ยอดหญิงลิขิตสวรรค์ - ตอนที่ 2111 ไปพร้อมกัน
ตอนที่ 2111 ไปพร้อมกัน
………………..
ฉู่หลิวเยว่หันหน้าไปมองและตกใจกับเหตุการณ์ขึ้นในทันที
สุดทะเลทรายอันกว้างใหญ่ ไม่รู้ว่ามีพระราชวังแห่งหนึ่งปรากฏออกมาเมื่อใด!
พระราวังนั่นถูกปกคลุมไปด้วยหมอกบางๆ จนมองเห็นได้ไม่ชัด ทำให้มองเห็นเพียงโครงร่างบางๆ เท่านั้น รูปร่างที่แน่ชัดกลับมิอาจแยกได้
ด้านหน้าท้องพระโรง ประตูหินที่ตั้งสูงตระหง่าและมีป้ายคำขวัญแขวนอยู่ด้านบน น่าเสียดายคำขวัญที่อยู่ด้านบนกลับถูกปกคลุมไปด้วยหมอกจนมองไม่เห็น
แต่ถึงกระนั้นก็ยังสามารถรู้สึกได้ถึงความสูงส่งและสง่างามจนมิอาจอธิบายได้!
มันตั้งตระหง่าอย่างเงียบๆ ระหว่างสวรรค์และโลก เหมือนกับสัตว์ร้ายที่คืบคลาน เพื่อรอคอยเวลาโจมตีและกลืนกินทุกสิ่ง!
ฉู่หลิวเยว่จ้องมองแน่นิ่ง ชั่วครู่ก็มิอาจมองเห็นได้ นั่นคือภาพลวงตาหรือการมีอยู่จริงๆ
แต่…
เห็นได้ชัดว่านางกับหรงซิวต่างไม่เห็นอะไรเลยเมื่อครู่นี้ เหตุใดหลังจากที่อี้เจากับโหมวเจินมาถึง พระราชวังที่แปลกประหลาดนั่นก็ปรากฏขึ้นมาอย่างกะทันหัน
“นี่คือ…”
โหมวเจินถามขึ้น
“ในทะเลทรายจันทราสีชาดนี้ จะปรากฏพระราชวังเช่นนี้ได้อย่างไร”
ฉู่หลิวเยว่พูดอะไรไม่ออกครู่หนึ่งและไม่รู้ว่าควรจะตอบกลับไปอย่างไร
แท้จริงแล้วทะเลทรายจันทราสีชาดเป็นอาณาเขตของราชวงศ์เทียนลิ่ง เพื่อความสงบในพื้นที่อันกว้างใหญ่และรกร้าง นางยังนำกองทัพมาด้วยตนเอง และสู้รบอย่างยากลำบากอยู่หลายครั้ง
อีกทั้งนางเคยไปทะเลทรายจันทราสีชาดอยู่หลายครั้ง
เมื่อคิดไปคิดมาแล้ว ช่วงเวลาที่นางอยู่ที่นี่ก็นับว่ายาวนานอยู่
แต่ถึงกระนั้นนางก็ไม่เคยเห็นลักษณะเช่นนี้มาก่อน
เดิมทีเขาคิดว่าฉู่หลิวเยว่น่าจะรู้จักที่แห่งนี้
แต่เมื่อเห็นปฏิกริยาของนาง เห็นได้ชัดว่าคงเห็นพระราชวังนี้เป็นครั้งแรก
“นั่น…”
เขาถามขึ้นอย่างลังเล
“พวกเจ้ารู้หรือไม่ว่าเหตุใดพวกข้าสองคนถึงมาที่นี่”
ฉู่หลิวเยว่ตะลึงงันอยู่ครู่หนึ่ง
คำถามเช่นนี้…ด้วยพลังของอี้เจากับโหมวเจินที่คิดจะมาที่นี่ ก็ไม่ใช่เรื่องง่าย
ราวกับมองเห็นความคิดของนางออกทั้งหมด โหมวเจินจึงยิ้มฝืนพลางเอ่ยขึ้น
“ดูแล้วพวกเจ้าคงยังไม่รู้ว่าอาณาจักรเสิ่นซวี่ปรากฏประตูแดนสวรรค์บานหนึ่งขึ้น”
ปฏิกิริยาของฉู่หลิวเยว่เมื่อครู่ จึงเข้าใจความหมายของเขาและค่อยๆ เบิกตาโพลงด้วยความประหลาดใจขึ้นในทันที
แต่ต่อไปคำพูดของโหมวเจิน กลับยิ่งทำให้นางประหลาดใจกว่าเดิม
“พวกข้าทั้งสอง เข้ามาจากประตูแดนสวรรค์นั่น”
“ว่าอันใดนะ!”
ฉู่หลิวเยว่เกือบสงสัยว่าตนเองฟังผิดหรือไม่
“ความหมายของท่านคือ…ท่านกับผู้อาวุโสอี้เจา หลังจากข้ามประตูแดนสวรรค์นั่นแล้วก็ตรงมาที่นี่อย่างนั้นหรือ”
โหมวเจินหยักหน้าพลางกล่าวขึ้น
“ไม่ธรรมดา”
ฉู่หลิวเยว่มองไปทางอี้เจาอย่างไม่รู้ตัว ถึงแม้ผู้ที่อยู่ด้านหลังจะไม่พูดอันใด แต่สีหน้าก็ได้อธิบายหมดทุกสิ่ง
หากเป็นอย่างที่สองคนนี้พูด เรื่องทั้งหมดก็น่าเชื่อถือได้อย่างไม่ลังเล!
ริมฝีปากของฉู่หลิวเยว่ขยับเล็กน้อย ในใจกลับมีคลื่นโหมดซัดสาด!
นางรู้ว่าจากทะเลทรายจันทราสีชาดสามารถมุ่งไปอาณาจักรเสิ่นซวี่ได้ แต่สุดท้ายในตอนแรกนางจึงจากที่นี่ไปท่าเรือดอกท้อ
สถานการณ์ของทั้งสองท่านนี้แตกต่างกันอย่างเห็นได้ชัด
อี้เจาพูดเสียงเข้มขึ้นว่า
“ตอนนี้ผู้คนในอาณาจักรเสิ่นซวี่ทั้งหมด น่าจะรับรู้ถึงการมีอยู่ของประตูแดนสวรรค์นั่นแล้ว และด้วยเหตุที่ประตูแดนสวรรค์ปรากฏขึ้นมาอย่างกะทันหันอย่างมาก จึงดึงดูดความอยากรู้อยากเห็นของผู้คนไม่น้อยเพื่อมาที่นี่”
ขณะที่เขาพูดก็แหงนหน้าขึ้นมองพระราชวังภาพลวงตาตรงขอบฟ้านั่น
“หากพวกเขาได้เห็นภาพเหตุการณ์นี้ เกรงว่าจะยิ่งยุ่งยากขึ้น”
เรื่องเช่นนี้นับว่าเป็นครั้งแรกในรอบหมื่นปี ใครจะไม่คิดเข้าไปประตูแดนสวรรค์เพื่อหาคำตอบกันเล่า
แม้ว่าทะเลทรายจันทราสีชาดจะอยู่นอกอาณาจักรเสิ่นซวี่ แต่เห็นได้ชัดว่าพระราชวังแห่งนั้นเป็นการมีอยู่ที่ไม่ปกติธรรมดา
ขณะที่นางเม้มริมฝีปากความคิดนับไม่ถ้วนก็ผุดขึ้นมาในหัวของนาง
ความวิตกกังวลเหล่านี้ของอี้เจา นางย่อมเข้าใจอย่างแน่นอน
แต่…
เรื่องที่เกิดขึ้นเหล่านี้ช่วงบังเอิญเกินไป ไม่รู้ว่ามีส่วนเกี่ยวข้องกับพี่เป่าและพวกเขาหรือไม่
โหมวเจินหรี่ตาลง และมีบางสิ่งไม่รู้ว่าพูดออกมาดีหรือไม่
“จื่อเฉินและคนอื่นๆ ก็อยู่ในพระราชวังนี้หรือไม่”
จากคำพูดของฉู่หลิวเยว่เมื่อครู่ ดวงตาที่แปลกประหลาดอย่างมากนั้นไม่สามารถออกจากทะเลทรายจันทราสีชาดนี้ไปได้
หลังจากพาถวนจื่อและจื่อเฉินไป พระราชวังก็เกิดเหตุการณ์ประหลาดเช่นนี้ ย่อมทําให้ผู้คนคิดถึงสิ่งเหล่านี้อย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้
ฉู่หลิวเยว่ครู่คิดอย่างหนักครู่หนึ่งพลางเอ่ยขึ้น
“ต่อให้คาดเดาอยู่ที่นี่ก็ไม่มีประโยชน์ ไม่สู้ไปดูให้เห็นกับตาตนเองสักหน่อย!”
นางเต็มไปด้วยความสงสัยเกี่ยวกับพระราชวังที่ปรากฏขึ้นมาอย่างกะทันหัน จึงคิดที่จะเข้าไปตรวจสอบ
หากยังสามารถหาถวนจื่อกันจื่อเฉินได้เจอ ก็ไม่มีอะไรดีไปกว่านี้อีกแล้ว
ในดวงตาหงส์ที่คมเข้มของหรงซิวได้ผ่านความเย็นชาไปอย่างรวดเร็ว
เมื่อเห็นคนที่เข้ามา ฉู่หลิวเยว่ก็รู้สึกประหลาดใจพลางพูดขึ้น
“เฉินอี เสี่ยวโจว?”
เฉินอีก้าวไปข้างหน้าและทำความเคารพ
“คารวะนายท่าน”
จากนั้นเขาแหงนหน้าขึ้นเล็กน้อย จึงมองเห็นอี้เจากับโหมวเจินที่ด้านหลังของฉู่หลิวเยว่
ร่อยรอยของความบังเอิญเอ่อล้นออกมาจากสายตาของเขา กลับหายไปอย่างรวดเร็ว
และเขาทำความเคาระทั้งสองคนด้วยความเคารพและเกรงใจ
“คารวะผู้อาวุโสทั้งสอง”
เชียงหว่านโจวอยู่ด้านหลังเขา และเงียบขรึมไม่พูดจา
สายตาของฉู่หลิวเยว่กวาดมองทั้งร่างของเขารอบหนึ่ง
“พวกเจ้ามาได้อย่างไร”
เฉินอีชะงักไปครู่หนึ่ง
“หลังจากที่พระองค์ออกจากท่าเรือดอกท้อ ข้าน้อยก็กังวลใจอยู่ตลอด หลังจากคิดวนไปวนมา จึงต้องการมาหาคำตอบที่แท้จริง”
คำพูดนี้เลอะเลือนอยู่บ้าง แต่ฉู่หลิวเยว่ก็ไม่ได้ซักถามอะไร
เฉินอีเป็นผู้มีพลังมากที่สุด โดยเฉพาะหลังจากการเกิดใหม่ในเวลานั้น เขายิ่งเป็นห่วงความปลอดภัยของนางมากขึ้นและรับรู้ได้ถึงความผิดปกติ จึงมาถึงที่นี่ก็นับว่าเป็นเรื่องปกตินัก
เพียงแต่ฉู่หลิวเยว่คาดไม่ถึงว่า เขาจะพาเชียงหว่านโจวมาด้วย
แม้ว่าสองคนนี้จะรู้จักกัน แต่ก็ไม่ได้คุ้นเคยกันมากนัก
เฉินอีไม่ได้พาคนอื่นของสิบสามเยว่มาด้วย แต่กลับพาเชียงหว่านโจว มาคนเดียว…ดูค่อนข้างผิดปกติจริงๆ
แต่ก็ไม่ใช่เวลาที่จะถามคำถามเช่นนี้
นางพูดขึ้น
“วางใจเถอะ พวกข้าไม่เป็นอันใด นับตั้งแต่ถวนจื่อกับจื่อเฉิน…หายตัวไป แต่พวกเจ้ามาได้เวลาพอดี พวกข้าวางแผนจะไปดูที่นั่นหน่อย บางทีอาจะเจอพวกเขา”
เฉิงอีกับเชียงหว่านโจวมองตามสายตาของนางไป ขอบฟ้าที่ห่างไกล พระราชวังลึกลับกว้างใหญ่ตั้งตระหง่าอยู่ระหว่างสวรรค์และโลก ได้ปรากฏขึ้นในตาของทั้งสองคน
เพราะเขาหันหลัง ฉู่หลิวเยว่จึงมองไม่เห็นแววตาของเฉินอีเปลี่ยนไปในชั่วพริบตา
เมื่อหันกลับมามองฉู่หลิวเยว่อีกครั้ง สีหน้าของเขากลับมาเป็นปกติดังเดิม
เฉิงอีมีท่าทางลังเลและเอ่ยถามขึ้น
“นายท่าน สถานที่แห่งนั้นดูแล้วอันตรายอย่างมาก แต่ไม่รู้แน่ชัดว่ามีอันตรายอันใด…ท่านจะไปจริงๆ หรือ”
ฉู่หลิวเยว่เหลือบมองเขาอย่างประหลาดใจ
นี่ไม่ใช่วันแรกที่เฉิงอีติดตามนางไป หลายปีมานี้สถานที่อันตรายแบบใดที่นางไม่เคยไป? อันตรายระหว่างความเป็นและความตายยิ่งไม่รู้ว่าเคยพบเจอมามากเท่าใด
เหตุใดจู่ๆ เขาจึงถามเช่นนี้
นางพยักหน้าด้วยสีหน้านิ่งเฉย
“บางทีนี่เป็นโอกาสเดียวที่สามารถตามหาถวนจื่อกับจื่อเฉินกลับมาได้”
นางจำเป็นต้องไป!
เฉิงอีมองนางครู่หนึ่งและก้มตัวลงอย่างรวดเร็วพลางพูดขึ้น
“ขอรับ เช่นนั้นข้าน้อยก็จะไปพร้อมกับท่านด้วย”