ยอดหญิงลิขิตสวรรค์ - ตอนที่ 2104 การจ้องมองจากเหวลึก
ตอนที่ 2104 การจ้องมองจากเหวลึก
………………..
ผู้อาวุโสอี้อวี่ได้ยินเข้าก็ตกใจเช่นกันจึงเอ่ยถามขึ้น
“ท่านประมุข เกิดอันใดขึ้น”
อี้เจาขมวดคิ้วและพูดขึ้น
“ลมปราณของถวนจื่อหายไปแล้ว!”
ตั้งแต่ที่เขาประสบกับเหตุการณ์ที่สุสานสังหารเทพครั้งก่อน เขาจึงมีอาการหวาดระแวงอยู่ ดังนั้นจึงใช้วิธีเฉพาะผสานลมปราณเข้ากับถวนจื่อไว้
ตอนนี้…การติดต่อขาดหายไปในทันที!
ผู้อาวุโสอี้อวี่ตกอยู่ในภวังค์ครู่หนึ่ง
“เหตุใดถึงเป็นเช่นนี้ ถวนจื่อควรจะอยู่กับซั่งกวนเยว่ที่พระราวังเมฆาสวรรค์ไม่ใช่หรอกหรือ”
เมื่อไป๋หลีฉุนสวรรคตไปไม่นานมานี้ หรงซิวและทั้งสองคนรีบกลับพระราชวังเมฆสวรรค์เป็นการเฉพาะ
ยังไม่ได้ยินข่าวของคนอื่นๆ เลย
“หากอยู่ในพระราชวังเมฆาสวรรค์ เรื่องแบบนี้คงไม่มีทางเกิดขึ้นเป็นแน่”
อี้เจาจึงรีบตัดสินใจและดำเนินการอย่างเด็ดขาดรวดเร็ว
“ตอนนี้พวกเขาไม่ได้อยู่ที่พระราชวังเมฆาสวรรค์!”
นั่นคืออาณาเขตของหรงซิวและฉู่หลิวเยว่ ซึ่งเป็นช่วงที่เพิ่งยึดครองท่าเรือดอกท้อและไม่มีใครเทียบได้อย่างแน่นอน
คงไม่มีผู้ใดโง่เขลาพอที่จะมุ่งหน้าไปพระราชวังเมฆาสวรรค์ เพื่อสร้างปัญหาให้พวกเขาในเวลาเช่นนี้
คำอธิบายข้อเดียวก็คือ…พวกเขาออกจากพระราชวังเมฆาสวรรค์ไปแล้ว!
“ท่านประมุข ตอนนี้ท่านแน่ใจได้หรือไหมว่าถวนจื่ออยู่ที่ไหนก่อนที่พลังปราณจะหายไป”
อี้เจาหลับตาเพ่งจิต จากนั้นก็ลืมตาขึ้นพลางขมวดคิ้วแน่น
“ไม่ได้ ระยะห่างไกลเกินไป…”
ผู้อาวุโสอี้อวี่ก็ลำบากเช่นกัน
อี้เจาครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่งจึงตัดสินใจอย่างเด็ดขาดและพูดขึ้น
“เจ้าอยู่ที่จวนไปก่อน ข้าจะไปพระราชวังเมฆาสวรรค์ด้วยตนเอง เพื่อถามความจริงสักหน่อย!”
อี้อวี่รู้ว่าเรื่องนี้เป็นเรื่องเร่งด่วนและมิอาจรอช้าได้จึงตอบตกลงทันที
“ใช่! แต่ด้านนอก…”
“ภายนอกต่างพูดกันว่ายังปิดตัวอยู่ในตำหนักศักดิ์สิทธิ์เฟิ่งหวง”
ด้วยเหตุการณ์เช่นนี้ยังคงไม่มีใครสงสัยในเรื่องนี้ขึ้นอย่างแน่นอน
มีหลายสิ่งหลายอย่างที่อยู่ในใจของอี้เจา
แต่ตอนนี้สถานการณ์ขอถวนจื่อยังไม่ชัดเจน ควรระมัดระวังทุกสิ่งไว้ก่อนหากแหวกหญ้าให้งูตื่น[1]คงจะไม่เป็นการดีนัก
หลังจากกำชับเพิ่มอีกไม่กี่คำ ร่างขออี้เจาก็หายไปจากตำแหน่งเดิม
อี้อวี่มองไปที่ตำหนักศักดิ์สิทธิ์เฟิ่งหวงอีกครั้งพลางครุ่นคิดอะไรบางอย่าในใจ
แต่ทว่า ถวนจื่อกับท่านปะมุขจะต้องกลับมาอย่างปลอดภัย – –
…
ขณะเดียวกัน โหมวเจินที่อยู่ห่างออกไปหลายพันลี้ก็สังเกตเห็นว่ามีบางอย่างผิดปกติ
หลังจากครุ่นคิดอยู่นานโหมวเจินก็สวมชุดลำลอง และรีบมุ่งหน้าไปที่พระราชวังเมฆาสวรรค์
หรงซิวกับฉู่หลิวเยว่มีบุญคุณกับเขา บัดนี้ลมปราณของจื่อเฉินถูกทำลายอย่างกะทันหัน เขาย่อมมิอาจนิ่งเฉยโดยไม่ทำอันใดได้อย่างแน่นอน
…
ในอาณาจักรเสิ่นซวี่คลื่นใต้น้ำที่สั่นไหว
อย่างไรก็ตามฉู่หลิวเยว่อยู่ในทะเลทรายจันทราสีชาด คงยังไม่รู้เรื่องทั้งหมดนี้
นางลอยอยู่กลางอากาศและมองลงไปที่กระแสน้ำวนแปลกประหลาดด้านล่างนั่น สีหน้าค่อยๆ จริงจังและหนักแน่นขึ้น
“ไม่คิดว่าจะมาอยู่ที่นี่ และได้มาเห็นฉากนี้อีกครั้ง…”
ฉู่หลิวเยว่พูดพึมพำเสียงเบา
เธอยังคงประทับใจอย่างมากกับมือข้างหนึ่งที่อยู่ใต้เขาหมื่นเมรัยก่อนหน้านี้
บัดนี้การมีอยู่อย่างลึกลับใต้กระแสน้ำวน น่าจะเป็นมือเดียวกันกับครั้งนั้น แต่มีความแตกต่างกันเล็กน้อย
นางเคยคิดอยู่หลายครั้งหลายหนว่าแท้จริงแล้วการมีอยู่คืออะไรกัน แค่มือเพียงข้างเดียวก็มีแรงกดดันที่น่าสะพรึงกลัวเช่นนั้น
แต่ยังไม่มีคำตอบใด
อีกทั้งตอนนี้…
มือของนางกำแน่นขึ้นอย่างช้าๆ
หลังจากเผชิญกับความลำบากครั้งนั้นในช่วงปีแรก นางรู้ดีว่าหากอาศัยเพียงพลังของตนเองอย่างเดียว คงเป็นเรื่องอย่างที่จะต่อสู้กับมันได้
ในเวลานั้นหากไม่ใช่เพราะความช่วยเหลือของพี่เป่า…
เมื่อคิดถึงสิ่งนี้นางขมวดคิ้วแน่นขึ้น
ระหว่างทางนางเรียกพี่เป่าอยู่หลายครั้ง แต่ไม่มีการการตอบกลับแต่อย่างใด
ตอนนี้ยังไม่รู้ว่าสถานการณ์ของพี่เป่าและสามคนเป็นเช่นไร…
ถ้าบอกว่ามือข้างนั้นในสำนักหลิงเซียวถูกกำจัดด้วยน้ำมือพี่เป่าเองในปีนั้น เช่นนั้น…เรื่องนี้เล่า
ฉู่หลิวเยว่ไม่มั่นใจ
ความตื่นตระหนกและอารมณ์ร้อนจนยากที่จะอธิบายได้ ปะทุขึ้นมาจากใจของนาง
นางก้าวไปข้างหน้าอย่างไม่เต็มใจ
ทันใดนั้นเสียงที่ทุ้มต่ำและเรียบเย็นดังขึ้นมาข้างหู
“เยว่เออร์ เยว่เออร์?”
ฉู่หลิวเยว่กลับมามีสติอีกครั้งในทันทีและมองไปทางหรงซิว
หรงซิวเลิกคิ้วขึ้นเล็กน้อย
“เมื่อครู่เจ้าคิดอะไรอยู่”
ฉู่หลิวเยว่กลับมามีสติอีกครั้งและรับรู้ว่าตนเองได้ก้าวไปข้างหน้าโดยไม่รู้ตัว
หากไม่ใช่หรงซิวดึงไว้ คาดว่านางคงตรงเข้าไปที่กระแสน้ำวนนั่นเสียแล้ว!
บนหลังของนางมีเหงื่อเย็นๆ ออกมาในทันที
“ข้า…”
ชั่วครู่ก่อนหน้านางยังคิดอย่างกระจ่างชัดว่าการอยู่ที่นี้อันตรายยิ่งนัก และไม่ควรเข้าใกล้มันง่ายๆ ต่อมาเพียงชั่วพริบนางก็เดินไปข้างหน้าอย่างควบคุมไม่ได้!
แม้ว่านางจะระมัดระวังแต่ก็มีขาดสติไปชั่วครู่ จนเกือบพลาดไป
หรงซิวจับมือนางเอาไว้แน่น
“เจ้าถอยออกไปก่อน ข้าจะลงไปดูหน่อย”
“ไม่ได้!”
การตอบสนองแรกของฉู่หลิวเยว่คือการปฏิเสธ
อีกด้านหนึ่ง ใต้กระแสน้ำวันที่เต็มไปด้วยความไม่รู้และอันตราย อีกด้านหนึ่งถวนจื่อกับจื่อเฉินล้วนเป็นสัตว์อสูรในพันธสัญญาของนาง หากต้องมีใครคนหนึ่งไปจริงๆ ก็ควรเป็นนาง!
จะว่าไปแล้วในทุกๆ ด้าน นางเป็นคนที่เหมาะสมที่สุด
หรงซิวก้าวไปข้างหน้า จูบหน้าผากนางเบา ๆ และพูดขึ้นในทันทีว่า
“เด็กดี เชื่อฟังนะ”
คำพูดอ่อนโยน แต่น้ำเสียงกลับปฏิเสธไม่ได้
ฉู่หลิวเยว่เงยหน้าขึ้นด้วยความประหลาดใจเล็กน้อย ในแววตาปรากฏความไม่เข้าใจขึ้น
ท่าทีของหรงซิวในเรื่องนี้ดูเหมือนจะยากลำบากมาโดยตลอด
แม้ว่าจะอันตราย แต่พวกเขาเคยร่วมเป็นร่วมตายมาด้วยกันหลายครั้ง เมื่อเผชิญกับสถานการณ์อื่นมาก่อน หรงซิวจึงดูไม่มีปฏิกิริยาเช่นนี้
ขณะที่นางกำลังคิดอยู่นั่น จู่ๆ ลมแรงก็พัดไปทั่วบนทะเลทราย!
ฮู ฮู…
เสียงลมหวีดหวิว บนเนินทรายจับตัวเป็นน้ำค้างแข็งบาง ๆ ชั้นหนึ่ง
อุณหภูมิโดยรอบลดลงอย่างรวดเร็ว จนลมหนาวแทบกัดกินถึงกระดูก!
หัวใจของฉู่หลิวเยว่สั่นไหว
ค่ำคืนในทะเลทรายจันทราสีชาดมักเหน็บหนาวมาโดยตลอดมา
แต่ครั้งนี้ดูเหมือนมีบางอย่างผิดปกติ…
ครืน!
เสียงระเบิดดังก้องไปทั่วฟ้าในทันใด!
ฉู่หลิวเยว่เงยหน้าขึ้นมองทันที แต่กลับเห็นความมืดมิดยามค่ำคืนดังเดิม จู่ๆ ก็มีพระจันทร์เต็มดวงกำลังปรากฏขึ้นท่ามกลางเมฆดำมืดที่ซ้อนทับกันหลายชั้น!
แสงจันทร์สีอ่อนๆ ปกคลุมทะเลทรายจันทราสีชาดทั้งหมดราวกับผ้าไหมสีขาว
หลังจากนั้น จู่ๆ เสียงประหลาดที่เล็กแหลมและโศกเศร้าดังขึ้นมาจากใต้ทะเลทราย!
ฉู่หลิวเยว่หวาดกลัว! พลางมองลงไปในทันที!
ทันใดนั้นดวงตาข้างหนึ่งเปิดโพลงขึ้น! จ้องมองนางจากระยะไกลจากกลางเหวลึก!
[1] แหวกหญ้าให้งูตื่น หมายถึง ไม่ระมัดระวังทำให้ อีกฝ่ายรู้เข้า