ยอดหญิงลิขิตสวรรค์ - ตอนที่ 2112 พันธนาการ
………………..
หลังจากที่เฉินอีถามประโยคนั้น กลับไม่ได้ขัดขวางแต่ตอบโต้โดยตรงจึงไม่เหมือนกับที่ฉู่หลิวเยว่คาดการณ์ไว้
ดูเหมือนประโยคเมื่อครู่นี้ ทว่าเป็นเพียงคำพูดที่ออกมาจากความกังวลและเคยชินเท่านั้น
ฉู่หลิวเยว่เข้าใจเฉินอีเป็นอย่างดี
แต่ไหนแต่ไรมาเขาไม่เคยพูดเรื่องไร้สาระ
ในเวลานี้เมื่อเขาพูดเช่นนี้ ฉู่หลิวเยว่ก็คร้านที่จะเอ่ยถาม
สิ่งที่สำคัญที่สุด จะต้องตรวจสอบให้แน่ชัดเสียก่อนว่าเกิดอะไรขึ้นที่นั่นกันแน่
นางพยักหน้าเบาๆ และพูดขึ้นว่า
“…ระวังทุกสิ่งก็พอ”
หลังจากพูดจบก็เดินไปข้างหน้า
ทันทีที่ก้าวไปหนึ่งก้าว ก็มีคนเข้ามาใกล้ตัวนาง
หรงซิวเดินไปข้างๆ นางและจับมือของนางไว้
ทำให้ฉู่หลิวเยว่รู้สึกสบายใจพลางยกมุมปากโค้งงอขึ้นเล็กน้อย
กลุ่มคนจึงมุ่งหน้าเข้าไปในพระราชวังแห่งนั้นเช่นนี้
เชียงหว่านโจวจ้องมองไปที่พระราชวังนั่นจนรู้สึกปวดหัวขึ้นเล็กน้อย
เขานวดขมับไปมา และกดสิ่งเหล่านี้เอาไว้และตามขึ้นไปอีกครั้ง
…
คนเหล่านี้ล้วนมีพลังที่แข็งแกร่งนัก ดังนั้นระดับความว่องไวจึงรวดเร็วอย่างมาก
ถึงอย่างไรแม้จะมองดูว่าใกล้แต่กลับห่างไกลยิ่งนัก ผ่านไปหนึ่งชั่วยาม ฉู่หลิวเยว่จึงพบว่าระยะทางระหว่างพวกเขากับพระราชวังแห่งนั้น แทบจะเหมือนกับก่อนหน้านี้ แต่กลับไม่สามารถมองเห็นการเปลี่ยนแปลงอะไรได้ด้วยตาเปล่า
เนินทรายทอดยาวสลับขึ้นลงแต่ละลูกจนสุดลูกหูลูกตา นอกจากจะถูกแผดเผาด้วยทรายที่ร้อนระอุ สิ่งอื่นใดนั้นล้วนไม่มี
ฉู่หลิวเยว่ดูตำราเกือบจะทั้งหมดในพระราชวังเทียนลิ่ง แต่เนื้อหาที่เคยเห็นกลับมีน้อยนัก
สำหรับตำราในอาณาจักรเสิ่นซวี่ยิ่งไม่ต้องพูดถึง เพราะไม่ได้เกี่ยวข้องกับที่แห่งนี้เลยแม้แต่น้อย
แม้ว่าในเวลานี้นางจะใช้สมองอย่างหนัก แต่ก็คิดไม่ออกว่าพระราชวังแห่งนี้เป็นการมีอยู่อย่างไรกันแน่
เมื่อคิดไปคิดมาแต่ไม่มีคำตอบ นางจึงบีบมือหรงซิวเบาๆ และเอ่ยถามขึ้นด้วยเสียงทุ้มต่ำ
“หรงซิว เจ้ารู้ใช่หรือไม่ว่าเกิดอันใดขึ้น”
หรงซิวชะงักไปชั่วครู่พลางส่ายหน้า
ฉู่หลิวเยว่รู้สึกผิดหวังเล็กน้อย
“แม้แต่เจ้าก็ไม่รู้หรือ…”
ในความเข้าใจของนาง หรงซิวรู้แทบทุกสิ่งทุกอย่าง
เขารู้ความลับมากมายที่โลกภายนอกไม่เคยได้ยินมามาก่อน และมักจะรู้ทุกสิ่งอย่างกระชัดจ่างชัด
เดิมทีนางคิดว่าสามารถถามอะไรบางอย่างจากเขาได้
หรงซิวเหลือบมองนางครู่หนึ่ง
นางเลิกคิ้วขึ้นเล็กน้อย ขนตาหนายาวของนางสั่นเบาๆ
เห็นได้ชัดว่าเรื่องนี้ทำให้นางมึนงงสับสนอย่างมาก
เขาพูดขึ้นว่า
“บางที…เมื่อถึงเวลาก็จะรู้”
ฉู่หลิวเยว่พยักหน้า
ทันใดนั้นนางชะงักฝึกเท้าลงและมองไปทางขวาตรงด้านหน้า
มีหลายเงาร่างปรากฏขึ้นในทันใด
ฉู่หลิวเยว่มองเห็นเงาร่างที่ค่อนข้างคุ้นเคย
และคนกลุ่มนั้นก็สังเกตเห็นการมีอยู่ในคณะเดินทางของฉู่หลิวเยว่อย่างรวดเร็ว
ฉู่หลิวเยว่พูดขึ้นด้วยรอยยิ้ม
“ศิษย์พี่รุ่ยเออร์ ไม่ได้พบกันนาน”
คนเหล่านี้มาจากเฟยซิงเหมิน และสตรีที่เป็นผู้นำก็คือ ชือรุ่ยเออร์
เมื่อชือรุ่ยเออร์เดินเข้ามาอย่างรวดเร็ว ก็ได้ยินคำพูดของฉู่หลิวเยว่จนใบหน้าของนางแดงขึ้นในทันทีและพูดขึ้น
“พวกเราเข้าสำนักเกือบจะพร้อมๆ เสียงนี้ของศิษย์พี่ ข้ามิกล้ารับ”
อันที่จริงพวกนางไม่ได้คุ้นเคยกันมาก่อน แต่หลังจากฉู่หลิวเยว่ช่วยชีวิตนางไว้ ในใจของชือรุ่ยเออร์รู้สึกขอบคุณนางยิ่งนัก และสนิทกับนางอย่างมากมาโดยตลอด
“จริงสิ เรื่องรายการสมุนไพรเมื่อก่อน ข้ายังไม่ได้ขอบคุณเจ้าเลย”
ทันใดนั้นชือรุ่ยเออร์ก็นึกอะไรบางอย่างขึ้นมาจึงพูดขึ้น
สิ่งที่นางพูดคือคำสัญญาของฉู่หลิวเยว่ที่จะทำเรื่องการค้าสมุนไพรกับเฟยซิงเหมิน
ในตอนแรกนางยังไม่เข้าใจ หลักจากได้ถามจึงได้รู้ว่ามีตระกูลชั้นสูงมากมายต้องการสร้างความสัมพันธ์กับท่าเรือดอกท้อ แต่ฉู่หลิวเยว่กลับรับรายการในไม่กี่ตระกูลเท่านั้น
เฟยซิงเหมินก็เป็นหนึ่งในนั้น
“เมื่อก่อนข้าคิดอยู่ตลอดว่าหากมีโอกาสจะต้องเข้ามาขอบคุณด้วยตนเอง แต่คิดว่าช่วงนี้พวกเจ้าน่าจะไม่มีเวลามากมายเช่นนั้น จึงได้แต่เก็บเรื่องนี้ไว้ก่อน คิดไม่ถึงว่าจะมีโอกาสได้มาพบพวกเจ้าที่นี่”
ชือรุ่ยเออร์อธิบายขึ้น
อาณาจักรเสิ่นซวี่ทั้งหมดต่างรู้ว่าฉู่หลิวเยว่เป็นผู้ครอบครองท่าเรือดอกท้อและก่อตั้งจวนเยว่
บัดนี้แม้แต่ผู้คนในตระกูลขุนนางชั้นสูงเหล่านั้น เมื่อได้พบนางต่างก็เรียกนางว่า “นายท่านเยว่” ด้วยความเคารพนับถือ
ชือรุ่ยเออร์จ้องมองฉู่หลิวเยว่ที่อยู่ตรงหน้า และถอนหายใจลึกๆ อยู่ในใจ
ใครจะคิดว่าในช่วงเวลาอันสั้นนี้ นางจะกลายเป็นคนที่สร้างเหตุการณ์วุ่นวายได้เช่นนี้
แม้ว่านางจะรู้มานานแล้วว่าฉู่หลิวเยว่ ไม่ใช่คนที่ทะเยอทะยานมักทำการใหญ่ แต่ความว่องไวและความกล้าหาญ ยังคงทำให้นางประหลาดใจอย่างมาก
ชือรุ่ยเออร์กะพริบตาไปมาและพูดขึ้น
“พวกข้ามาที่นี่ ย่อมเหมือนกันกับพวกเจ้า!”
ฉู่หลิวเยว่ตะลึงงันไปชั่วครู่ จากนั้นจึงตอบโต้กลับอย่างรวดเร็ว
“ที่เจ้าพูด…เป็นเพราะการปรากฏตัวของประตูแดนสวรรค์ใหม่ใช่หรือไม่”
“ใช่สิ!”
เมื่อชือรุ่ยเออร์พูดเช่นนี้จึงได้เข้าใจอะไรบางอย่างขึ้น
“พวกเจ้า…ไม่ใช่?”
ฉู่หลิวเยว่พูดด้วยรอยยิ้มอย่างอดไม่ได้
“พูดตามตรง พวกข้าอยู่ที่นี่มานานกว่าครึ่งเดือนแล้ว เรื่องของประตูแดนสวรรค์ พวกข้าก็เพิ่งจะรู้เช่นกัน”
ชือรุ่ยเออร์พยักหน้าอย่างชัดเจน
ใช่แล้ว เดิมทีฉู่หลิวเยว่มีชาติกำเนิดนอกอาณาจักรเสิ่นซวี่
“นี่ช่างบังเอิญนัก!”
ชือรุ่ยเออร์ยิ้มที่มุมปากด้วยความตื่นเต้นอยู่หลายส่วนในคำพูดนั้น
“การเดินทางครั้งนี้ที่พวกข้ามานับว่าคุ้มค่าอย่างมาก!”
“อืม? นี่หมายความว่าอันใด”
ชือรุ่ยเออร์พูดขึ้นด้วยสีหน้าประหลาดใจ
“เจ้ายังไม่รู้หรือ ข่าวของอาณาจักรเสิ่นซวี่ได้แพร่สะพัดไปทั่ว! ทุกคนต่างพูดว่า เบื้องหลังประตูแดนสวรรค์ที่เปิดใหม่นี้ ได้ปกปิดความลับพันธนาการในการทะลวงขั้นระดับเทพศักดิ์สิทธิ์ไว้!”
ฉู่หลิวเยว่ขมวดคิ้วขึ้น
“เจ้าพูดอันใดน่ะ”
ชือรุ่ยเออร์ชี้ไปที่พระราชวังที่ขอบฟ้า
ขณะที่พวกเขาเพิ่งจะมาถึงที่นี่ นางก็สังเกตเห็นแล้ว
“เจ้าดูสิ! ได้ยินมาว่าความลับถูกซ่อนอยู่ในพระราชวังนั่น! เจ้าก็น่าจะรู้ว่าในอาณาจักรเสิ่นซวี่ตลอดหมื่นปีไม่มีผู้ใดก้าวข้ามธรณีประตูนั่นไปได้ ทว่าครั้งนี้ประตูแดนสวรรค์ที่ปราฏออกมา! ไม่เพียงแต่พวกเราเท่านั้น บัดนี้ยังมีผู้ฝึกตนจำนวนนับไม่ถ้วนจากอาณาจักรเสิ่นซวี่กำลังมาที่นี่!”