ยอดหญิงลิขิตสวรรค์ - ตอนที่ 2118 ช่วยเจ้าเปิดเส้นชีพจร
ตอนที่ 2118 ช่วยเจ้าเปิดเส้นชีพจร
………………..
“เจ้าเป็นใครกันแน่?”
ถวนจื่อกำหมัดกรอดและจ้องไปที่ดวงตาที่ดูน่าอันตรายตรงหน้าตาเขม็ง
ในตอนแรกนางไม่ได้ใส่ใจกับอีกฝ่ายมากนัก แต่คำพูดเมื่อครู่นี้…มีเนื้อหาข้อมูลจำนวนมาก!
คนที่รู้จักชื่อของบรรพบุรุษนั้นมีไม่มาก อีกทั้งน้ำเสียงนั้น…
พรึ่บ!
ลำแสงสีดำพุ่งออกมาอย่างกะทันหัน ทั้งยังคมกริบเหมือนกับมีด เพียงชั่วพริบตาบนแขนของถวนจื่อก็มีแผลหนึ่งปรากฏขึ้นแล้ว!
หยาดเลือดสีแดงพุ่งออกมาด้วยความรวดเร็ว หากมองให้ดีๆ แล้วก็จะสามารถเห็นสีทองจางๆ แฝงอยู่ภายในด้วย
เพียงแต่ว่าสีทองเหล่านั้นมันดูเลือนรางมาก เมื่อผสมเข้ากับสีเลือดเข้มข้นกลับไม่ได้ดูสะดุดตา
นี่คือสัญลักษณ์ของเลือดบริสุทธิ์!
ยิ่งเปิดเส้นชีพจรได้สูงมากเท่าไร สีทองเหล่านั้นก็จะมีความบริสุทธิ์มากขึ้น
ตอนนี้ ถวนจื่อเปิดเส้นชีพจรที่ห้าแล้ว สีทองเหล่านั้นจึงเพิ่งจะปรากฏออกมา
ถวนจื่อตกใจมาก จึงรีบกุมปากแผลของตัวเองอย่างรวดเร็ว!
เห็นได้ชัดว่าเมื่อครู่นี้นางต้องการอยากจะหลบ แต่การโจมตีของอีกฝ่ายนั้นเร็วเกินไป!
ทันใดนั้นไอเย็นยะเยือกก็พุ่งเข้ามาในร่างกายของนางผ่านปากแผลนั้น
ถวนจื่อชะงักไป
เพราะว่าลมปราณนี้เป็นพลังที่บริสุทธิ์มาก
หลังจากพลังนั้นไหลเข้ามาผ่านปากแผลของนาง มันก็แผ่กระจายเข้าทั่วร่างกายของนางอย่างรวดเร็ว พร้อมทั้งหล่อเลี้ยงเส้นเอ็น กล้ามเนื้อ กระดูกและเลือดทุกส่วนในร่างกาย
ถวนจื่อรู้สึกมึนงงมาก
นางคิดว่าอีกฝ่ายจะฆ่านางแล้ว แต่…ตอนนี้มันเกิดเรื่องอะไรขึ้น?
ร่างกายของถวนจื่อเหมือนกับฟองน้ำที่ดูดซับพลังเหล่านั้นอย่างรวดเร็ว
นางสัมผัสได้ว่าลมปราณรอบกายเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง แต่ภายในใจของถวนจื่อกลับไม่สบายใจปรากฏขึ้นมาหลายส่วน
อีกฝ่ายพยายามอย่างหนักที่จะจับนางมา คงไม่ใช่เพื่อมาช่วยนางฝึกฝนแน่นอน
แต่หลังจากนั้นไม่นาน ถวนจื่อก็รู้แล้วว่าความไม่สบายใจเหล่านั้นมาจากที่ใด
พลังเหล่านั้นที่ถ่ายเทเข้ามาอย่างต่อเนื่อง มีจำนวนมากเกินกว่าที่นางจะสามารถรับไหว เวลาค่อยๆ เคลื่อนผ่านไปอย่างเชื่องช้า ร่างกายของนางก็เจ็บปวดไปทั้งร่าง
พรสวรรค์ในการฝึกฝนของนางดีมาก แต่ท้ายที่สุดแล้วนางก็เพิ่งเปิดเส้นชีพจรที่ห้าได้ ในแต่ละด้านล้วนมีข้อห้าม
ถ้ากลืนกินพลังมากเกินไป สำหรับร่างกายของนางแล้วมีแต่โทษไม่มีประโยชน์
ความเจ็บปวดแผ่ขยายทั่วร่างกายของนางอย่างรุนแรงมากขึ้น ถวนจื่อตะโกนขึ้นมาอย่างอดไม่ได้ว่า
“เจ้าคิดจะทำอันใดกันแน่?”
เสียงที่ทั้งแหบพร่าและเย็นชาดังมาจากระยะไกล
“แน่นอนว่า…ข้าจะช่วยเจ้าเปิดเส้นชีพจร”
…
พลังปราณดั้งเดิมภายในร่างกายของฉู่หลิวเยว่ลดลงอย่างรวดเร็ว
เปลวเพลิงภายในหม้อน้ำเทวศักดิ์สิทธิ์ลุกโชนขึ้นมาอีกครั้ง
แสงบนโล่ผสานนภาหม่นแสงลงไปไม่น้อย
หรงซิวเอามือข้างหนึ่งไพล่หลัง ดวงตาของเขาดำมืด
ทันใดนั้นลำแสงหนึ่งก็สว่างวาบ ง้าวว่านเฟิงปรากฏที่กลางฝ่ามือของเขา
พรึ่บ!
เขายกแขนขึ้น ง้าวว่านเฟิงก็พุ่งออกไปด้วยความเร็วสูง!
ฉู่หลิวเยว่เงยหน้าขึ้นมอง จากนั้นนางก็เห็นว่าที่ปลายด้ามของง้าวว่านเฟิงมีเปลวเพลิงสีทองกลุ่มหนึ่งกำลังลุกโชน
ง้าวว่านเฟิงพุ่งตัวออกมาจากทางด้านล่างของโล่ผสานนภา ในตอนนั้นเองลำแสงสีทองที่เป็นหางนั้นก็ถูกตัดขาดทันที!
ดวงตาของฉู่หลิวเยว่สว่างวาบ จากนั้นนางก็เรียกโล่ผสานนภากลับมา!
มันสามารถหลุดออกจากการควบคุมของจัตุรัสหยกดำได้อย่างไม่ทราบสาเหตุ โล่ผสานนภากลับเข้ามาในมือของฉู่หลิวเยว่ด้วยความเร็ว!
ในขณะเดียวกันนั้นเอง ลำแสงภายในหลุมของจัตุรัสหยกดำก็จางหายไปอย่างรวดเร็ว!
ในที่สุดระลอกคลื่นบนโล่ผสานนภาก็สงบลง
ฉู่หลิวเยว่มองโล่ผสานนภาในมือของตัวเอง มันดูมืดดำและเรียบง่าย พร้อมกลับมาอยู่ในสภาพเดิมแล้ว
ทุกอย่างเกิดขึ้นภายในชั่วพริบตา
ฉู่หลิวเยว่ถอนหายใจออกมายาวๆ จากนั้นก็เก็บหม้อน้ำเทวศักดิ์สิทธิ์ลงไป
แต่ว่า นางยังคงถือโล่ผสานนภาเอาไว้ในมือแน่น
พรึ่บ!
นางเรียกกระบี่ชื่อเซียวออกมา
ตอนนั้น ง้าวว่านเฟิงก็กลับมาอยู่ในมือของหรงซิวแล้ว
นางมองทางหรงซิว แววตาของนางมีระลอกคลื่นหนึ่งปรากฏ
คนอื่นอาจไม่รู้ แต่นางรู้ดี เมื่อครู่นี้ตอนที่โล่ผสานนภาหลุดจากพันธนาการ ความจริงแล้วมันไม่ใช่เพราะง้าวว่านเฟิง แต่เป็นเพราะเปลวเพลิงสีทองของหรงซิวต่างหาก!
ตอนที่นางกำลังจะถามออกไป ด้านหลังของนางก็มีเสียงตะโกนขอความช่วยเหลือ
“ชะ…ช่วยด้วย!”
ฉู่หลิวเยว่หันกลับไปมอง และพบว่าชายคนหนึ่งอายุสามสิบกว่ากำลังมองสองมือของตัวเองด้วยใบหน้าตื่นตระหนก
ฉู่หลิวเยว่หันไปมอง จากนั้นก็ต้องชะงักไป
ไม่รู้ว่าเหตุใดบนฝ่ามือทั้งสองข้างของผู้ชายคนนั้นถึงมีรูเลือดขนาดเล็กจำนวนมาก ดูแล้วเหมือนกับเลือดสดๆ กำลังไหลออกมา
บาดแผลแบบนี้ดูไม่สาหัส แต่ประเด็นสำคัญก็คือ…ปากแผลของเลือดเหล่านั้นดูแปลกประหลาดเกินไป!
ฉู่หลิวเยว่หันไปมองผู้พูด นางรู้จักคนนั้น เหยาปิน ท่านอ๋องจากมณฑลแห่งแสงอินทนิล
พวกเขาเคยคุยกันอยู่บ้างตอนที่อยู่ฝางโจว ดังนั้นนางจึงจำอีกฝ่ายได้เป็นอย่างดี
เหยาหลินตื่นตระหนกหวาดกลัว น้ำเสียงของเขาสั่นเครือ
“พะ…พลังแห่งสวรรค์และโลกของที่นี่มีปัญหา! พี่ใหญ่! หรือว่าพวกเจ้าไม่รู้สึกเลย อาศัยแค่พละกำลังของพวกเรา เดิมทีไม่สามารถขวางกั้นการถ่ายเทของพลังเหล่านั้นไม่ใช่หรือ”
ในตอนแรกทุกคนยังไม่เข้าใจว่าเขาหมายถึงอะไร แต่หลังจากทดลองด้วยตัวเองแล้ว หน้าของพวกเขาก็เปลี่ยนสีไปทันที
“ไม่ถูกต้อง! เหมือนว่าจะไม่สามารถขวางกั้นพลังเหล่านี้ได้จริงๆ!”
“ข้าเองก็เหมือนกัน!”
“เหตุใดถึงเป็นเช่นนี้ หากเป็นเช่นนี้ต่อไป พวกเราต้องตกอยู่ในอันตรายแล้วไม่ใช่หรือ”
กลุ่มคนตื่นตระหนกขึ้นมาในทันที
ร่างกายของผู้ฝึกตนก็เหมือนกับภาชนะใบหนึ่ง ความแข็งแกร่งของแต่ละคนก็เหมือนกับภาชนะที่แตกต่างกัน ปริมาณที่ภาชนะเหล่านั้นจะรับพลังแห่งสวรรค์และโลกได้นั้นก็ไม่เท่ากัน
หากเกินขีดจำกัด ร่างกายของผู้ฝึกตนก็จะไม่สามารถทนรับได้ จนได้รับบาดเจ็บ
สถานเบาก็แค่ได้รับบาดเจ็บ สถานหนักถึงขั้นระเบิดตัวตาย!
หลังจากที่เหยาหลินมาถึงที่นี่ เมื่อเขาสัมผัสได้ถึงพลังแห่งสวรรค์และโลกที่อุดมสมบูรณ์ ในตอนแรกเขาก็รู้สึกตื่นเต้นยินดีมาก และเริ่มดูดกลืนมันลงไปอย่างบ้าคลั่ง
แต่ในตอนที่เขาอยากจะหยุดมัน เขากลับพบว่าเขาไม่สามารถควบคุมพลังเหล่านี้ได้อีกต่อไปแล้ว!
และในตอนนี้ ร่างกายของเขาก็ได้รับพลังเกินขีดจำกัดแล้ว!
เพราะว่าไม่สามารถทนรับพลังได้อีกต่อไป พลังเหล่านั้นจึงล้นเอ่อ และระเบิดออกเป็นรูเลือดบนสองฝ่ามือของเขา
แต่อย่างไรก็ตาม พลังแห่งสวรรค์และโลกที่อยู่โดยรอบยังคงถ่ายเทเข้าไปในร่างกายของเขาอย่างต่อเนื่อง!
สถานการณ์เริ่มย่ำแย่มากขึ้น หากเป็นเช่นนี้ต่อไป อีกไม่นานร่างกายของเขาจะต้องระเบิดแน่นอน!
เมื่อตระหนักถึงเรื่องนี้ เหยาหลินจะไม่ตื่นตระหนกได้อย่างไร?
หลังจากนั้นไม่นาน คนอื่นๆ ก็ตกอยู่ในสถานการณ์เดียวกันกับเขา
เหยาปินรีบวางค่ายกลล้อมตัวของเหยาหลินไว้ เขาต้องการจะใช้วิธีนี้เพื่อกันพลังเหล่านั้นให้อยู่แค่ด้านนอก
แต่หลังจากนั้นเขาก็พบว่า วิธีนี้มันไม่ได้ผล
เพราะว่าค่ายกลของเขาไม่สามารถขวางกันพลังเหล่านั้นได้เลย!
ภายในระยะเวลาสั้นๆ บาดแผลเหล่านั้นก็ลุกลามไปทั่วสองแขนของเหยาหลิน
บริเวณแขนเสื้อเต็มไปด้วยคราบเลือด
เหยาปินตัดสินใจทันทีว่า
“ตอนนี้ข้าจะส่งเจ้าออกไปก่อน!”
ขอเพียงแค่ออกไปจากที่นี่ ทุกอย่างก็จะเรียบร้อย!
เหยาหลินรีบขยับหน้า แล้วต้องการจะหมุนตัวออกไป
ในขณะที่เขากำลังจะหันหลังกลับ เขาก็ต้องชะงักตัวกึก
ประตูหินที่ตั้งตระหง่านปิดไปตั้งแต่เมื่อไรไม่ทราบ!
………………..