว แน่นอนว่าคงไม่ดีหากนางซักไซ้ถามขึ้นอีก
“เจ้าปรุงยาอย่างสบายใจต่อก็พอแล้ว เมื่ออยู่ที่นี่ไม่มีใครทำร้ายเจ้าได้หรอก”
เสียงของพี่เป่าเรียบเฉย แต่กลับมีพลังที่แข็งแกร่งและความกดดันที่มิอาจทำลายได้ง่าย!
ฉู่หลิวเยว่รู้สึกโล่งใจ มุมปากยกขึ้นเล็กน้อยและพยักหน้าเบาๆ
นางรู้ว่าพี่เป่าต้องรู้คำตอบของนางอย่างแน่นอน
สุดท้ายหลังจากนั้นเสียงของพี่เป่าก็หายไป
บนทะเลทรายดูเหมือนจะกลับมาสงบอีกครั้ง
ฉู่หลิวเยว่กับหรงซิวสบตากันครู่หนึ่ง ทันใดนั้นก็มองไปทางซูหลีและพูดปลอบใจขึ้นว่า
“ท่านซูไม่ต้องกังวลไป ไม่ใช่เรื่องใหญ่อันใด”
“ไม่น่าเป็นไปได้”
อันที่จริงนางก็ไม่แน่ใจ แต่ถึงแม้พี่เป่าพูดขนาดนั้นแล้ว น่าจะไม่ต้องกังวลจนเกินไปหรอก
นางพ่นลมหายใจยาวออกมา และเดินไปตรงหม้อน้ำเทวศักดิ์สิทธิ์
อย่างไรก็ได้พักจนพอแล้ว มิสู้ลองดูอีกสักครั้ง
บางทีครั้งนี้อาจะสำเร็จก็ได้!
นางยืนอยู่ด้านหน้าหม้อน้ำเทวศักดิ์สิทธิ์ มือข้างหนึ่งวางบนหม้อต้มโอสถ
ขณะที่นางกำลังจะลงมือ จู่ๆ ก็ลังเลขึ้นมาครู่หนึ่ง เปลวไฟสีทองพวยพุ่งจากมืองของนางและไหลลงไปในหม้อต้มโอสถสวรรค์
เมื่อมองลงมาจากด้านบนตรงกลางของหม้อต้มโอสถกำลังลุกใหม่ด้วยเปลวไฟที่สว่างสุกใส ด้านนอกถูกล้อมรอบได้ด้วยเปลวไฟสีทองแดง
จากนั้นถวนจื่อไม่หยุดที่จะเปิดเส้นชีพจรจนพลังเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ทำให้เปลวไฟที่ฉู่หลิวเยว่เรียกออกมามีพลังเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ
ก่อนหน้ามีเพียงความพยายามที่จะต่อสู้กับไฟแห่งกรรมที่สว่างสุกใสนี้ แต่ตอนนี้มีแนวโน้มว่าจะค่อยๆ ไล่ตามได้ทัน
ฉู่หลิวเยว่กลับนึกถึงการปรุงยาหลายครั้งเมื่อครู่นี้ กระบวนการก่อนหน้านี้ล้วนไม่มีปัญหาอะไร แต่ต้องล้มเหลวหลายครั้งเมื่อถึงตอนสกัดยาครั้งสุดท้าย
ในใจของนางมีความคิดที่กล้าหาญ เพียงแต่ไม่รู้ว่าจะได้ผลหรือไม่
เมื่อคิดเช่นนี้ นางตั้งสมาธิกำหนดลมหายใจ ต่อจากนั้นจึงใส่สมุนไพรเหล่านั้นลงไปตามลำดับ
จากประสบการณ์ที่ผ่านมาหลายครั้ง ก่อนหน้านี้สมุนไพรที่นางจัดการในตอนนี้ยิ่งชำนาญมากขึ้น แม้แต่การเคลื่อนไหวเรียกได้ว่าลื่นไหลราวสายน้ำ
ซูหลีที่มองดูอยู่ข้างๆ จึงอดชื่นชมขึ้นไม่ได้
“ข้าคิดว่าตอนที่นางฝึกฝนในครั้งแรกก็โด่ดเด่นมากพอแล้ว ไม่คิดว่านางสามารถทำได้ดีขึ้นเรื่อยๆ…”
ทุกครั้งที่ฉู่หลิวเยว่ปรุงยาล้วนก้าวหน้ากว่าครั้งก่อนอย่างเห็นได้ชัด
ดังเช่นในครั้งนี้จากบทบาทของผู้ชมยิ่งเป็นที่น่าพอใจนัก
ล้วนกล่าวกันว่าเซียนหมอให้ความสำคัญกับความสามารถ ตอนนี้ดูแล้วผลลัพธิ์กลับไม่ธรรมดา
ตั้งแต่แรกเริ่มเห็นได้ชัดว่าการเคลื่อนไหวของฉู่หลิวเยว่ยังติดขัดเล็กน้อย
แต่หลายครั้งต่อมาระดับความคล่องแคล่วของนาง แทบจะเหนือกว่าปรมาจารย์โอสถทุกคนที่ซูหลีเคยพบมา!
มีเซียนหมอบางคนตลอดทั้งชีวิต ก็มิอาจทำเช่นนี้ได้เหมือนนาง…
มีเพียง “พรสวรรค์” สองคำนี้เท่านั้นที่อธิบายได้
เมื่อหรงซิวได้ยินเข้า มุมปากโค้งงอเล็กน้อย หางตามีรอยยิ้มจางๆ ปรากฏขึ้น
แต่รอยยิ้มเช่นนี้ได้หายไปอย่างรวดเร็ว
ดวงตาของเขาตกลงอย่างเรียบเฉยในตำแหน่งที่กระแสน้ำวนหายไปเมื่อครู่ ความเยือกเย็นผ่านเข้าไปในในตาอย่างรวดเร็ว
…
ขณะเดียวกันทั้งสามที่อยู่ใต้ทะเลสาบกลับรู้สึกอกสั่นขวัญแขวนขึ้น
ผู้อาวุโสห้าขมวดคิ้วแน่นและมองไปทางตู๋กูโม่เป่าด้วยสีหน้ากังวล
“พี่เป่า ภัยบุกหลันได้ผ่านไปแล้วมิใช่หรือ เหตุใดถึงเกิดเหตุการณ์แบบเมื่อครู่นี้ได้กันเล่า!”