ยอดหญิงลิขิตสวรรค์ - ตอนที่ 2121 เจ้าประเมินตนเองสูงเกินไปแล้ว
ตอนที่ 2121 เจ้าประเมินตนเองสูงเกินไปแล้ว
………………..
คำพูดนี้ราวกับน้ำเย็นที่ไหลลงสู่ในใจของทุกคน ทำให้หลายคนสงบลงทันที
ใช่นะสิ!
ตามที่ชือรุ่ยเออร์กล่าวไว้ พลังบางส่วนในร่างกายนางถูกดูดเข้าไปในเมล็ดพันธุ์ศักดิ์สิทธิ์ แต่ใครจะรับประกันได้ว่าต่อไปฉู่หลิวเยว่จะทำอะไรอีก
หากนางต้องการมากกว่านี้ล่ะ?
หากนางใช้ประโยชน์จากเมล็ดพันธุ์ศักดิ์สิทธิ์นี้ ในการยึดครองพลังอำนาจของทุกคนล่ะ?
เมื่อถึงเวลาหากคิดจะแก้ไขปัญหานี้อีกครั้ง ก็คงยากเสียแล้ว!
ฉู่หลิวเยว่เงยหน้าขึ้นเล็กน้อย และมองตามเสียงนั้นไป
ผู้พูดเป็นหญิงสางที่ดูเหมือนอายุยี่สิบต้นๆ นางสวมชุดสีฟ้า มีใบหน้างดงามและมีรูปร่างสูงสง่า
เพียงแต่น่าเสียดายที่ท่าทางของนางดุร้าย ในดวงตาที่มองฉู่หลิวเยว่ ก็ยิ่งเผยให้เห็นความขุ่นเคืองอยู่หลายส่วน ทำให้เธอดูดุร้ายขึ้นเล็กน้อย
ฉู่หลิวเยว่หรี่ตาลงเล็กน้อย
สตรีผู้นี้นางไม่รู้จักและไม่เคยเห็นมาก่อน
ชือรุ่ยเออร์ ก้าวไปข้างหน้าหนึ่งก้าวและพูดเสียงเย็นชาขึ้น
“เนี่ยหรูอวิ๋น เจ้าพูดเรื่องไร้สาระอันใด!”
เมื่อได้ยินชื่อนี้ ฉู่หลิวเยว่หยุดชะงักในทันที
“ข้าเป็นใคร จริงๆ แล้วข้าคือคุณหนูใหญ่ของสำนักเทียนอู่”
สำนักเทียนอู่ยังเป็นหนึ่งในตระกูลของอาณาจักรเสิ่นซวี่ และเนี่ยหรูอวิ๋นเป็นเพียงแก้วตาดวงใจของเนี่ยหงเจี่ย ประมุขของสำนักเทียนอู่
“หรูอวิ๋น อย่ากำเริบเสิบสาน!”
ชายวัยกลางคนที่ยืนอยู่ข้างนางเอ่ยขึ้นด้วยเสียงทุ้ม
ฉู่หลิวเยว่มองอยู่ครู่หนึ่ง คาดว่าคนผู้นี้ก็คือเนี่ยหงเจี่ย
เพียงแต่ คำพูดนี้ฟังดูเหมือนกำลังตำหนิ แต่ในแววตาของเนี่ยหงเจี่ยกลับไม่มีเจตนาตำหนิอย่างแท้จริง
แท้จริงแล้วหรูอวิ๋นยังคงหยิ่งผยอง และพูดด้วยเสียงเยาะเย้ยว่า
“เจ้าพูดไร้สาระอันใด? หรือว่าที่ข้าพูดไม่เป็นความจริงเหรอ? แม้ว่าข้าจะไม่มีเมล็ดพันธุ์ศักดิ์สิทธิ์ แต่ก็รู้ว่าสิ่งนี้เผด็จการอย่างมาก พวกเจ้าเชื่อใจนางง่ายดายเช่นนี้ และยังมอบความไว้วางใจทั้งหมดของตนเองไว้ในมือของนาง เกรงว่าต่อไปจะตายอย่างไรล้วนไม่อาจรู้ได้! ข้าไม่น่าโง่เขลาขนาดนั้น!”
เมื่อผู้คนบริเวณรอบๆ ได้ยินเข้าก็ยิ่งหวาดกลัวขึ้น
คนส่วนใหญ่ในพวกเขาไม่มีมีมิตรภาพอันใดกับฉู่หลิวเยว่อย่างแท้จริง
หากเป็นเช่นเดียวกับชือรุ่ยเออร์ และคนอื่นๆ ที่เกี่ยวข้องกับเมล็ดพันธุ์ศักดิ์สิทธิ์นั่น แม้จะสามารถรักษาชีวิตเอาไว้ได้เพียงชั่วคราว แต่ว่า…ต่อไปล่ะ?
ฉู่หลิวเยว่ถือเมล็ดพันธุ์ศักดิ์สิทธิ์ไว้ในมือ เมื่อคิดจะทำอะไร ก็ไม่อาจทำตามใจได้ทั้งหมดหรอกหรือ
บรรยากาศเปลี่ยนไปในชั่วขณะจนยากที่จะอธิบายได้
ฉู่หลิวเยว่ลูบคางไปมา
ดูเหมือนนางไม่เคยติดติดต่อกับคนของสำนักเทียนอู่ แต่เมื่อเห็นท่าทางของเนี่ยหรูอวิ๋น ราวกับมีความเกลียดชังอย่างลึกซึ้งกับนาง
นางไปขัดใจนางตั้งแต่เมื่อไรกัน
ดูเหมือนจะมองเห็นความสงสัยในใจของนาง ชือรุ่ยเออร์จึงพูดเสียงเบาขึ้น
“เยว่เออร์ นางและเว่ยซีผิงเป็นเพื่อนเล่นและรักใครกันมาตั้งแต่เด็ก อีกทั้งยังมีความสัมพันธ์อันลึกซึ้ง ก่อนที่เว่ยซีผิงจะถูกไล่ออกจากตระกูลเว่ย พวกเขาทั้งสองได้หมั้นหมายกันแล้ว”
ฉู่หลิวเยว่กระจ่างชัดขึ้นในทันที
ที่แท้ก็เป็นเช่นนี้
เนี่ยหรูอวิ๋นนี่เป็นการโยนความผิดทั้งหมดให้นางใช่หรือไม่
เนี่ยหรูอวิ๋นเต็มไปด้วยความเกลียดชังต่อฉู่หลิวเยว่และหรงซิว
เดิมทีนางกับเว่ยซีผิงต่างดีต่อกันมาโดยตลอด แม้กระทั่งได้ปรึกษากันว่าจะรอให้เว่ยซีผิงเรียนจบจากสำนักหลิงเซียว เมื่อกลับมาตระกูลเว่ยพวกเขาก็แต่งงานกันอย่างเป็นทางการ
ใครจะรู้ว่าต่อมาจะเกิดเรื่องมากมายเช่นนั้น?
เว่ยซีผิงหายตัวไปไม่ทราบสาเหตุ และการหมั้นระหว่างพวกเขาก็ถูกยกเลิก
นางจะเต็มใจที่จะเห็น “ผู้ร้าย” อย่างฉู่หลิวเยว่กับหรงซิวสองคนนี้อีกครั้งได้อย่างไร
เพียงแต่ก่อนหน้านี้ด้วยเหตุผลต่างๆ นางจึงไม่กล้าก่อความวุ่นวาย บัดนี้เมื่อโอกาสมาถึงแล้ว แน่นอนว่าไม่อาจปล่อยไปได้
ฉู่หลิวเยว่ไม่ได้โกรธอันใด นางยิ้มและพูดขึ้นอย่างสุภาพ
“คุณหนูใหญ่เนี่ย ข้าคิดว่าเจ้ากังวลมากเกินไป ข้าไม่ได้ตั้งใจจะช่วยเจ้า ดังนั้นความกังวลของเจ้า…จึงไม่จำเป็นแม้แต่น้อย”
“คิก คิก!”
เดิมทีชิรุ่ยเอ๋อร์ยังคงโกรธมาก เมื่อได้ยินคำพูดเช่นนี้ก็อดหัวเราะไม่ได้ในทันที
“ถูกต้อง! เนี่ยหรูอวิ๋น ยังไม่ถึงตาเจ้า ถึงมีสิทธิ์อันใดมาพูด? เจ้าประเมินตนเองสูงเกินไปแล้ว!”
สีหน้าของชือรุ่ยเออร์ เปลี่ยนเป็นสีแดงระเรือทันที
“เจ้า! ข้า ข้าแค่อยากเตือนทุกคนว่า อย่าเชื่อเจ้า! ใครจะรู้ว่าเจ้าต้องการใช้โอกาสนี้ทำอันใดบางอย่าง!”
ฉู่หลิวเยว่หยิบเมล็ดพันธุ์ศักดิ์สิทธิ์ขึ้นมา ค่อยๆ พลิกใบไม้เล็กๆ สองใบ และพูดขึ้นอย่างเป็นกันเองว่า
“คุณหนูใหญ่เนี่ย บอกตามตรงในตอนแรกที่หนานอีฝานเสียชีวิต ข้าไม่ได้คิดมากอันใดเช่นนั้น เจ้ามีความสามารถมากขนาดไหน และคุ้มค่าให้ข้าเสียเวลาเช่นนี้หรือ”
เมื่อนางพูดคำพูดเช่นนี้ มีรอยยิ้มจางๆ บนมุมปากของนาง เพียงแต่รอยยิ้มนี้ไปไม่ถึงดวงตา สีหน้าเยียบเย็นระหว่างคิ้ว ทำให้ผู้คนรู้สึกหวาดกลัว
เนี่ยหรูอวิ๋นสำลักทันที ผู้คนมากมายบริเวณรอบๆ มีสีหน้าเปลี่ยนไป
ภายในอาณาจักรเสิ่นซวี่ ตระกูลหนานกับตระกูลอี้แข็งแกร่งกว่าตระกูลชั้นสูงเหล่านี้ทั้งหมดในพวกเขาและยังต้องแข็งแกร่งขึ้นอีก
อี้เหวินเทาพ่ายแพ้แก่ลูกน้องของนาง อีกทั้งหนานอีฝานก็ตายในท่าเรือดอกท้อ ตระกูลหนานระส่ำระสาย ผู้คนบาดเจ็บล้มตายจำนวนมาก
ถ้านางต้องการลงมือกับคนที่อยู่ในเหตุการณ์จริงๆ เวลาที่มีและความแข็งแกร่ง เหตุใดต้องออกหน้าในเวลาเช่นนี้
การคาดเดาของเนี่ยหรูอวิ๋น แวบเดียวที่ได้ยินก็สมเหตุสมผลอยู่หลายส่วน แต่เมื่อคิดอย่างรอบคอบดีๆ ล้วนไม่มีน้ำหนักพอให้เชื่อได้จริงๆ
เนี่ยหงเจี่ยยืนขึ้น สองมือประสานทำความเคารพและพูดขึ้นว่า
“ท่านเยว่ ไม่ต้องกังวลไป หรูอวิ๋นยังเด็กนัก ความคิดยังไม่ค่อยรู้ความ ภายใต้แรงกดดันคงเลี่ยงไม่ได้ที่จะพูดอันใดผิดไป…”
“ประมุขเนี่ย”
จู่ๆ หรงซิวเอ่ยขึ้นอย่างเรียบเฉย
“หากข้าจำไม่ผิด บัดนี้เนี่ยหรูอวิ๋นอายุได้ยี่สิบกลาง ๆ ซึ่งแก่กว่าเยว่เออร์ของเราหลายปีเสียอีก หากไม่มีสมองก็คือไม่มีสมอง ไม่จำเป็นต้องใช้เรื่องอายุมาพูดให้มากความ”
เวลานี้สีหน้าของ เนี่ยหงเจี่ยดูไม่ได้อย่างมาก
หรงซิวกวาดตามองไปรอบหนึ่งและพูดขึ้น
“เยว่เออร์เป็นคนซื่อสัตย์จริงใจ และชอบช่วยเหลือผู้อื่นอย่างกระตือรือร้นมาโดยตลอด แต่ข้าไม่ได้มีความอดทนขนาดนั้น หากอยากมีชีวิตก็ต้องทำด้วยตนเอง แต่หากอยากตาย ข้าก็จะไม่รั้งไว้ สุดท้ายความสมบูรณ์ของพลังสวรรค์และโลกแห่งนี้ เมล็ดพันธุ์ศักดิ์สิทธิ์ก็ไม่ขาดปุ๋ยแม้แต่น้อย”
คำพูดของเขาทำให้ทุกคนเงีบบลงและมีสีหน้าเปลี่ยนไป ช่างยอดเยี่ยมยิ่งนัก
ฉู่หลิวเยว่ยกนิ้วโป้งอยู่ในใจอย่างเงียบๆ อีกครั้ง
ในวันปกติชายผู้นี้มักเกียจคร้านที่จะพูด แต่เมื่อเอ่ยปาก ความตรงไปตรงมาจึงบาดลึกถึงในใจ
เนี่ยหรูอวิ๋นหันหลังกลับและเดินจากไปด้วยความโมโห
………………..