ยอดหญิงลิขิตสวรรค์ - ตอนที่ 2114 ความเป็นและความตาย
ตอนที่ 2114 ความเป็นและความตาย
………………..
หัวใจของฉู่หลิวเยว่เหมือนถูกกระแทกอย่างแรงด้วยบางสิ่ง จนเลือดที่อยู่ในร่างราวกับแข็งตัวไปชั่วขณะ!
การรับรู้นี้ลึกซึ้งอย่างมาก
แสงรัศมีที่เปล่งประกายแบบเดียวกัน คนธรรมดาทั่วไปมิอาจแยกออกได้ว่าเหมือนหรือต่างกันอย่างไร
แต่ฉู่หลิวเยว่กลับต่างออกไป
นางเป็นนายของโล่ผสานนภา แรกเริ่มนางเป็นผู้เคลื่อนย้ายไฟป่าใต้ท่าเรือดอกท้อด้วยตนเอง ทำให้รอยสนิมหลุดออกไป
ฉากของแสงที่ลอยขึ้นมาปกคลุมโลกและสวรรค์ ราวกับภาพเหตุการณ์ในอดีตที่เกิดขึ้นอีกครั้ง
ไม่มีใครจำได้กระจ่างชัดกว่านาง และก็ไม่มีใครคุ้นเคยได้ดีไปกว่านางอีกแล้ว
ในตอนแรกนางไม่ได้สังเกตุเห็น แต่ขณะนั้นโล่ผสานได้เคลื่อนไหวขึ้นในทันที นางจึงก็รับรู้ได้ว่าแสงสว่างด้านบนนั้นเหมือนกับแสงสีขาวที่อยู่รอบๆ พระราชวังแห่งแทบจะทั้งหมด!
พลังปราณแบบนั้น…นางไม่มีทางจำผิดอย่างแน่นอน!
“เยว่เออร์?”
ฉู่หลิวเยว่หยุดฝีเท้าลงอย่างกะทันหัน คนในกลุ่มเดินทางต่างหันกลับไปมอง
หรงซิวเรียกนางขึ้นเบาๆ
ฉู่หลิวเยว่กลับมามีสติในทันที นางเงยหน้าขึ้นอีกครั้งและจ้องมองทางข้างหน้า
มิน่า…ในพระราชวังนั่นมีความลับที่เกี่ยวกับโล่ผสานนภาซ่อนอยู่ใช่หรือไม่
ในตอนแรกซูหลีเคยพูดไว้ว่า เมื่อโล่ผสานนภาปรากฏขึ้นอย่างกะทันหัน และร่วงหล่นที่ท่าเรือดอกท้อ
ไม่มีใครรู้ที่มาของมัน และไม่มีใครรู้ทั้งหมดเกี่ยวกับมัน
“จู่ๆ ข้าก็แค่คิดเรื่องอันใดบางอย่างขึ้น”
ฉู่หลิวเยว่ส่ายหัว เพื่อแสดงออกว่าตนเองสบายดี นางหายใจเข้าลึกๆ และมุ่งหน้าเดินต่อไป
เพียงแต่ก้าวเร็วขึ้นกว่าเดิมเล็กน้อย
แสงสว่างสลัวได้แวบผ่านเข้ามาในดวงตาคู่ลึกนั่น และเมื่อเงยหน้าขึ้นอีกครั้ง เขากลับยังมีสีหน้าปกติดังเดิม
ส่วนเล็กน้อยนี้กลับไม่ได้ดึงดูดความสนใจของทุกคน
…
เวลาผ่านไปอีกสามวัน
ทั่วทั้งทะเลทรายคนที่มุ่งหน้าไปที่พระราชวังนั่น มีจำนวนมากถึงสี่สิบหรือห้าสิบคน
นอกจากตระกูลขุนนางชั้นสูงเหล่านั้นแล้ว ยังมีกลุ่มที่กำลังอ่อนแอบางกลุ่มก็มาด้วย
นอกจากนี้ยังมีแม้กระทั่งคนเดียวที่เข้ามาเพียงลำพัง
เห็นได้ชัดว่าประตูแดนสวรรค์ที่เปิดใหม่ มีพลังดึงดูอย่างมากต่อผู้ฝึกฝนทุกแห่งในอาณาจักรเสิ่นซวี่
แม้ไม่อาจทำสำเร็จ แต่ก็ยังดีที่ได้มาเห็นกับตาตนเอง
อีกอย่างเรื่องโชคดีเช่นนี้ คงยากที่จะพูดได้จริงๆ
บางทีโชคที่ตกลงมาจากฟ้า อาจไปโดนใครบางคนเข้าพอดี?
และหลังจากการเดินทางอย่างหนักหน่วงมาอย่างยาวนาน ระยะห่างระหว่างทุกคนกับพระราชวังแห่งนั้นก็ลดลงในที่สุด
เพียงแต่น่าเสียดายที่มีหมอกสีขาวปกคลุมอยู่ นอกจากสามารถแยกรูปร่างได้แล้ว ส่วนอื่นๆ ก็ไม่อาจมองเห็นได้อย่างชัดเจน
หลังจากที่โล่ผสานนภาก่อเกิดคลื่นความผันผวนขึ้น เมื่อระยะของฉู่หลิวเยว่ยิ่งเข้าใกล้ด้านนั้นมากขึ้นเท่าไร ขอบข่ายของความผันผวนก็ยิ่งรุนแรงมากขึ้นเท่านั้น
มาถึงตอนนี้ฉู่หลิวเยว่มั่นใจอย่างยิ่งว่า โล่ผสานนภาต้องมีความสัมพันธ์ใกล้ชิดกับสิ่งนั้นเป็นแน่!
…
ห้าวันต่อมา ในที่สุดทุกคนก็มาถึงหน้าพระราชวังเสียที!
แต่ในเวลานี้ทุกคนได้เห็นอย่างชัดเจนว่าพระราชวังแห่งนี้ลอยอยู่กลางอากาศ!
ส่วนข้างล่างของมันอยู่ห่างจากใต้ทะเลทรายและยังอยู่สูงอย่างมาก
เพียงเพราะว่าเมื่อก่อนทุกคนอยู่ห่างไกล และมีเนินทรายทอดยาวขึ้นลงจนบดบังสายตา จึงไม่อาจเห็นมันได้
ตัวอักษรที่อยู่บนป้ายถูกปิดปังเอาไว้อย่างแน่นหนา
“ความลับนั้นนซ่อนอยู่ในพระราชวังแห่งนี้จริงหรือ”
เสียงที่ดังมาจากกลุ่มคน เต็มไปด้วยความตื่นเต้นดีใจบางส่วน
ทุกคนมองไปข้างหน้าด้วยสีหน้าประหลาดใจ แต่ความตื่นเต้นและความอยากรู้อยากเห็นในแววตากลับเหมือนกัน
ไม่ง่ายนักที่จะมาถึงสถานที่แห่งนี้ได้ หากไม่มีแม้แต่ความทะเยอทะยานและความคาดหวัง เห็นได้ชัดว่าคงมิอาจเป็นไปได้
เพียงแต่ตอนนี้มีคนมากันมากมายเช่นนี้ ใครมาก่อนมาหลัง กลับกลายเป็นปัญหาเสียแล้ว
ชือรุ่ยเออร์ขยับไปใกล้ฉู่หลิวเยว่และพูดขึ้น
“เยว่เอ๋อร์ พวกเจ้าเป็นคนแรกที่มาถึงที่นี่ และทะเลทรายจันทราสีชาด ก็เป็นอาณาเขตของราชวงศ์เทียนลิ่งของเจ้า เช่นนี้เจ้ามีคุณสมบัติเหมาะสมที่สุดที่ได้เข้าไปก่อนจริงหรือไม่”
นางจงใจเพิ่มเสียงให้ดังขึ้นอีกเล็กน้อยในขณะที่พูด เพื่อต้องการให้คนอื่นที่อยู่ในที่นี้ได้ยิน
หลังจากพูดจบ ก็เกิดความวุ่นวายขึ้นในกลุ่มคน
พวกเขาล้วนไม่รู้ว่า ฉู่หลิวเยว่กับทะเลทรายแห่งนี้ยังมีความสัมพันธ์เช่นนี้อยู่
หากเป็นเช่นนี้จริงๆ ก็ควรเป็นพวกเขาที่เข้าไปเป็นคนแรก
มีบางคนที่ต้องการถามคำถามสักสองสามคำ แต่หลังจากเห็นหรงซิวและคนอื่นๆ ก็เลือกที่จะปิดปากเงียบเอาไว้
ฉู่หลิวเยว่พยักหน้า จากนั้นจึงมองไปรอบๆ และพูดขึ้น
“หากทุกท่านไม่มีข้อโต้แย้ง ข้าเป็นคนนำเข้าไปก่อน”
แม้ว่าจะฟังดูเป็นน้ำเสียงที่ข้อคำแนะนำ แต่หลังจากพูดจบ นางจึงก้าวขามุ่งตรงไปข้างหน้า
ทุกคนต่างพูดอะไรไม่ออก
เดิมทีเจ้าก็ไม่ได้คิดจะให้คนอื่นมาก่อน และยังจะถามอะไรอีก
แท้จริงแล้วฉู่หลิวเยว่ไม่ได้สนใจคำสั่งนี้ตั้งแต่แรกเริ่มแล้ว
แต่เมื่อพิจารณาถึงโล่ผสานนภา นางจึงตัดสินใจที่จะคว้าโอกาสนี้ไว้เป็นคนแรก
เธอก้าวไปข้างหน้าทีละก้าวทีละก้าว และกำลังจะก้าวไปถึงหน้าประตูหินนั่น
อย่างไรก็ตามในขณะนี้ จู่ๆ ก็มีร่างหนึ่งหนีออกมาจากพื้นที่ลาดเอียง และแย่งไปอยู่ด้านหน้าฉู่หลิวเยว่!
ดวงตาของฉู่หลิวเยว่เรียบเย็น ขณะที่คิดจะลงมือ ความไม่สบายใจกลับพลุ่งพล่านขึ้นมาในใจอย่างกะทันหัน
เธอบินขึ้นไปโดยไม่ลังเลและถอยหลังไป!
ทว่าคนผู้นั้นก็รีบพุ่งไปทางประตูหิน!
ปัง!
ทันใดนั้นค่ายกลโปร่งใสก็ปรากฏขึ้น!
คนผู้นั้นไม่ตอบโต้แม้แต่น้อย เมื่อรับรู้ได้ถึงอันตรายและความตื่นตระหนก จึงคิดที่จะถอนตัว แต่มันก็สายเกินไปเสียแล้ว!
เขาชนเข้ากับค่ายกลนั่นอย่างแรง
ที่น่าแปลกก็คือ การโจมตีนี้กลับไม่มีเสียงดังขึ้นแต่อย่างใด
แต่ต่อมาทุกคนก็เห็นเหตุการณ์นองเลือดที่โหดร้ายขึ้น
ร่างของชายคนนั้นสั่นไปมาและเขาอาเจียนออกมาเป็นเลือด แต่ร่างกายกลับไม่ได้พุ่งออกไป เพราะพลังสะท้อนกลับนี้ อีกทั้งยังติดอยู่ในค่ายกลที่แน่นหนา
จากนั้นระลอกคลื่นบางๆ ก็พุ่งขึ้นมาเหนือค่ายกล
ระลอกคลื่นค่อยๆ คลื่นผ่าน ทั้งทำลายและกลืนกินคนผู้นั้นทีละน้อยๆ
ร่างของเขาค่อยๆ หายไปต่อหน้าทุกคนที่ตื่นตกใจด้วยความหวาดกลัว
สุดท้ายเมื่อมุ่งตรงไป กลับไม่เหลือร่องรอยเอาไว้แม้แต่น้อย
ลมร้อนระอุในทะเลทรายพัดพามาด้วยทรายหยาบๆ
ระลอกคลื่นหายไปอย่างเงียบๆ และค่ายกลนั่นก็กลับมามีรูปร่างที่โปร่งแสงดังเดิม และหลบซ่อนตัวหายไปอย่างไร้ร่องรอยในที่สุด
ทุกอย่างผ่านไปชั่วพริบตา!
ความพยายามในชั่วพริบตาชีวิตที่สดใสก็หายไป! และยังไม่หลงเหลือแม้แต่กระดูก!
ทุกคนตกอยู่ในความเงียบสงัด
ความตื่นตกใจ ความกลัว และความหวาดหวั่น…
ภาพเหตุการณ์ตรงหน้า ราวกับน้ำเย็นที่ดับความคาดหวังและความปรารถนาอย่างกระตือรือร้นในใจของทุกคน
ในเมื่อต้องการของล้ำค่า ก็ต้องมีชะตากรรมเช่นนั้น!
แต่ในเวลานี้แค่เพียงก้าวไปข้างหน้า และยิ่งเป็นพื้นที่อาณาเขต!
ชือรุ่ยเออร์ตื่นตกใจจนเหงื่อเย็นๆ ไหลท่วมตัว
“ยังดี! ยังดีที่เมื่อครู่เจ้ายังเข้าไป มิเช่นนั้นตอนนี้…”
คนที่ตายก็คือฉู่หลิวเยว่!
อย่างไรก็ตามฉู่หลิวเยว่หยุดพักชั่วครู่ และมุ่งหน้าเดินต่อไป
………………..