ยอดหญิงลิขิตสวรรค์ - ตอนที่ 2102 เจ้าจะไปไหน
ตอนที่ 2102 เจ้าจะไปไหน
………………..
เสวี่ยเสวี่ยพุ่งไปอย่างรวดเร็วปานสายฟ้า แม้จะบังเอิญถูกถวนจื่อเผาก้น แต่โชคดีที่เป็นเพียงบาดแผลเล็กน้อย
ระหว่างการนำทางของมัน ฉู่หลิวเยว่กับหรงซิวรีบตามไปที่ส่วนลึกของทะเลทรายอย่างรวดเร็ว
…
อีกด้านหนึ่งตู๋กูโม่เป่าและทั้งสามคนรับรู้ได้ว่ามีบางอย่างผิดปกติตั้งแต่ช่วงแรกที่ ถวนจื่อและจื่อเฉินถูกกระแสน้ำวนกลืนกินลงไป
“เหตุใดมันยังไม่หมดไปอีก!”
ผู้อาวุโสที่ห้าอดไม่ได้จึงตะโกนด่าเสียงดัง
“ตอนแรกก็พยายามโจมตีนางหนูเยว่เออร์ เมื่อเห็นว่าไม่ได้ผลจึงเปลี่ยนเป้าหมายเป็นถวนจื่อ! ตอนนี้ยังดีแม้แต่จื่อเฉินก็มีส่วนเกี่ยวข้องด้วย! พี่เป่า เมื่อกี้ยังไม่ใช่ฝีมือพี่ใช่หรือไม่”
เดิมทีตู๋กูโม่เป่าหลับตาแน่น เมื่อได้ยินเขาก็กระแอมไอขึ้นสองสามครั้งและมีเลือดไหลออกมาจากมุมปาก
ผู้อาวุโสที่ห้าและหลานเชียวมีสีหน้าเปลี่ยนไป
เช่นนี้จึงลงมือ!
“พี่เป่า! พี่…”
ตู๋กูโม่เป่าค่อยๆ ลืมตาขึ้นและนัยน์ตาดูเหมือนมีแสงสลัวแวบผ่านเข้ามาและหายวับไปในทันที
เขายกมือขึ้นค่อยๆ เช็ดเลือดที่มุมปาก สายตาลดต่ำลงเล็กน้อย
รอยแดงที่หลังมือของเขากระตุ้นดวงตาของเขาอย่างที่สุด
“ไม่หยุด”
หลังจากเพิ่งประสบกับภัยบุหลัน เดิมทีเขาอยู่ในสภาพที่อ่อนแออย่างมากและไม่สามารถใช้พลังทั้งหมดได้ อีกทั้งสิ่งที่อยู่ด้านล่าง…กลับตรงกันข้าม
อันที่จริงตั้งแต่รู้ว่ามันต้องการโจมตีฉู่หลิวเยว่ เขาก็กังวลมาโดยตลอดและยังคอยเฝ้าระวังเป็นอย่างดี
เมื่อถวนจื่อตกอยู่ในอันตราย เขาก็รู้สึกได้ว่ามีบางอย่างผิดปกติในทันที น่าเสียดาย…ที่ยังไม่สามารถหยุดมันได้
หากแม้เขาพูดเช่นนี้ นั่น…
“แต่ถ้าไม่สามารถหยุดมันได้ แต่ของสิ่งนั้นก็ได้รับบาดเจ็บ ช่วงเวลานี้ควรจะจริงใจเป็นที่สุด”
คำพูดของตู๋กูโม่เป่าไม่ได้ทำให้ทั้งสองสบายใจขึ้น
“นั่นคือสัตว์อสูรพันธะสัญญาของนางหนูเยว่เออร์”
หลานเซียวยืนพิงกำแพง มือข้างหนึ่งปิดหน้าเอาไว้และพูดขึ้นอย่างช้าๆ ว่า
“นางไม่ยอมรามือเป็นแน่ ถ้ารู้เช่นนี้น่าจะเตือนนางหนูนั่นสักสองสามคำ…”
“ของสิ่งนั้นได้ถูกจัดการวางแผนมาเป็นเวลานาน บัดนี้เมื่อโอกาสมาถึงแล้วย่อมปล่อยไปไม่ได้”
สีหน้าของตู๋กูโม่เป่าแข็งค้าง
“อย่าลืม ถวนจื่อเป็นหงส์ทองคำ เป็นสายเลือดบริสุทธิ์ แม้ว่าจะไม่มีครั้งนี้ แต่ก็ยังมีครั้งหน้า”
ผู้อาวุโสที่ห้าถอนหายใจ
“ในทางกลับกับ…ตอนนี้จะทำอย่างไร ข้ากับหลานเซียวไม่มีทางออกไปจากที่นี่ได้ในเวลาอันสั้นเช่นนี้ มีเพียงเจ้าที่สามารถช่วยนางหนูเยว่เออร์ได้”
อันที่จริงสถานการณ์ในตอนนี้ของตู๋กูโม่เป่าไม่ได้ดีนัก ภัยบุหลันในครั้งนี้หากไม่ใช่เขา หลานเซียวคงรักษาชีวิตเอาไว้ไม่ได้ไปนานแล้ว
ตัวเขาเองก็ได้รับบาดเจ็บสาหัสเช่นกัน
มือขอตู๋กูโม่เป่าค่อยๆ กำแน่น
“เรื่องมาถึงเช่นนี้แล้ว จะไปรั้งก็สายเกินไปแล้ว”
เดิมทีเขาคิดที่จะรอให้นางทะลวงขั้นเป็นเทพศักดิ์สิทธิ์ แต่ตอนนี้ถวนจื่อกับจื่อเฉิน หายตัวไปพร้อมกัน นางคงไม่มียอมจากไปง่ายๆ
“อีกอย่างในปีนั้นได้ตกลงกันไว้อย่างชัดเจน พวกเขากับของสิ่งนั้นไม่ควรเผชิญหน้ากัน เมื่อฝ่ายหนึ่งทำลายข้อตกลงนี้ อีกฝ่ายก็จะสังหารได้อย่างสิ้นซาก! แต่ตอนนี้ไม่ใช่เวลาที่จะมาปะทะกัน”
เขาพูดขึ้น
“คอยดูสถานการณ์ไปก่อน…”
…
ขณะที่เห็นกระแสน้ำวนในทะเลทราย หัวใจของฉู่หลิวเยว่ก็สั่นระรัว!
กระแสน้ำวนที่ปรากฏใต้ฝ่าเท้าของนางแทบจะเหมือนกันกับกระแสนน้ำวนก่อนหน้าอย่างมาก!
มีเพียงกระแสน้ำวนนี้ที่ดูขนาดทั้งใหญ่และลึกกว่า
ระยะห่างของกระแสน้ำวนยังอยู่ไม่ไกลนัก และฉู่หลิวเยว่ก็สัมผัสได้ถึงลมปราณที่เหน็บหนาวเยียบเย็น กำลังค่อยๆ แผ่ซ่านออกมาจากด้านใน
พลังกดดันที่ไร้รูปร่างปกคลุมสวรรค์และโลกทำให้แทบจะหายใจไม่ออก
ในใจของฉู่หลิวเยว่ก็มีความคิดหนึ่งผุดขึ้นมาในทันใด…สถานที่แห่งนี้อันตรายยิ่งนัก!
เสวี่ยเสวี่ยหยุดลงและส่งเสียงครวญครางต่ำๆ สองครั้ง
ฉู่หลิวเยว่เข้าใจความหมายของมันในทันที
“เจ้าหมายถึง ถวนจื่อกับจื่อเฉินเข้ามาที่นี่ทั้งคู่งั้นหรือ”
เสวี่ยเสวี่ยพยักหน้าอย่างแรง
ฉู่หลิวเยว่ก้าวไปข้างหน้าสองสามก้าว
ในเวลานี้นางและหรงซิวยืนอยู่กลางอากาศเหนือกระแสน้ำวน
นางมีลางสังหรณ์ว่าหากมุ่งตรงไปข้างหน้าอีกจะยิ่งอันตรายอย่างมาก!
แต่ที่นี่ยังคงเห็นสถานการณ์ด้านล่างได้อย่างชัดเจน
บนทะเลทรายอันกว้างใหญ่ไร้ขอบเขตได้ปรากฏกระแสน้ำวนขึ้น
ทรายพุ่งออกมาจากด้านล่างอย่างต่อเนื่องและพุ่งขึ้นไปทุกทิศทาง กระแสน้ำวนทั้งหมดหมุนทวนเข็มอย่างช้าๆ
ส่วนที่ลึกที่สุดของกระแสน้ำวนมีความมืดมิดที่มองไม่เห็นด้านล่าง
มิรู้เพราะเหตุใด เมื่อฉู่หลิวเยว่มองลงไปด้านล่างเพียงแวบเดียว นางก็รู้สึกบอกไม่ถูกเหมืองมีสายตาจับจ้องมอง
เยียบเย็น เมินเฉย ชั่วร้ายและบ้าคลั่ง!
หัวใจของฉู่หลิวเยว่เหมือนถูกอะไรบางอย่างจับไว้แน่นในชั่วพริบตา!
ลมปราณนี้…เห็นได้ชัดว่าเหมือนกับมือที่ฝังอยู่ใต้เขาหมื่นเมรัยของสำนักหลิงเซียว!
…
ณ ท่าเรือดอกท้อ
ม่านหมอกยามค่ำคืน
ในห้องที่มืดมิดและเงียบสงัด
จู่ๆ เฉิงอีก็ลืมตาและลุกขึ้นยืนอย่างรวดเร็ว!
เขาหยิบเสื้อผ้าด้วยมือข้างหนึ่งขึ้นมาสวมใส่และเดินออกไปข้างนอกอย่างรวดเร็ว
ทันทีที่เขาเปิดประตู สิบสามที่นอนอยู่ข้างๆ ได้ยินเสียงเคลื่อนไหวจึงลุกขึ้นและชะโงกหน้ามองมาทางด้านนี้
“พี่ใหญ่ เป็นอันใดไป”
เฉินอีไม่ได้มองเขา เพียงพูดเสียงเรียบเย็นขึ้น
“เจ้ากลับไปเถอะ”
ขณะที่เขาพูดเขาก็รีบออกไปทันที
สิบสามตอบรับ และมองดูเงาร่างของเขาที่ออกไปอย่างรวดเร็วพลางขมวดคิ้วขึ้นอย่างอดไม่ได้
พี่ใหญ่กำลังรีบออกเดิมทาง จะทำอย่างไรกันแน่นะ